WS บทที่ 344 สมรภูมิ PART 3
ในอากาศ เกราะสีสว่างขนาดมหึมานั้นเหมือนกับยักษ์ที่กางออกบนท้องฟ้า ร่างกายของมันยังคงเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง
อย่างไรก็ตาม เปลวเพลิงอันน่ากลัวสามารถเผาไหม้ได้เฉพาะบนพื้นผิวของเกราะขนาดใหญ่เท่านั้น มันยากมากที่จะสร้างความเสียหายให้กับร่างที่อยู่ภายในชุดเกราะและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะละลายเกราะลงไป
นี่เป็นพลังของเกราะสัมบูรณ์หลังจากที่หลอมรวมกับผสานผืนพิภพ มันสามารถต้านทานการโจมตีด้วยคาถาระดับหกได้ ดังนั้น ด้วยการปกป้องจากมัน เมอร์ลินจึงไม่อาจได้รับอันตรายจากการโจมตีของพ่อมดลำดับที่สี่
ยิ่งไปกว่านั้น ลักษณะเด่นของเกราะสัมบูรณ์คือการฟื้นฟูตัวเองซึ่งต้องการพลังเวทย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่ามันจะใช้พลังเวทย์มนตร์อย่างต่อเนื่องแต่เมอร์ลินก็ไม่กลัวว่าพลังเวทย์จะไม่พอ
*แคร่ก!*
ลูกธนูน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกของพ่อมดลำดับที่เก้าโอเดนตกลงไปที่เกราะสัมบูรณ์ แต่พลังของมันทำได้แค่ตัวเกราะสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้น ลูกศรน้ำแข็งก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันไม่มีสามารถทำอะไรกับเกราะสัมบูรณ์ได้เลย
พ่อมดลำดับที่สี่จ้องมองไปที่ชุดเกราะขนาดมหึมาบนท้องฟ้า “นี่มันเกราะสัมบูรณ์! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าองค์ชายแปดได้มอบคาถานี้ให้กับเมอร์ลิน! เกราะสัมบูรณ์ถือได้ว่าเป็นคาถาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคาถาระดับสาม!”
พ่อมดลำดับที่สี่ติดตามองค์ชายสี่มาหลายปีแล้วและได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคาถาของราชวงศ์มากมาย แน่นอนว่า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเกราะสัมบูรณ์ที่มีชื่อเสียง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคาถาระดับสาม แต่เมื่อใช้งานกับอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลังแล้ว พลังเวทย์มนตร์ของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเรียกว่า ‘สัมบูรณ์’
เหตุผลที่มันได้รับชื่อเสียงอย่างมากสำหรับตัวเองก็เนื่องมาจากเอกลักษณ์ของมัน มันสามารถป้องกันได้รอบด้านและแทบไม่มีข้อบกพร่องหรือช่องโหว่เลย
“ไม่ว่าการป้องกันของเกราะสัมบูรณ์จะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไม่ควรต้านทานการโจมตีรวมกันจากพวกเราสามคนได้!” แม่มดลำดับที่ห้ารวบผมยาวของเธอและกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พ่อมดลำดับที่สี่มองดูเมอร์ลินอย่างพินิจพิจารณา จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “พลังปีศาจแพนโดร่า มันคือพลังปีศาจที่สามารถหลอมรวมเป็นเวทมนตร์ได้!”
“คุณกำลังพูดว่าเมอร์ลินมีพลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถหลอมรวมเป็นเวทมนตร์ได้งั้นเหรอ?” แม่มดลำดับที่ห้าตกตะลึงชั่วขณะ ตามด้วยแสงวาบด้วยความประหลาดใจบนใบหน้าของเธอ
สำหรับนักเวทย์ทั่วไปแล้ว นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังปีศาจพนโดร่าและแน่นอนจะไม่ทราบถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างความสามารถต่าง ๆ ของพวกมัน
แม่มดลำดับที่ห้าคือนักเวทย์ระดับหกที่เดินทางไปในโลกกว้าง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เธอทราบดีว่าในบรรดาพลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถหลอมรวมเป็นเวทมนตร์นั้นหายากและมีค่าอย่างยิ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่แม่มดลำดับที่ห้ามีประกายแห่งคลาวโลภในแววตาของเธอ เมื่อเธอค้นพบว่าเมอร์ลินมีพลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถหลอมรวมเป็นเวทมนตร์ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พ่อมดลำดับที่สี่และห้าจะโจมตีอีกครั้ง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เมอร์ลินซึ่งอยู่บนท้องฟ้าสูงส่งแสงวาบเจิดจ้า เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มตัวเขาไว้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกมันถูกดูดซับโดยร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ ด้วยการปราบปรามของแม็กซิมแห่งไฟ เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับเมอร์ลิน ตรงกันข้าม พวกมันจะถูกแปลงเป็นพลังเวทย์มนตร์ให้เขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการของแม็กซิมแห่งไฟแล้ว เมอร์ลินก็หันกลับมามองตรงไปยังพ่อมดโอเดนที่อยู่ข้างหลังเขาทันที
“โอเดน คราวที่แล้วคุณรอดหนีไปได้แต่คราวนี้คุณไม่โชคดีเหมือนครั้งที่แล้วแน่นอน!”
เมอร์ลินประกาศ เป็นอีกครั้งที่เปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา คราวนี้เป็นเปลวไฟสีขาวของเพลิงวินาศ
“หลอมเปลวเพลิง!”
ลูกไฟขนาดเล็กเริ่มปรากฏขึ้นทีละลูก สิ่งเหล่านี้เป็นลูกไฟที่ถูกบีบอัดซึ่งมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว มันเป็นคาถาที่เมอร์ลินสร้างขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งเป็นคาถาธาตุไฟระดับสามซึ่งมีพลังมากกว่าทะเลเพลิงแห่งการชำระของเขามาก
*พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ*
ลูกไฟขนาดเล็กหลายลูกพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทุกทาง พ่อมดเก้าไม่สามารถหลบพวกมันได้ เขาทำได้เพียงร่ายเวทย์ป้องกันเพื่อปกป้องร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตาม พ่อมดโอเดนมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือคาถาป้องกัน ย้อนกลับไปตอนนั้น เมอร์ลินเคยใช้คาถาธาตุมืดเพื่อดักจับโอเดนไว้ชั่วคราวในภาพลวงตา แต่ก็ยังล้มเหลวในการฆ่าเขา เห็นได้ชัดว่าคาถาป้องกันของเขามีความโดดเด่นมาก
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
*ชี่ ชี่ ชี่ ชี่*
ลูกไฟขนาดเล็กสองสามลูกกระทบร่างกายของโอเดนอย่างต่อเนื่อง พวกมันไม่ได้ให้ผลกระทบที่รุนแรงมากนักและดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ทำอันตรายใด ๆ กับโอเดนได้เลย
แต่ไม่นานลูกไฟขนาดเล็กก็เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพวกมันติดอยู่บนร่างกายของเขา เปลวเพลิงลุกโชนและลุกลามไปทั่วร่างกายของโอเดนอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเปลวไฟที่ลุกโชนรุนแรง ห่อหุ้มโอเดนไว้
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้…พ่อมดลำดับที่สี่ แม่มดลำดับที่ห้า ช่วยฉันด้วย…”
เปลวเพลิงที่โชติช่วงได้กลืนกินโอเดนไปทั้งร่างแล้ว คราวนี้โชคของเขาหมดลงแล้ว คาถาระดับสามของเมอร์ลิน หลอมเปลวเพลิงที่ผสานเข้ากับเพลิงวินาศ พลังของมันเทียบเท่ากับคาถาระดับหกที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำลายคาถาป้องกันของโอเดน
โอเดนที่ติดอยู่ภายในกองไฟที่น่าสะพรึงกลัวของเพลิงวินาศ อีกไม่นานเขาจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
“นี่ไม่ดีแล้ว รีบไปช่วยโอเดนเร็วเข้า!”
สีหน้าของพ่อมดลำดับที่สี่เปลี่ยนไป เขาร่ายคาถาอย่างเร่งรีบ อุณหภูมิโดยรอบลดลงทันที ชั้นของผลึกน้ำแข็งเริ่มก่อตัวขึ้นจากพื้นดินสู่กลางอากาศ แผ่ขยายไปทางพ่อมดโอเดนอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดเปลวไฟสีขาวบนร่างกายของเขา
“หึ!! สายไปแล้ว!”
หัวใจของเมอร์ลินเต้นแรงและเปลวไฟลุกลามลุกไหม้รุนแรงขึ้น เปลวไฟสีขาวแผดเผาไปในอากาศ ผลึกน้ำแข็งและละลายกลายเป็นหยดน้ำ หยดลงสู่พื้น
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่มีเสียงใด ๆ จากพ่อมดโอเดนอีกต่อไป เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก็ไม่พบร่องรอยของพลังชีวิตของอีกต่อไปแล้ว
“โอเดนตายแล้วเหรอ?”
สีหน้าของพ่อมดลำดับที่สี่และห้านั้นตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ถึงโอเดนจะอยู่ในลำดับที่เก้าแต่เขาก็เป็นถึงนักเวทย์ระดับหก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขาถูกฆ่าตายในทันทีด้วยคาถาบทเดียวจากเมอร์ลิน นี่เป็นความสำเร็จที่แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่สามารถจะบรรลุได้
เมื่อพวกเขาหันกลับมามองเมอร์ลินอีกครั้ง ใบหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึม พวกเขาไม่จะไม่ทำตัวประมาทฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป
ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว เมอร์ลินก็นำเพลิงวินาศกลับมาพร้อมกับแหวนด้วย มันคือแหวนของพ่อมดโอเดน
เมอร์ลินเองก็ไม่อยากเชื่อเล็กน้อย ก่อนที่จะมาที่เมืองอิมพีเรียล เขาทำได้แค่เผชิญหน้ากับโอเดนอย่างหวาดกลัวเท่านั้น ในทางกลับกัน ตอนนี้เขาสามารถฆ่าโอเดนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ดีดนิ้ว การเปลี่ยนแปลงระหว่างสองเหตุการณ์นั้นรวดเร็วมากจนเกือบจะเหมือนฝันไป มันค่อนข้างยากสำหรับเขาที่จะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
อย่างไรก็ตาม เขาเหลือบมองเกราะที่เต็มกำลังบนร่างกายของเขา และหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือพลังที่แท้จริง แม้จะอยู่ภายใต้การโจมตีของนักเวทย์ระดับหกสามคน เขาก็ออกมาโดยไม่ได้รับอันตราย ตราบใดที่ไม่ใช่คาถาระดับเจ็ดหรือพลังปีศาจแพนโดร่าก็ไม่มีสิ่งใดสามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไป!
“แม่มดลำดับที่ห้า เปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของคุณออกมา ฉันจะใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของฉันด้วย มิฉะนั้น พวกเราจะจบลงแบบเดียวกับโอเดน!”
พ่อมดผมสีเงินมองดูเมอร์ลินอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
…
“ดวงตาแห่งความมืดในตำนานทรงพลังอย่างที่พูดกันจริง ๆ!”
ในอีกด้านหนึ่ง พ่อมดมอร์สตันและทานนินได้ล้อมรอบพ่อมดลีโอจากด้านหน้าและด้านหลังกลางอากาศ นักเวทย์ระดับแปดสองคนนี้ไม่ใช่คนที่จะพูดยกย่องใครง่าย ๆ นี่แสดงให้เห็นว่าพวกประทับใจพลังของดวงตาแห่งความมืดอย่างแท้จริง
ส่วนทางด้าน พ่อมดลีโอก็ดูสงบอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าเขาไม่รู้ถึงแรงกดดันของสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่
ในการต่อสู้ครั้งก่อน พ่อมดมอร์สตันและทานนินได้ค้นพบว่าไม่ว่าเวทมนตร์จะทรงพลังหรือแปลกประหลาดเพียงใด พวกมันก็ยังคงถูกทำลายโดยพ่อมดลีโอโดยใช้รูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืด
ในตำนานเล่าไว้ว่าดวงตาแห่งความมืดมีทั้งหมดเจ็ดรูปแบบ ความจริงที่ว่าเพียงแค่รูปแบบที่สามเท่านั้นที่มีพลังมากจนสามารถยับยั้งพ่อมดมอร์สตันและทานนินได้ มันยิ่งทำให้พวกเขามุ่งมั่นที่จะเอามันมาให้มากขึ้น
ไม่มีนักเวทย์คนอื่นในบริเวณใกล้เคียงการต่อสู้ระหว่างพ่อมดลีโอกับพ่อมดมอร์สตันและทานนิน นักเวทย์ร่ายมนตร์ทุกคนต่างถอยห่างจากพวกเขา เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างพ่อมดทั้งสามนี้ไม่ใช่การต่อสู้ที่นักเวทย์ทั่วไปสามารถแทรกแซงได้อีกต่อไป เพียงแค่ผลกระทบของคาถาระดับแปดอาจทำให้นักเวทย์ระดับหกได้รับความเสียหายและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ยิ่งกว่านั้น ดวงตาแห่งความมืดของพ่อมดลีโอก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน หากใครถูกรังสีสีแดงเลือดสาดส่อง ร่างกายของเขาก็เน่าเปื่อยทันที มันจะเป็นความตายที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
ดังนั้น ทุกคนจึงรักษาระยะห่างจากพ่อมดลีโอและคู่ต่อสู้ของเขา เกรงว่าจะถูกโจมตีโดยไม่ได้ตั้งใจจากผลของการต่อสู้
“ทานนิน ถึงเวลาเอาจริงแล้ว ใช้พลังปีศาจแพนร่าของนายซะ!! ฮ่า ๆ ๆ เราจะดูว่าดวงตาแห่งความืดของเขาเพียงพอที่จะเอาชนะพลังปีศาจแพนโดร่าของเราได้หรือไม่!”
ทันใดนั้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อมดมอร์สตัน วินาทีถัดมา ร่างของเขาปรากฏเป็นม่านน้ำสีขาวไหลอย่างต่อเนื่อง
“คาถาธาตุน้ำ?”
พ่อมดลีโอมองดูม่านน้ำสีขาวแปลกตาซึ่งปรากฏอยู่บนร่างกายของพ่อมดทานนินและมอร์สตัน มันเป็นคาถาธาตุน้ำที่หายากมาก
คาถาประเภทน้ำนั้นพลังโจมตีกับพลังป้องกันไม่ดีนัก แม้แต่ความสามารถในการผูกมัดของมันก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก ถือว่าเป็นหนึ่งในธาตุที่อ่อนแอกว่าโดยธรรมชาติ ดังนั้นนักเวทย์ส่วนใหญ่จะไม่สร้างคาถาธาตุน้ำ
อย่างไรก็ตาม คาถาธาตุน้ำก็มีลักษณะพิเศษบางอย่างเช่นกัน คาถาธาตุน้ำบางชนิดสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ อันที่จริง คาถาธาตุน้ำจำนวนมากมีคุณสมบัติในการรักษา
เพียงแต่ว่านักเวทย์ส่วนใหญ่มียารักษา ดังนั้นคุณสมบัติการรักษาของคาถาธาตุน้ำจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ ควบคู่ไปกับความจริงที่ว่าพลังโจมตี พลังป้องกันและพลังผูกมัดของมันไม่โดดเด่นจึงทำให้มีนักเวทย์เพียงไม่กี่คนที่สนใจในการสร้างคาถาธาตุน้ำ
เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนที่พ่อมดทานนินและมอร์สตันไม่เพียงแต่สร้างคาถาธาตุน้ำแต่ยังฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุน้ำอีกด้วย ม่านน้ำสีขาวเป็นทักษะสูงสุดของทั้งพ่อมดมอร์สตันและทานนิน
พ่อมดลีโอขมวดคิ้ว ดวงตาสีเลือดที่หน้าผากกระตุกเล็กน้อยและรังสีสีแดงเลือดก็พุ่งตรงไปยังพ่อมดมอร์สตัน
“ดวงตาแห่งความมืด จงทำลาย!”
มันเป็นรูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดที่ยากต่อการป้องกันด้วยเวทมนตร์ระดับแปด ก่อนหน้านี้ พ่อมดมอร์สตันจะหลบเลี่ยงมันทั้งหมดหรือใช้คาถาป้องกันเพื่อป้องกันการโจมตีของมัน
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ พ่อมดมอร์สตันยังคงอยู่ที่เดิม ปล่อยให้รังสีสีแดงของดวงตาแห่ความมืดกลืนกินร่างกายของเขา