ตอนที่ 2 ช่างเป็นความหวาดกลัวที่น่าอัศจรรย์!
ตอนที่ 2 ช่างเป็นความหวาดกลัวที่น่าอัศจรรย์!
ในขณะนี้ความมึนเมาของชาวนาเกือบจะหายไปจนหมด เขาได้มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
‘ไม่มีใครอยู่!’
‘แล้วใครเป็นคนพูด?’
ชาวนามองดูหุ่นไล่กาที่อยู่ข้างหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว
‘อาจจะเป็นเขา?’
ชาวนาได้พัฒนาความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้ขึ้นมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างเขินอายว่า “นี่ฉันดื่มมากไปจริง ๆ หุ่นไล่กาจะพูดได้ยังไงกัน?”
“ฉันคงได้ยินผิดไปเอง”
หลังจากพูดพึมพำเสร็จแล้ว ชาวนาก็วางแผนที่จะเดินต่อไปและรีบกลับบ้าน
เขาปลอบใจตัวเองด้วยข้ออ้างที่ว่าเขาคงหูแว่วไปเอง แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ได้หายไปแล้ว เมื่อเขามองดูทุ่งข้าวสาลีที่ดำสนิท เขาก็รู้สึกหงุดหงิดไม่มากก็น้อย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
แต่ในชั่วขณะต่อมา สิ่งที่เรียกว่าประสาทหลอนทางหูก็ได้เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง
“พี่ชาย มืดแล้ว เดินระวังด้วย”
คราวนี้ชาวนาหยุดชะงักในทันที
เหงื่อเย็น ๆ ได้ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
คราวนี้ไม่ใช่ภาพหลอนอย่างแน่นอน!
[ ค่าความหวาดกลัว + 30 ]
ชาวนาได้มองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามเพิ่มความกล้าหาญด้วยการพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“ใครกัน ใครเป็นคนพูด หยุดเสแสร้งได้แล้ว ฉันไม่กลัวหรอกนะ!”
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครตอบกลับเขาท่ามกลางทุ่งข้าวสาลีที่ว่างเปล่าแห่งนี้
มีเพียงเสียงกรอบแกรบเล็กน้อยของลมกลางคืนที่พัดผ่านทุ่งข้าวสาลีแห่งนี้
เดิมทีเสียงนี้นั้นน่าฟังไม่น้อย แต่บัดนี้กลับกลายเป็นเหมือนกับเสียงกระซิบของปีศาจไปเสียแล้ว
หลังจากที่ชาวนาได้ยินเสียงเช่นนี้ ชาวนารู้สึกว่าราวกับว่ามีกรงเล็บเล็ก ๆ กำลังขีดข่วนหัวใจดวงน้อย ๆ ของเขา ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นไม่น้อย
สิ่งนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้เขาอยากจะหนีไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขาของเขานั้นอ่อนแรง
บรรยากาศของทุ่งข้าวสาลีในตอนกลางคืนทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
กรอบแกรบ... กรอบแกรบ…
ลมกลางคืนพัดผ่าน และหุ่นไล่กาที่อยู่ข้าง ๆ ได้ส่งเสียงกรอบแกรบออกมาราวกับเสียงของทุ่งข้าวสาลี
ชาวนาเดินตามเสียงนั้นและหันไปมองหุ่นไล่กาที่อยู่ข้างหน้าเขา
มันเป็นหุ่นไล่กาที่ดูเรียบง่าย
มันเป็นหุ่นคนที่ทำมาจากฟางตามชื่อของมัน มันถูกคลุมด้วยผ้าขี้ริ้วสีขาวสกปรกซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเศษผ้า
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของมันคือใช้เพื่อใช้ขู่ขวัญนก และบางส่วนของหุ่นถูกทำให้ ‘ละเอียดอ่อน’ ขึ้นเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น ใบหน้าถูกตัดด้วยมีดและใช้รูมีดรูนั้นนั้นเป็นปาก
และยังมีตาของเล่นปลอมอีกด้วย
มีแม้กระทั่งหมวกปีกกว้างสวมอยู่บนหัวของหุ่น
เดิมทีมันเป็นภาพที่ค่อนข้างดูตลกขบขันไม่น้อย
แต่ตอนนี้ ในสายตาของชาวนา เขารู้สึกว่ามันแปลกเป็นอย่างมาก
“เป็นไปได้ไหมที่หุ่นตัวนี้พูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเมื่อกี้?”
ชาวนาพึมพำกับตัวเองและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ไม่ใช่ว่าเขาได้เจอผีไม่ใช่เหรอ?
อย่างไรก็ตาม เขาได้เห็นผีจริง ๆ
ในวินาทีต่อมา หุ่นไล่กาก็ได้ฉีกยิ้มและมองไปยังชาวนาชราผู้นั้น
“เพื่อนเก่า เราไม่ได้เจอกันอยู่ทุกวันหรอกเหรอ?”
เมื่อชาวนามองดูหุ่นไล่กาที่อยู่ข้างหน้าเขา จิตใจของชาวนาก็สั่นไหวในทันที ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก
ในขณะนี้ ชาวนาถึงกับรู้สึกว่าหูของเขามีเสียงดังขึ้น
นี่ไม่ใช่ผลของทักษะของแฟลนเดอร์ส แต่เป็นปฏิกิริยาทางกายภาพที่เกิดจากความหวาดกลัวของชาวนาชราผู้นี้เอง
[ ค่าความหวาดกลัว + 30 ]
ชาวนาผู้นี้ได้เห็นหุ่นไล่กาตัวนี้อยู่ทุกวัน
ในความทรงจำของเขา หุ่นไล่กาตัวนี้ยืนอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว
ใครจะไปคิดว่าหุ่นไล่กาตัวนี้ที่เขาเห็นอยู่ทุกวันจะพูดได้จริง ๆ
ชาวนามีเหงื่อไหลออกมากโดยไม่รู้ตัว มีของเหลวไหลลงมาจากต้นขาของเขา ทำให้กางเกงเปียกชื้น
ชาวนาคนนี้กลัวมากจนฉี่ราดตัวเอง
ขาของเขาอ่อนแรงและไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกต่อไป เขามองดูหุ่นไล่กาที่อยู่ข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว เขาใช้มือพยุงตัวเองให้นั่งบนพื้นแล้วคลานถอยหลัง
แต่แฟลนเดอร์สนั้นไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อที่อยู่ตรงหน้าเขาหนีไปอย่างแน่นอน
[ ความหวาดกลัว! ]
ดวงตาของแฟลนเดอร์สเพ่งมองชาวนา สีหน้าของชาวนากลายเป็นสีขาวซีดในทันทีและดวงตาของเขาก็ดูว่างเปล่า
ในจิตใจของชาวนานั้นเต็มไปด้วยความสยดสยองที่ยากจะคำนึงถึง
เขาเห็นตั๊กแตนได้บดบังท้องฟ้า พวกมันมุ่งหน้าเข้าไปในทุ่งข้าวสาลีและกินพืชผลของเขา
เขาหยิบเครื่องมือทำฟาร์มขึ้นมาและโบกไปมา พยายามขับไล่ตั๊กแตนออกไป
อย่างไรก็ตาม ตั๊กแตนได้วิ่งเข้ามาหาเขาทีละตัว
ทันใดนั้นเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยตั๊กแตนนับพันตัว
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ตั๊กแตนก็ได้เริ่มกัดกินเนื้อของเขา!
ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนี้ทำให้เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับความกลัวตายที่อบอวนอยู่เต็มอกของเขา
…
[ ค่าความหวาดกลัว + 50 ]
ย้อนกลับไปในโลกความเป็นจริง แฟลนเดอร์สไม่ลังเลและเปิดอินเทอร์เฟซการเรียนรู้ทักษะในทันที
เขาได้รับค่าความหวาดกลัวมามากมาย ในตอนนี้เขามีค่าความหวาดกลัวถึง 160 คะแนน มันเพียงพอที่จะทำให้เขาเรียนรู้ทักษะอื่นได้
แฟลนเดอร์สเรียนรู้ [ ร่างเทพปีศาจ ] โดยไม่ลังเล
แม้ว่า [ สะบั้นราตรี ] จะเป็นทักษะที่ร้ายกาจ แต่ [ ร่างเทพปีศาจ ] นั้นสามรถใช้งานได้จริงมากกว่าในขณะนี้
ท้ายที่สุด แฟลนเดอร์สเป็นเพียงแค่หุ่นไล่กาที่มีสติสัมปชัญญะ นอกจากใบหน้าของเขาแล้ว เขาไม่สามารถขยับอย่างอื่นได้อีก
แม้ว่าเขาจะเรียนรู้ [ สะบั้นราตรี ] แล้วก็ตาม เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อยู่ดี
สองวินาทีได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ ชาวนาได้เป็นอิสระจากจินตนาการของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงมักจะน่ากลัวกว่าจินตนาการเสมอ
ขณะที่เขากำลังหอบหายใจ เขายังคงจมอยู่ในความหวาดกลัวจากจินตนาการของเขา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหุ่นไล่กาที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังเดินมาหาเขาจริง ๆ
ถูกต้องมันกำลังเดินมา!
ภายใต้แสงจันทร์ที่ดูสลัว หุ่นไล่กาได้ฉีกยิ้มออกมา เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
แม้ว่าหุ่นไล่กาจะมีความสูงเพียงแค่ 1.5 เมตร แต่ชาวนานั้นกำลังนั่งอยู่บนพื้น
ซึ่งในมุมมองเขาชาวนานั้นหุ่นไล่กาดูสูงเป็นอย่างมาก
ในไม่ช้าหุ่นไล่กาก็มาถึงตรงหน้าเขา
ร่างที่ดูสูงใหญ่ถูกปกคลุมไปแสงจันทร์ที่อยู่ข้างหลังเขา
เงาดำทมิฬได้ปกคลุมใบหน้าของชาวนา
ในเวลานี้ ใบหน้าของชาวนาได้บิดเบี้ยวซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความตกใจ
ในสายตาของแฟลนเดอร์ส การแสดงออกเช่นนี้ดูสวยงามราวกับเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
“ช่างเป็นความหวาดกลัวที่น่าอัศจรรย์!”
เมื่อมองไปที่ชาวนาที่อยู่ข้างหน้าเขา หุ่นไล่กาได้แสดงความเห็นออกมาราวกับว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
และเมื่อประโยคนี้ได้ดังเข้าไปในหูของชาวนา มันก็ได้กลายเป็นคำพูดที่น่ากลัวที่สุดในโลกในทันที
[ ค่าความหวาดกลัว + 5 ]
[ ค่าความหวาดกลัว + 5 ]
[ ค่าความหวาดกลัว + 5 ]
…
ระบบได้แจ้งเตือนถึงค่าความหวาดกลัวที่เขาได้รับอย่างต่อเนื่อง
แฟลนเดอร์สไม่รู้ว่านี่เป็นผลสืบเนื่องของทักษะ [ ความหวาดกลัว ] หรือชาวนาเพียงแค่กลัวกันแน่
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ชาวนาที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นเหมือนกับลูกแกะที่อ่อนแอ
และแฟลนเดอร์สก็เปรียบเสมือนหมาป่าที่มีแววตาดุร้าย
เมื่อแกะได้เป็นอัมพาตเนื่องจากความหวาดกลัวได้มาพบกับหมาป่าที่หิวโหย โลภมาก และโหดเหี้ยม ก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ในวินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องของชาวนาก็ดังก้องไปทั่วทุ่งข้าวสาลี
...
แฟลนเดอร์สได้เลียเลือดที่ติดอยู่บนมือของเขา เขากำลังลิ้มรสความหวาดกลัวที่เขาเพิ่งเก็บเกี่ยวมาได้
ความหวาดกลัวจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแฟลนเดอร์ส
และความรู้สึกของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นนั้นยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบมิได้
ก่อนที่ชาวนาจะเสียชีวิต เขานั้นรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ซึ่งเขาได้มอบค่าความหวาดกลัว 100 คะแนนให้แฟลนเดอร์ส
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของแฟลนเดอร์สเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน เขายังได้เรียนรู้ทักษะ [ สะบั้นราตรี ]
ในขณะนี้ ทักษะทั้งสามได้ถูกปลดล็อคเป็นที่เรียบแล้ว และร่างกายของเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
อย่างไรก็ตาม เขาค่อย ๆ ทำความสะอาดคราบเลือดที่ติดอยู่บนร่างกายของเขาและได้กลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่
แสงจันทร์ยังคงตกลงมาบนพื้นอย่างเงียบ ๆ
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในช่วงเช้า ในทุ่งข้าวสาลีนั้นมีศพที่มีท่าทางบิดเบี้ยวปรากฏขึ้น