ตอนที่ 199+200 ข้อตกลงการโอนหุ้น
ตอนที่ 199 ข้อตกลงการโอนหุ้น
เธอทำตัวสบาย ๆ และเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้สึกอึดอัดใจตอนที่อยู่กับเขา ลู่ชิงสีชื่นชอบเจียงเหยาที่เป็นแบบนี้มากเพราะเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคู่รักธรรมดาที่สามารถสื่อสารและทำตัวเป็นปกติต่อกันได้
“ทำไมคุณถึงอยากได้โรงพยาบาลของตระกูลฉีล่ะ?” ลู่ชิงสีถามคำถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มีเพียงความอยากรู้ในน้ำเสียงของเขาเท่านั้น
“แม่ของสหายคุณรักษาที่โรงพยาบาลนั้นไม่ใช่เหรอ ถ้าโรงพยาบาลเป็นของฉัน เราสามารถจัดหมอที่ดีที่สุดมาดูแลแม่ของเขาได้ เราสามารถเลือกยาที่ดีที่สุดสำหรับเธอได้ เราสามารถจ้างพยาบาลมืออาชีพที่ดีที่สุดมาดูแลเธอ เรายังสามารถยกเว้นค่าใช้จ่ายของเธอได้ด้วย ไม่ดีหรือไง?”
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่เธอต้องการโรงพยาบาล
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เธอต้องการโรงพยาบาลเพื่อปิดบังระบบการแพทย์ ในอนาคตเธอวางแผนจะสร้างโรงละครส่วนตัว ด้วยวิธีนี้ หากเธอต้องการทดลองการใช้ยาหรืออะไรที่เธอสร้างในระบบ เธอไม่ต้องกังวลว่าเรื่องจะแดง
“ใช่แล้ว คุณรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉีกับตระกูลหวงอยู่ก่อนแล้วใช่ไหม?” เจียงเหยาถาม
“คุณดูไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นคุณหวงมาในวันนี้”
“ใช่ ตอนที่ซวีเหยาได้พูดถึงฉีเซียง ผมได้ค้นเกี่ยวกับเครือข่ายที่เป็นไปได้ของตระกูลฉีและพบว่ามีตระกูลหวงนี่แหละ ต้องบอกว่าคุณหวงเป็นคนที่น่าสนใจทีเดียว”
เมื่อลู่ชิงสีพูดถึงหวงเฉิงจิ้ง สีหน้าของเขาดูขบขันโดยเฉพาะตอนที่เขาพูดว่า ‘น่าสนใจ’ ดูเหมือนว่าเขาจะชมและประณามอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จากการใช้เล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้ เจียงเหยาได้เข้าใจเขาเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย เธอตระหนักว่าชายผู้นี้ซึ่งอยู่ในกองทัพตลอดทั้งปีไม่ได้เป็นผู้ชายหยาบกระด้างอย่างที่คิด เขามีสติสัมปชัญญะและระมัดระวังในการกระทำของตนเอง เขามีเล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ
ตระกูลฉีรู้สึกสิ้นหวัง เมื่อเจียงเหยาเลือกเอาโรงพยาบาล แต่หลังจากที่หวงเฉิงจิ้งบอกพวกเขาไปว่า ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ขอธุรกิจทั้งหมด พวกเขารู้สึกว่าเสียแค่โรงพยาบาลไปก็นับว่าพอทำใจได้
ราวกับจะกลัวว่าลู่ชิงสีและเจียงเหยาจะเสียใจกับการตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลไป เช่นเดียวกับการต้องการอยากยุติปัญหาที่อาจเกิดขึ้น พวกเขารีบโอนหุ้นโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ฉีเซียงได้นำทนายความมาพร้อมกับเขา และเข้าไปพบลู่ชิงสีและเจียงเหยาที่โรงแรม
ลู่ชิงสีและเจียงเหยาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เมื่อมีแขกมาเคาะประตู จึงเปิดต้อนรับผู้มาเยือน
“นายท่านลู่ คุณเจียง” ฉีเซียงทักทายพวกเขาอย่างนอบน้อมทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง จากนั้นก็โค้งคำนับเจียงเหยาและขอโทษอย่างเคร่งขรึม “คุณเจียง ผมต้องขอโทษด้วยครับ”
หลังจากขอโทษเสร็จ ฉีเซียงสังเกตคู่สามีภรรยาที่อยู่ชั้นกว่าเขาอย่างรอบคอบ เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในท่าทาง เขาจึงนำเอกสารจากทนายความส่งให้กับเจียงเหยา “นี่คือข้อตกลงในการโอนหุ้น พ่อแม่ของผมและผมได้ลงนามแล้วครับ เอกสารนี้จะมีผลทันทีที่คุณลงนาม นี่คือทนายความของตระกูลหวง คุณสามารถปรึกษาเขาได้หากมีข้อสงสัย”
เขามาพร้อมกับทนายของตระกูลหวง นั่นหมายความว่าตระกูลฉีได้มอบหมายให้ตระกูลหวงเป็นผู้รับประกัน เพื่อให้ลู่ชิงสีรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีแผนการอะไรแอบแฝง
ลู่ชิงสีรับเอกสารและมองผ่านอย่างรวดเร็ว ข้อตกลงดังกล่าวเต็มไปด้วยข้อบังคับทางกฎหมายที่ยากและซับซ้อน แต่เขาอ่านเหมือนผู้ใหญ่ที่อ่านหนังสือสำหรับเด็ก หลังจากยืนยันว่าข้อตกลงถูกต้องโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เขาก็ยืนเอกสารให้เจียงเหยาลงชื่อ
“ฉีเซียง ฉันอยากให้คุณรู้ว่าฉันเกลียดคนที่คิดว่าตัวเองทำถูกต้องมากที่สุด จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครกล้าท้าทายหรือหลอกลวงฉัน ดังนั้นฉันหวังว่าตระกูลฉีจะไม่ใช่คนแรก” ลู่ชิงสีจ้องมองไปที่ฉีเซียงอย่างเย็นชา
“ฉันไม่ต้องการเห็นว่าหมอที่เป็นกรรมการบริหารในโรงพยาบาลมาเข้าคิวกันยืนใบลาออกกันไปทีละคน หลังจากที่ฉันกลับไปที่กองทัพหรอกนะ ฉันไม่รังเกียจที่ต้องกลับมาหนานเจียงอีกครั้ง ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น”
__
ตอนที่ 200 ขายมันแล้วเก็บเงินนั่นไว้ซะ
“ครับ นายท่านลู่ พวกเราตระกูลฉี เป็นนักธุรกิจมือสะอาด ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่พวกเรายึดมั่นครับ”
ฉีเซียงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เมื่อลู่ชิงสีจ้องตรงมาที่เขา เขาไม่เคยพบใครที่น่ากลัวเท่าลู่ชิงสี ที่ส่องแสงจ้าเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่พร้อมจะบดขยี้เขาจนไม่สามารถขยับได้
ตระกูลฉีไม่กล้าเล่นตลกที่อาจเป็นอันตรายได้อีกต่อไป ทั้งหมดที่เขาทำเพียงแค่การคิดร้ายเจียงเหยา บวกกับความพยายามที่ล้มเหลวในการทำตัวเจ้าชู้กับเธอ ด้วยเรื่องนี้เขาต้องจ่ายราคาเป็นโรงพยาบาลทั้งโรง หากตระกูลฉีกล้าทำอะไรที่สร้างความรำคาญให้กับยมทูตลู่อีกครั้ง เขากังวลว่าอาณาจักรธุรกิจและครอบครัวของพวกเขาคงล้มละลายเกินกว่าจะฟื้นคืนได้
ฉีเซียงรู้สึกขมขื่นเล็กน้อยเกี่ยวกับคำพูดของลู่ชิงสี ที่บอกเป็นนัยว่าไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรทั้งหมดหลังจากที่เจียงเหยาเข้าถือหุ้นในโรงพยาบาล แม้ว่าจะมีหมดหรือเจ้าหน้าที่นี้ต้องลาออกไม่ว่าเหตุผลของพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับประธานคนใหม่หรือไม่ก็ตาม ตระกูลฉีก็ต้องเอาใจพวกเขาให้ทำงานต่อ
ลู่ชิงสีไว้ชีวิตฉีเซียงเพราะเห็นแก่ตระกูลหวง ฉีเซียงรู้ด้วยว่าลู่ชิงสีเกลียดชังเขาสำหรับความคิดที่เลวทรามของเขาที่มีต่อภรรยาของชายผู้นั้น – มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอนสำหรับผู้ชาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ตรงนั้นนานเกินไป หลังจากลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้ว ฉีเซียงก็รีบออกไปพร้อมกับทนายของเขา
“ยังกับฝันไปเลย เพียงชั่วพริบตา ฉันก็กลายเป็นคนรวย เป็นเจ้าของโรงพยาบาลแล้ว” เจียงเหยาหัวเราะคิกคักขณะโบกสัญญาที่อยู่ในมือของเธอไปมา
“เศรษฐี?” ลู่ชิงสีเหล่มองเจียงเหยาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย “คุณในฐานะผู้หญิงของผมไม่ได้มีฐานะต่ำต้อยขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่โรงพยาบาลเอง จะเรียกตัวเองว่าเศรษฐียังไม่ได้เสียด้วยซ้ำ”
เจียงเหยาไม่แน่ใจเกี่ยวกับจำนวนธุรกิจที่อยู่ในมือของลู่ชิงสี แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เงินของเขามีมากมาย ดังนั้นแม้ว่าลู่ชิงสีจะเยาะเย้ยเธอด้วยการดูถูกเธออย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็เชื่อว่าเขาไม่ได้พูดโอ้อวดเกินตัว ในสายตาของเขา ค่าของโรงพยาบาลไม่มีอะไรสำคัญเลย
“จากนี้ โรงพยาบาลจะพัฒนาไปยังไงก็อยู่ในมือของคุณแล้วนะ ถ้าคิดอยากทำอะไร ก็ทำตามที่ชอบได้เลย ถ้าไม่อยากทำ หาใครสักคนมาช่วยจัดการหรือขายมันซะ เงินก็จะเข้ากระเป๋าของคุณด้วยไง”
ลู่ชิงสีไม่ได้คาดหวังว่าเจียงเหยาจะขายเพื่อเอาเงิน เขาเก่งในการสร้างรายได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เขาไม่มีทางยอมให้ภรรยาของเขาขาดเงิน
“ฉันจะขายให้ใครล่ะคะ” เจียงเหยาส่ายหน้า “ไม่ ฉันจะเก็บไว้เอง ฉันไม่อยากขายค่ะ”
“คุณสามารถขายคืนให้กับตระกูลฉีได้ โรงพยาบาลเป็นของพวกเขาตั้งแต่แรก ผมแน่ใจว่าพวกเขาคงเต็มใจและมีความสุขมากที่จะได้ซื้อคืน” หลังจากไตร่ตรองความคิดนี้ ลู่ชิงสีก็ขดริมฝีปากของเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับว่ารู้ความคิดของเขา “ลองคิดดูสิ จะสนุกแค่ไหน ถ้าเราปล่อยให้พวกเขาใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อของที่เป็นของเดิมของตัวเองคืน? หากต้องการขายให้ตั้งราคาที่อยากได้ไปเลย ผมพนันได้พวกเขาไม่กล้าต่อรองแน่”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากขายค่ะ” เจียงเหยาส่ายหน้าอีกครั้ง แม้ว่าความคิดของลู่ชิงสีจะดีมากในระบายความโกรธของเธอ แต่ทำไมเธอถึงต้องการเงินจำนวนมากด้วยเล่า? โรงพยาบาลเป็นทรัพย์สินที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเธอ
“เอาล่ะ ถ้าไม่อยากขายก็เก็บไว้เถอะ ถ้าเจอปัญหาในการจัดการโรงพยาบาลก็บอกผม ผมจะหาคนมาช่วยจัดการ” ลู่ชิงสีเพียงแค่เสนอความคิดของเขาอย่างสนุก ๆ หากภรรยาสุดที่รักของเขาไม่ต้องการขาย เขาก็จะไม่บังคับเธอ
แต่...
“ในเมื่อคุณต้องการเก็บไว้ ผมก็จะช่วยคุณ” ลู่ชิงสีกล่าว “จ้างคนสักสองคนมาทำงานที่โรงพยาบาล”
“เฉินจื่อบิ่น?” นั่นคือสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในใจของเจียงเหยา
เฉินจื่อบิ่นมีประกาศนียบัตร ม.ปลาย ซึ่งในยุคนั้นถือได้ว่าไม่ต่ำหรือสูงไป “คุณต้องการมอบงานอะไรให้กับเขา”