ตอนที่แล้วข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 2 ความรักของคู่สมรส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 4 โรงสีจานหิน

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 3 ไหดินเผาสีดำ


ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 3 ไหดินเผาสีดำ

สุดท้าย คงหนิงไม่ได้รอคำตอบจากหญิงสาว

หลังจากที่ได้ยินคำขอของเขา อีกฝ่ายก็เงียบไปนานราวกับกำลังคิดว่าจะปล่อยพ่อแม่ของคงหนิงไปหรือไม่

แต่ข่าวดีก็คือ แม้ว่าภูตสาวตนนี้จะไม่ยอมปล่อยพ่อแม่ของเขาไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะสังหารพ่อแม่ของเขา

บางทีอาจจะมีช่องว่างให้เปลี่ยนสถานการณ์ได้บ้าง

และเนื่องจากมีภูตผีปีศาจบนโลกนี้ จึงควรจะมีผู้ฝึกตนที่สามารถปราบปีศาจเหล่านี้อยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?

คงหนิงออกจากห้องหอไปโดยไม่พูดอะไรเลย คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะตามหาปรมาจารย์มาปราบปีศาจที่บ้าน

เขตชานหลานนั้นใหญ่มาก ทว่า แม้จะมี'ผู้วิเศษ'อยู่หลายคนในเมือง พวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนทั่วไปในเรื่องความสามารถด้านคำนวณดวงชะตา สะเดาะเคราะห์ ขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและดูฮวงจุ้ย อย่างไรก็ตาม ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเหนือธรรมชาติ คงหนิงซึ่งเป็นมือปราบดีเด่นก็ได้ลองเชิงคนเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว

ต่อหน้ามือปราบผู้มือชื่อเสียงแห่งเขตนี้อย่างคงหนิง นักต้มตุ๋นเหล่านี้ไม่กล้าแสร้งทำตัวเป็นพ่อมดหมอผี และยอมให้ปากคำอย่างเชื่อฟัง พวกเขาเป็นเพียงคนหลอกลวงที่อาศัยวิธีการพูดและกลอุบาย

ดังนั้นหากคงหนิงต้องการหาผู้เชี่ยวชาญ เขาจะต้องไปหาที่อื่น

แต่ตอนนี้ปีศาจสาวอาศัยอยู่ที่บ้านและจ้องมองเขาทุกวัน หากไม่มีเหตุผลอันควร คงหนิงก็ไม่สามารถออกจากเขตชานหลานไปได้เลย และแม้ว่าจะมีเหตุผลสมควร ถ้าปีศาจสาวไม่เห็นด้วยที่เขาจะออกจากเขตชานหลาน เขาก็ไม่สามารถจากไปได้

ไม่เช่นนั้นหากวิ่งหนีไปหาโอกาสเอาดาบหน้า ปีศาจสาวที่อยู่เบื้องหลังอาจจะสังหารพ่อแม่ในโลกนี้ของเขาก็เป็นได้......

หลังจากได้อยู่กับเฒ่าทั้งสองมาสิบเอ็ดปี และได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากพวกเขา คงหนิงก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้เฒ่าทั้งสอง

เขาไม่สามารถยอมรับได้แน่หากสองผู้เฒ่าต้องมาถูกฆ่าตายเพราะตัวเขาเอง

เช่นนั้น......ลองไปศาลเจ้าหลักเมืองดูไหม?

แม้ว่าศาลเจ้าหลักเมืองจะซบเซาไปมากแล้ว แต่เนื่องจากมีส่วนให้สื่อสารกับเทพประจำเมืองได้ และการที่มีภูตผีปีศาจอยู่บนโลก บางทีเทพเจ้าประจำเมืองฝั่งยมโลกก็ย่อมมีอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อมีปีศาจอยู่ในบ้าน ก็ควรหาทางออกโดยการไปไหว้เทพประจำเมือง

คงหนิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เป็นไปได้มากที่สุด สุดท้ายแล้ว ในตำนานเก่าแก่ เทพประจำเมืองก็เป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่คอยจัดการความวุ่นวายของเหล่าภูตผีปีศาจ การหาสำนักของผู้วิเศษอาจจะยาก แต่สำหรับเทพประจำเมือง ทุกคนล้วนรู้ว่าศาลเจ้าประจำเมืองอยู่ที่ไหน

อย่างไรเสียศาลเจ้าเทพประจำเมืองก็อยู่ไม่ไกล แวะไปดูหลังเลิกงานก็คงใช้เวลาไม่นาน มันจะดีไม่น้อยถ้าทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้าไม่ได้ ก็แค่คิดหาวิธีอื่น

เขาเหลือเวลาอีกตั้งหกเดือน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

ด้วยความคิดเช่นนี้ คงหนิงจึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านไปยังศาลาว่าการ ถึงเวลาที่ต้องไปลงชื่อเข้างานแล้ว

ขณะที่เขาควบม้าตัวผอมสีเหลืองเหมือนพุทราออกจากบ้านไป ต้นฉัตรจีนขนาดใหญ่ตรงหน้าประตูก็ลู่ไปตามสายลมยามเช้า

พ่อของเขา ชายผมขาวนั่งอยู่ใต้ต้นฉัตรจีน หันหลังชนต้นฉัตรจีน จ้องไปที่หนังสือพิมพ์เล่มเก่าในมือที่หน้ากระดาษกลายเป็นสีเหลืองไปหมดแล้ว

ส่วนแม่ก็นั่งถักเสื้อกันหนาวอยู่ด้านข้าง

เมื่อเห็นว่าคงหนิงสวมชุดทำงานคาดมีดสั้นเตรียมไปศาลาว่าการแล้ว มารดาผู้สูงวัยก็ยกยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “หนิงเอ๋อ จะไปศาลาว่าการแล้วหรือ?”

เสียงของมารดาอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย ทำให้หัวใจที่วิตกกังวลและสิ้นหวังของคงหนิงโปร่งสบายขึ้นมาก

เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มฝืนๆ พร้อมกล่าวว่า “ได้เวลาไปรายงานตัวแล้ว......ท่านแม่ อยู่บ้านกับพ่อนะ อย่าได้ไปไหนไกล แล้วก็ ถ้าหยานเอ๋อทำอะไรผิดไป ก็อย่าไปยุ่งกับนางเลย”

คงหนิงกลัวว่าพ่อแม่จะไปทำร้ายปีศาจสาวโดยไม่ตั้งใจ แล้วจะได้รับการปฏิบัติอันโหดร้ายกลับมา

แต่เขาไม่กล้าบอกความจริงกับผู้เฒ่าทั้งสอง เพราะกลัวว่าทั้งสองคนจะหวาดกลัวหัวหด เขาจึงต้องกล่าวเตือนอย่างระมัดระวัง

มารดาหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล หนิงเอ๋อไม่ต้องกังวล พวกเราเข้ากันได้ดีทีเดียวกับหยานเอ๋อ”

พ่อที่มีผมสีขาวเต็มหัวนั่งอยู่อย่างนั้น ดวงตาจ้องไปที่กระดาษแผ่นเหลืองในมือโดยไม่สนใจคงหนิง เมื่อคงหนิงพูดคุยกับเขา เขาก็แค่ส่งเสียงในลำคอสองสามครั้งโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา บุคลิกดูค่อนข้างเย็นชา

ไม่ว่าเมื่อไหร่ชายชราก็มีบุคลิกเย็นชาเช่นนี้เสมอ ยกเว้นตอนที่สอนวิทยายุทธตระกูลหนิงให้ พ่อที่เงียบขรึมของเขาก็แทบไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระออกมาเลย

คงหนิงเคยชินกับมันเสียแล้ว หลังจากอธิบายให้แม่ฟังอย่างละเอียด คงหนิงก็ออกจากตรอกฮว๋ายชู่ไปพร้อมกับความกังวล

เขาเป็นมือปราบจากศาลาว่าการ ประชาชนมักจะเห็นเขามาพร้อมกับม้าผอมสีเหลืองพุทราตลอด แม้ว่าจะไม่ใช่รถม้า แต่ในเขตเมืองนี้ การที่สามารถขี่ม้าอวดโฉมไปทั่วเมืองพร้อมชุดเครื่องแบบทำงานก็นับได้ว่าสง่างามน่าประทับใจมากแล้ว

ท้ายที่สุดก็มีเพียงไม่กี่คนในศาลาว่าการที่มีคุณสมบัติพอจะทำให้ประชาชนจดจำได้ว่าเขามีม้าประจำตัว

เพียงแต่ว่าคงหนิงในวันนี้ไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเลยแม้แต่น้อย

เขาขี่ม้าสีเหลืองพุทราเข้ามาภายในเขตด้วยความสิ้นหวัง หลังจากลงชื่อเข้าทำงาน คงหนิงก็ได้เจอเสียงทักทายของเพื่อนร่วมงานโดยไม่คาดคิด

“เฮ่......เป็นอะไรไปน่ะคงหนิง? เมื่อคืนโหมหนักเกินไปจนร่างกายทรุดโทรมหรือไง?”

“จึ๊จึ๊จึ๊......เป็นวัยรุ่นก็แบบนี้ ไม่รู้การยับยั้งชั่งใจ ตอนหนุ่มๆ โหมใช้ร่างกาย แก่ตัวไประวังจะได้แต่มองผนังน้ำตาซึม”

“เพ้ย! พวกเจ้าจะไปรู้อะไร! ยามค่ำคืน ใต้แสงเทียนในห้องเจ้าสาว ส่วนหนึ่งในชีวิตหนุ่มสาว การควบตะบึงอย่างเต็มที่และสนุกสุดเหวี่ยงทั้งคืนใช้ชีวิตให้สมกับเป็นชายหนุ่มที่แท้จริงจึงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หากกอดก่ายสาวงามแล้วยังไม่มีปฏิกิริยาก็ควรกลับบ้านไปนอน!”

“ฮี่ฮี่......คงหนิง ให้พี่ชายคนนี้แนะนำสมุนไพรให้เจ้าสักหน่อยไหม? ไปร้านขายยาแล้วซื้อยามาต้นกินเองดูไหม? รับรองว่าเจ้าจะต้องดุร้ายและทรงพลังทุกค่ำคืน”

“ไปไปไป......ข้าไม่คิดว่าคงหนิงต้องการยาของเจ้า เขาต้องฝึกสมาธิของเขาในตอนนี้ มีสาวสวยอยู่ในบ้านมันก็ง่ายที่จะถูกล่อลวงให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ดังนั้นเจ้าควรฝึกสมาธิต้านทานสิ่งล่อใจ......คืนนี้เราไปหอสายลมใบไม้ผลิดีไหม ให้แม่นางยู่เอ๋อสอนคงหนิงให้ดี สัมผัสความหมายของการเป็นเซียน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเมื่อกลับไปหาภรรยาที่บ้านจึงจะสามารถต้านทานได้บ้าง”

“แค่วันแรกของการแต่งงานก็จะพาคนเยี่ยมชมเตาเผา[1] ให้เจ้าสาวอยู่ห้อง......หมาลิ่ว เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!”

ในห้องมีเสียงหัวเราะ บรรยากาศครื้นเครงอย่างมาก

คงหนิงมีใบหน้าขมขื่น ยิ้มออกช้าๆ โบกมือให้เหล่ารุ่นพี่พร้อมกับกล่าวคำประชดประชันออกมาไม่กี่คำ แล้วเขาก็ไปนั่งที่มุมห้องด้วยความกังวล

ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วมองหน้ากันด้วยความตกใจ

ในไม่ช้าทุกคนก็มารวมตัวกัน คอยเตือนด้วยความระมัดระวัง

“นี่......คงหนิง นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าแต่งงานและไม่มีประสบการณ์ เป็นเรื่องปกติที่จะพบเจอประสบการณ์ที่ไม่ดี อย่าได้กังวลมากจนเกินไปเลย”

“ใช่เลยใช่เลย ข้าเนี่ยประหม่ามากตอนที่อยู่ในห้องหอ แทบยกไอ้นั่นไม่ขึ้นเลย! ข้ารู้สึกกลัวมากจนคิดว่าชีวิตเรามันต้องจบลงแล้วหรือ แต่หลังจากลองพยายาม ข้าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นลูกผู้ชายได้อีกครั้ง ครั้งแรกมันไม่ได้ดั่งใจนักหรอก”

“นั่นแหละนั่นแหละ มันเป็นเรื่องปกติที่คืนแรกของการแต่งงานจะวุ่นๆ เสียหน่อย เราไม่ใช่คนแบบหมาลิ่วสักหน่อยที่ชอบไปเที่ยวหอสายลมใบไม้ผลิบ่อยๆ รู้ไหมตอนอายุได้สิบสาม เขาก็ไปเยี่ยมชมเตาเผากับพ่อของเขาแล้ว คนแบบนี้หาได้ยากยิ่ง”

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกคงหนิง ดูพี่ชายนี่ ตั้งแต่คืนแรกในห้องหอเจ้าสาว ข้าก็ยังยกมันไม่ขึ้นเลย จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว ทุกครั้งที่ต้องปฏิบัติภารกิจก็ต้องกินยาเตรียมไว้เผื่อ......เจ้าจะผ่านมันไปไม่ได้เชียวหรือ? สบายมาก พี่ชายของเจ้าผู้นี้มีอาการไม่แข็งตัวมากว่ายี่สิบปี แม้ว่าของเจ้าจะไม่ตั้งก็ตาม มันจะสามารถช่วยให้เจ้าฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของชายชาตรีกลับมาได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลไป”

“คืนนี้เจ้าอยากไปหอสายลมใบไม้ผลิไหมเล่า? ให้ข้าบอกเจ้านะ สาวๆ ในหอสายลมใบไม้ผลินี่......ของจริง! ต่อให้เจ้าทำอะไรไม่ถูก แต่ต่อหน้าพวกนาง เจ้าจะต้องสุขสันต์......เอ่อ......พวกเจ้าจ้องข้าทำไม? ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”

ทันทีที่หมาลิ่วพูดจบ เขาก็พบว่ามือปราบทุกคนในห้องจ้องมองมาที่เขา

แล้วทุกคนก็พูดพร้อมกัน

“ออกไปเลย!”

เพื่อนร่วมงานต่างกังวลเกี่ยวกับคงหนิง ไม่ใช่เพียงเพราะบุคลิกที่ดีของคงหนิง แต่ยังเป็นเพราะคงหนิงมีอนาคตที่สดใส ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมใจกันเกาะขาเก้าอี้ตัวนี้ไว้

ใครเล่าอยากจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับชายหนุ่มที่มีศักยภาพดีเช่นนี้?

เพียงแต่ว่าคงหนิงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกตินักในวันนี้ เขาไม่มีเวลาจัดการเพื่อนร่วมงานจริงๆ หลังจากเข้ารายงานตัวเรียบร้อย เขาก็หาเหตุผลขอออกจากที่ว่าการไปพร้อมกับม้าสีเหลืองพุทรา

เขาบอกว่าจะออกไปลาดตระเวน แต่ที่จริงแล้วกลับหามุมเงียบๆ นึกถึงแผนการที่จะทำต่อไป

ช่วงสิบเอ็ดปีที่ผ่านมานี้ คงหนิงไม่เคยติดต่อสัมผัสกับภูตผีปีศาจ จะเร่ไปหาปรมาจารย์สำนักลี้ลับเพื่อให้ช่วยเหลือตนได้จากที่ไหน?

นั่งเหม่ออยู่ริมแม่น้ำ มองดูกระแสน้ำไกลเอื่อยอยู่เงียบๆ สักพักก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความหดหู่

ม้าสีเหลืองพุทราผูกติดอยู่กับต้นไม้ริมแม่น้ำ ก้มศีรษะเคี้ยวหญ้าที่ริมฝั่ง

คงหนิงนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ขบคิดอยู่ในใจ พยายามส่องหาลึกลงไปในร่างว่าไข่แมงป่องไปอยู่ที่ใด

ไม่ว่าจะโคจรปราณไปตามแขน ขา ข้อ กระดูก แต่ก็ไม่พบไข่แมงป่องที่ฉีดเข้ามาภายในร่างของเขาเลย ในทางตรงข้ามกลับพบว่ามีวัตถุแปลกปลอมอยู่ในตันเถียนแทน

สิ่งนี้ดูเหมือนรูปหล่อจำลองของ......ไห?

ไหสีดำสนิทที่ทำจากวัสดุอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ลอยอยู่ภายในตันเถียนที่ว่างเปล่า เขาสามารถยืนยันได้ว่าตัวเขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน

เป็นไปได้ไหมว่ามันถูกปีศาจสาวฉีดเข้ามาในร่างของเขา?

คงหนิงสัมผัสไหด้วยลมปราณของเขา

ทันใดนั้น ภายในสมองก็มีเสียงคำรามก้อง และไหภายในตันเถียนก็ถูกเปิดออก ไอพลังเย็นเยียบและแปลกประหลาดได้หลั่งไหลออกมาจากไหสีดำ ไหลเวียนไปทั่วร่างกายของคงหนิง

คงหนิงนั้นดูเหมือนจะมีความข้องเกี่ยวกับไหแปลกๆ ใบนี้

คงหนิงเบิกตากว้าง สัมผัสไหสีดำสนิทที่ลอยอยู่ในตันเถียนของตนเอง เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่เคยมีมาก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ยิ่งดูมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งคุ้นเคยมากเท่านั้น

สิ่งนี้......ดูเหมือนไหดินเผาที่ตกลงมาจากฟ้ากระแทกเข้าใส่หัวเขา เป็นไหที่ทำให้เขาข้ามมายังโลกแห่งนี้?

ใบหน้าของคงหนิงตอนนี้ช่างน่าชมยิ่ง ราวกับกลืนแมลงวันลงท้องไปอย่างไรอย่างนั้น

ไหดินเผาที่ทำให้เขาตาย จริงๆ แล้วมันกลับตามเขามาถึงโลกนี้ด้วยหรือ?

-----------------------

[1] เยี่ยมชมเตาเผา เป็นข้ออ้างของชายหนุ่มยุคโบราณในการจะไปเที่ยวซ่องโสเภณี ซึมซับรสสุราเร่าร้อน ชมศิลปะดนตรี การระบำอันน่าหลงใหล เหมาะสมกับการเปรียบเทียบกับไฟร้อนจากเตาเผา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด