ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 2 ความรักของคู่สมรส
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 2 ความรักของคู่สมรส
ยามเช้าตรู่ เสียงไก่ขันดังแว่วมา
“เอ้กอีเอ้กเอ้กกกกก!”
เสียงไก่ขันอัดแน่นไปด้วยพลัง ทำลายความเงียบงันยามเช้าตรู่ไปจนสิ้น
ภายในห้องหอ เพิ่งจะอยู่ในช่วงรุ่งสาง ท้องฟ้ายังไม่สว่างนัก คงหนิงลุกขึ้นนั่งในทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง
“ท้องข้า! ท้องของข้า!”
เขารีบก้มศีรษะลงไปมองที่หน้าท้องของตน
ในสายตาของคงหนิง หน้าท้องของเขาราบเรียบไม่มีบุบสลาย บาดแผลถูกกรีดที่หน้าท้องเมื่อคืนก็ไม่มีให้เห็นเลย
แม้ว่าผ้าปูที่นอนสีขาวจะเปื้อนเลือดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นร่องรอยในคืนวิวาห์ของภรรยา
คงหนิงเอื้อมมือไปแตะหน้าท้องของตนเอง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงบาดแผล เขาชักนำจิตใจเดินลมปราณภายในจุดตันเถียนโคจรไปทั่วร่างกาย และหลังจากขจัดความหนาวเย็นเล็กๆ น้อยๆ ออกไปได้ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด
ไม่มีอะไรแปลกๆ ถูกฉีดเข้าไปในท้องของเขา
ภาพอันน่ากลัวที่เห็นเมื่อคืนเป็นเพียงฝันร้าย?
แต่ฝันร้ายนั้นสมจริงเกินไป......ราวกับมันเกิดขึ้นจริงๆ
คงหนิงนอนอยู่เงียบๆ บนเตียง
ในขณะนั้น ประตูก็ถูกผลักเปิดออก และมีคนเดินเข้ามา
“สามี ท่านตื่นแล้ว”
เสียงของหญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นเด็กสาว แต่ยามนี้ได้กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว มันฟังดูหวานใส ทว่าคงหนิงกลับตัวสั่นเทา
ทันใดนั้นเขาก็หันไปมอง เห็นซูหยาน หญิงสาวในชุดสีเขียว ผอมเพรียว งดงาม ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ผมสีดำขลับราวกับหมึกถูกมัดเกล้าจนเป็นมวยผมทำให้ดูขี้เล่นหยอกเย้า น่ารักยิ่งขึ้นไปอีก
ในมือของนางมาพร้อมกับถาดใส่ชามโจ๊กข้าวฟ่างสองชามและผักดองครึ่งถ้วยเล็ก
ซูหยานวางโจ๊กและผักดองไว้บนโต๊ะ “ไปอาบน้ำแล้วค่อยมากินข้าวเถอะ แม้ว่าจะเป็นวันแรกของการแต่งงาน แต่คงจะไม่ดีแน่ที่จะลงชื่อเข้างานสาย”
“เมื่อวานนี้ท่านวางตัวยิ่งใหญ่มาก แม้แต่ผู้ว่าเขตก็มาแสดงความยินดีกับท่านด้วยตนเอง ตอนนี้สายตานับไม่ถ้วนจะต้องจับจ้องมาด้วยความริษยาเป็นแน่ ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่อาจผ่อนคลายได้”
“ห้ามสายเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นใครจะไปรู้ว่าเหล่าคนชั่วกำลังจ้องจะเล่นงานอะไรท่านอยู่......”
“เอาล่ะ ได้เวลากินข้าวแล้ว จ้องข้าทำไมเล่า?” ซูหยานนั่งลง หยิบชามโจ๊กขึ้นมาชามหนึ่งแล้วเริ่มกินคู่กับผักดอง
เมื่อเห็นคงหนิงจ้องมาที่นางอยู่ตลอดเวลา หญิงสาวก็เอียงคอ รู้สึกสับสนเล็กน้อย “สามี? เกิดอะไรขึ้น?”
บนเตียง คงหนิงจ้องตรงไปที่ภรรยาซึ่งอยู่เบื้องหน้า มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมองอย่างไร เขาก็ไม่สามารถซ้อนทับภาพของภรรยาที่น่ารักตรงหน้ากับสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวเมื่อคืนนี้ได้เลย
หางแมงป่องขนาดใหญ่ และไข่ที่ถูกฉีดเข้าไปในท้องขณะที่มึนงง......ความทรงจำที่น่ากลัวเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นเพียงฝันร้ายจริงๆ
อย่างไรก็ตาม คงหนิงไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
เขาลุกจากเตียงอย่างระมัดระวัง อาบน้ำแต่งตัว สุดท้ายก็นั่งตรงข้ามภรรยาและหยิบชามโจ๊กขึ้นมา
เขาเริ่มกินทีละน้อยๆ
ภรรยาที่อยู่ตรงหน้ายังคงมีเสน่ห์ น่ารัก อ่อนโยน มีคุณธรรม ไม่ต่างไปจากซูหยานในความทรงจำของเขา
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังกินโจ๊กกันอยู่นั้น หญิงสาวก็ช่วยคงหนิงวางแผนว่าควรจะไปขอบคุณผู้ว่าการเขตอย่างไร ต้องให้ของขวัญประเภทใด จะต้องไม่เย่อหยิ่ง ใจร้อน อวดเบ่ง จะทำให้ผู้อื่นอิจฉาเอาได้
เป็นเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย ที่คอยเป็นห่วงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จู้จี้จุกจิก แต่ในบางครั้งก็ปล่อยมุกตลกออกมาเหมือนกัน ทำให้คนอื่นรู้ว่านางไม่ได้หัวโบราณเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคงหนิงร่าเริงยิ่งกว่าก่อนแต่งงาน และมีแต่จะน่ารักขึ้นเรื่อยๆ คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ไม่มีช่องว่างให้แทรกแม้แต่น้อย
ใครเห็นฉากนี้ก็ต้องอิจฉาคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่คู่นี้ และคงอิจฉาคงหนิงมากกว่าที่ได้ตบแต่งกับภรรยาที่อ่อนโยนมีคุณธรรม แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ทั้งยังน่ารัก
หัวใจของคงหนิงค่อยๆ สงบลง
อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเงียบๆ
คงเพราะช่วงนี้กดดันมากเกินไปหน่อยถึงได้ฝันร้ายเช่นนั้น
เขาอยู่บนโลกนี้มากว่าสิบเอ็ดปี เป็นมือปราบมากว่าสามปี ทั้งยังได้ร่ำเรียนวิทยายุทธ แม้ว่าจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจท้องถิ่นมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยเห็นภูตอสูรปีศาจจริงๆ มาก่อน
โลกนี้ก็ควรจะเป็นเหมือนกับยุคโบราณในชาติก่อน แม้ว่าจะมีเรื่องการปกครองแบบศักดินาและไสยศาสตร์ แต่ก็ไม่น่าจะมีภูตผีปีศาจ
ภรรยาที่น่ารักขนาดนี้ จะกลายเป็นภูตอสูรปีศาจไปได้อย่างไร?
แม้ว่านางจะเป็นปีศาจจริงๆ แต่นางจะมานั่งพูดคุยกับเขาอย่างไร้เดียงสาได้อย่างไรหลังจากที่ทำร้ายตัวเขาไปขนาดนั้น
ข้านี้มันบ้าไปแล้วจริงๆ
คงหนิงทอดถอนใจ ส่ายศีรษะไป เงยหน้าขึ้นกระดกโจ๊กคำสุดท้ายในอึกเดียว พร้อมกับพึมพำว่า “คืนนี้พวกเหล่าจางจะต้องไปรับแขกที่ห้องอาหารเซียนเมามาย คงจะกลับมาดึกหน่อย เจ้าไม่ต้องรอกินข้าว”
พูดจบคงหนิงก็วางชามแล้วลุกออกไป
ภรรยาในชุดสีเขียวก็พยักหน้า แล้วกล่าวว่า “สามี เดินระวังๆ”
หลังจากพูดออกมาแล้ว เมื่อเห็นว่าคงหนิงเดินออกจากประตูไป หญิงสาวก็กล่าวสำทับเพิ่มอีกประโยค
“สามี อีกอย่างหนึ่ง จำไว้ว่าอย่าดื่มให้มากจนเกินไป”
“ถ้าท่านดื่มมากเกินไปในช่วงฟักไข่ มันจะไม่ดีต่อสุขภาพ”
“......?!”
คงหนิงที่เพิ่งเดินพ้นประตูไปก็พลันสะดุ้ง หัวใจของเขาบีบตัวแน่นขึ้น ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างในทันที
เขาหันกลับมามองภรรยาที่อยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าตกตะลึง
ในห้องหอแต่งงานที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเขียนว่าสุขสม ภรรยาในชุดเขียวจ้องมองมาด้วยความประหลาดใจ เอียงศีรษะเล็กน้อย “สามี?”
มือของคงหนิงเคลื่อนไปวางที่เหนือด้ามมีดสั้นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและ
ระแวดระวัง
“เจ้า......เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!” คงหนิงเปล่งเสียออกลอดไรฟันเพื่อถามคำถามนี้ ความรู้สึกอันแสนน่ากลัวเมื่อคืนที่หายไปแล้ว ดูเหมือนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ทำให้เขาตกใจสุดขีด
ภายในห้องหอที่มีแสงสลัวๆ เจ้าสาวแย้มยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับทวนคำตอบเมื่อครู่ “ถ้าท่านดื่มมากเกินไปในช่วงฟักไข่ มันจะไม่ดีต่อสุขภาพของท่าน......สามี ประโยคนี้มีปัญหาอะไรหรือ?”
มีปัญหาสิ! ปัญหาใหญ่มากด้วย!
คงหนิงรู้สึกว่ามือที่คว้าจับมีดสั้นนั้นสั่นสะท้าน
เกิดจากอารมณ์ที่ซับซ้อน ทั้งความโกรธ ความกลัว และความเศร้าโศก
เขาจ้องมองไปที่หญิงสาวเบื้องหน้า ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นฝันร้ายหรือไม่
เขาตบแต่งปีศาจเป็นภรรยา และปีศาจตนนั้นก็วางไข่ภายในท้องของเขาในคืนวันแต่งงาน!
“เจ้า......เจ้า......” คงหนิงกัดฟันแน่น จ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับพูดว่า “ทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้า?”
การคาดคั้นดังกล่าวทำให้หญิงสาวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วนางก็ยิ้มออกมา “สามีพูดเรื่องอะไร......ก็แค่การสืบทอดลูกหลาน คงไม่เป็นอะไรกระมัง? แค่ให้สามีตั้งครรภ์แทนหยานเอ๋อไม่ได้ฆ่าสามีโดยตรงเสียหน่อย แค่นี้สามีรับไม่ได้หรือ?”
ใบหน้าของซูหยานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และรอยยิ้มของนางก็เต็มไปด้วยความหมาย
คงหนิงจ้องมองนางแล้วถามว่า “แล้วเมื่อลูกในท้องโตขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น แค่ฉีกท้องแล้วปีนออกมา แล้วกัดกินเลือดเนื้อเพื่อให้เติบโต? อย่าบอกเลยว่าหลังจากคลอดลูกข้าจะไม่บาดเจ็บ!” คงหนิงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เต็มไปด้วยจิตสังหาร
หญิงในห้องส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “สามีนี่น่าสนใจเสียจริงๆ......ย้อนกลับไปตอนที่ท่านนำคนมาเผาครอบครัวของข้า นึกดูสิว่าท่านมีความกระตือรือร้นมากเพียงใดในยามที่สังหารครอบครัวของข้า”
“ตอนนี้แค่วางไข่ในท้องของท่าน กลับโกรธเกรี้ยวมากขนาดนี้.....ท่านไม่คิดเลยหรอว่าตอนที่เผาครอบครัวของข้าให้ตาย จะมีปลาตัวหนึ่งเล็ดลอดผ่านอวนไปเพื่อกลับมาทำให้ท่านต้องชดใช้ในสักวันหนึ่ง”
คำกล่าวของหญิงสาวทำให้คงหนิงหายใจไม่ออกด้วยความโกรธ จู่ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน
ในเวลานั้น ภายในภูเขาใกล้กับเขตชานหลาง มีรังแมงป่องยักษ์ที่มักทำร้ายผู้คนในป่าและแถบภูเขา พวกมันได้ฆ่าคนไปหลายชีวิตแล้ว ผู้ว่าการเขตเห็นว่าคงหนิงมีฝีมือจึงส่งคงหนิงให้นำทีมไปจัดการเรื่องนี้
คงหนิงพามือปราบไปสิบคน ใช้เวลาสิบวันสิบคืนอยู่บนภูเขา ก่อนที่จะซุ่มโจมตีกลุ่มแมงป่องยักษ์ในที่สุด
มันเป็นแมงป่องดำที่ขนาดเท่าแท่นโม่หิน ใหญ่โตจนน่ากลัว ซ่อนตัวอยู่ในป่าและใช้หนามพิษเพื่อลอบสังหารผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา
คงหนิงตามแมงป่องไปและพบรังของมัน จากนั้นจึงใช้ไฟเผาหลุมแมงป่องทั้งหมด และแมงป่องทั้งสิบสามตัวก็ถูกเผาจนตาย
แมงป่องตัวที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้นมีขนาดใหญ่เท่าลูกวัว
คงหนิงยังเคยพูดติดตลกกับเพื่อนร่วมงานของเขาอยู่เลยว่า หากปล่อยให้แมงป่องเหล่านี้เติบโตต่อไป ไม่แน่ว่ามันอาจจะบ่มเพาะจนมีพลังก็ได้
แต่เขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าแมงป่องที่ฝึกตนได้จะมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และยังวางไข่ในท้องของเขาอีกด้วย......
ใบหน้าของคงหนิงซีดเผือด
มีดสั้นที่ข้างเอวถูกกำแน่น แล้วก็คลายออก กำแน่นแล้วก็คลายออก เป็นแบบนี้อยู่นับสิบครั้ง
แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าที่จะดึงมันออกมา
คงหนิงฝึกฝนวิทยายุทธกับพ่อมาสิบเอ็ดปี พอจะมีความสำเร็จอยู่บ้าง ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของเขาเฉียบคมอย่างยิ่ง
แม้ว่าหญิงที่อยู่ตรงหน้าจะมีรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ดูอ่อนแอและอ่อนโยน แต่ก็มีจิตสังหารแฝงเร้นซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าที่แย้มยิ้มนี้
เมื่อใดที่เขาชักมีดสั้นออกมา เขาจะต้องตายในทันที
นี่เป็นสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของผู้ฝึกยุทธ และไม่ควรคิดเป็นเรื่องล้อเล่น
ยิ่งไปกว่านั้น ในลานบ้านเล็กๆ แห่งนี้ นอกจากคงหนิงแล้ว ยังมีพ่อแม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับปีศาจตนนี้อยู่
ถ้าเขาชักมีดออกมาอย่างรีบร้อนเพราะโกรธปีศาจสาวที่มาแก้แค้นตน เขาจะต้องตายแล้วตายอีกเป็นร้อยครั้ง นั่นยังไม่เป็นไร แต่ถ้าพ่อแม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้......
ใบหน้าของคงหนิงมืดมนและไม่แน่ใจ หลังจากกัดฟันแน่นอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ปล่อยมือจากมีดสั้นที่เอวแล้วกล่าวออกช้าๆ ว่า “เจ้าจะทำอะไร ถ้าแค่แก้แค้น ฆ่าข้าก็พอแล้วนี่......”
ในช่วงเวลาที่คงหนิงสงบนิ่ง หญิงสาวในห้องหอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อคงหนิงเลิกต่อต้าน หญิงสาวก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานแล้วพูดว่า “ท่านว่าอะไรนะ......สามี ท่านสังหารครอบครัวข้าไปนับสิบ แต่ตอนนี้กลับต้องการจะชดใช้ด้วยชีวิตเดียว มันจะง่ายดายปานนั้นได้อย่างไร”
“ถ้าเจ้าตายไป มันจะคุ้มค่าหรือ?”
“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องใช้เลือดเนื้อหล่อเลี้ยงทายาท เพียงไม่กี่คนเอง มันก็ถือเป็นการชดใช้กลับคืนไม่ใช่หรือ?”
หญิงสาวหัวเราะ มองไปที่คงหนิงแล้วกล่าวว่า “สามี......ยอมรับความจริงแต่โดยดีเถิด ไข่ที่ข้าทิ้งเอาไว้ในท้องของท่านจะใช้เวลาฟักตัวประมาณหกเดือน”
“ในหกเดือนนี้ เราก็ยังคงเป็นสามีภรรยากันต่อไป~”
หญิงสาวยิ้มหวาน แต่คงหนิงกลับหม่นหมอง อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันตนเอง
“งั้นเจ้าจะทรมานข้าไปอีกหกเดือนงั้นสินะ......”
เริ่มแรกทรมานจิตใจ เล่นกับเหยื่อเพื่อให้สิ้นหวัง แล้วฆ่ามันอย่างช้าๆ
ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเขาช่างโหดร้ายและน่ากลัวจริงๆ
คงหนิงใช้ชีวิตอย่างมั่นคงในโลกนี้มาสิบเอ็ดปี ไม่เคยคิดเลยว่าตนจะได้มาสัมผัสภูตอสูรปีศาจตัวจริงในรูปแบบนี้
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขาก็เอ่ยออกมาช้าๆ “ถ้าข้าร่วมมือกับเจ้าในช่วงหกเดือนนี้ และช่วยเจ้าฟักไข่ตามที่เจ้าต้องการ แล้ว...... อย่างน้อยที่สุด เจ้าช่วยปล่อยพ่อแม่ของข้าให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่? พวกท่านสูงวัยมากแล้ว ถึงจะไม่ฆ่าทิ้งก็คงอยู่ได้ไม่นาน ให้คนผมขาวส่งคนผมดำ พวกเขาจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า และมันจะทำให้เจ้ารู้สึกดีกว่าการฆ่าพวกเขาเป็นไหนๆ”
พ่อแม่ที่คอยดูแลตัวเขาหลังจากการข้ามมิติมานั้นเป็นความกังวลที่คงหนิงไม่อาจปล่อยวางได้
ยามนี้เขารู้ว่าไม่มีทางออก ดังนั้นจึงทำได้เพียงร้องขอให้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าปล่อยเฒ่าทั้งสองไป
อย่างไรก็ตาม คำขอของคงหนิงครั้งนี้กลับทำให้หญิงสาวตกใจเล็กน้อย
รอยยิ้มบนหน้าพลันหายไป
“พ่อแม่ของท่าน?” ซูหยานขมวดคิ้ว จ้องไปยังชายที่อยู่เบื้องหน้าแล้วกล่าวว่า “ท่านขอให้ข้าปล่อยพ่อแม่ของท่านไปอย่างนั้นหรือ?”
ร่องรอยความประหลาดใจวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของหญิงสาว
สามีของนาง เป็นเด็กกำพร้ามิใช่หรือ.......