ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 1 คืนวิวาห์
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 1 คืนวิวาห์
ขึ้นสิบสามค่ำ เดือนหก[1] เป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด[2]
ดวงอาทิตย์แผดแสงจ้าระยับ สาดส่องไปตามถนนตรอกซอกซอยในเขตชานหลาน
ฤดูร้อนกำลังจะจากไป แต่ภายในตัวเมืองยามเที่ยงก็ยังคงร้อนอยู่ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะซ่อนตัวอยู่ใต้ชายคาไม่ก็ร่มไม้ เพลิดเพลินกับความเย็นสบาย ไม่ต้องคอยทนทรมานกับแสงแดดแผดเผา
เฉพาะตรอกฮว๋ายชู่ทางทิศตะวันตกของเมืองช่างคึกคักยิ่ง เสียงประทัดดังขึ้นเป็นครั้งคราว สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนกับเมืองส่วนอื่นที่เงียบสงบ
วันนี้ที่ตรอกฮว๋ายชู่มีพิธีมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ของมือปราบคงหนิง ดังนั้นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และเพื่อนบ้านทั้งหลายจึงมารวมตัวกันอยู่เต็มท้องถนน
ปี่ปากใหญ่[3]สีแดงเปล่งเสียงแหลมสูงร่วมยินดีกับงานมงคล เสียงแล่นผ่านฝูงชนที่พลุกพล่านประกาศก้องให้โลกรู้ถึงพิธีสมรสของคู่บ่าวสาว
แม่สื่อในชุดแดงเขียวก็ยิ้มรับคำอวยพรจากทุกๆ คน
ระหว่างเสียงดนตรีคลอเคล้าในงานพิธี คู่บ่าวสาวคำนับบูชาฟ้าดิน สามีภรรยาคำนับกันและกัน และท้ายที่สุดฝ่ายหญิงก็ถูกส่งตัวไปยังห้องเจ้าสาว
ต่อจากนั้น ก็มีงานเลี้ยงพิธีวิวาห์ที่แสนรื่นเริงสนุกสนาน
โต๊ะยี่สิบสี่โต๊ะถูกจัดวางไว้ในตรอกเล็กๆ อย่างตรอกฮว๋ายชู่ อาหารสดใหม่อุ่นร้อนถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ เปลี่ยนสำรับใหม่อย่างต่อเนื่อง คงหนิงซึ่งสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดหัวเราะร่าเริง รายล้อมไปด้วยผู้คน คอยต้อนรับและส่งแขกไปที่โต๊ะ
สิบเอ็ดปีแล้วที่เขาเดินทางมายังโลกนี้ ถึงแม้จะคัดลอกบทกวีและกลายเป็นคนดังไม่ได้ แม้ไม่ได้เป็นบุคคลอันดับหนึ่ง และไม่ได้คิดค้นน้ำหอมหรือซีเมนเพื่อสร้างโชคลา�
แต่โชคดีที่เขามีครอบครัวที่แน่นแฟ้น มีพ่อแม่คอยห่วงใย มีชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง เขาสืบทอดวิทยายุทธจากครอบครัวฝั่งบิดา เมื่อเติบใหญ่ก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยงานราชการในเขตชานหลาน ได้รับเงินเดือนจากการเป็นนักเรียนดีเด่น
ด้วยวิทยายุทธที่สืบทอดมาภายในครอบครัว เขาจึงมีทักษะที่ไม่ธรรมดา แม้ว่าจะอายุน้อยแต่ก็เป็นมือปราบที่โด่งดังที่สุดในเขต
ตอนนี้เขามีความท้าทายเล็กๆ ในชีวิตมากขึ้นอีกหน่อย คือได้แต่งงานกับภรรยาที่มีคุณธรรม งดงาม อ่อนโยนและใจกว้าง
ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข แต่นั่นก็คือทั้งหมดแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถประกอบอาชีพที่ยิ่งใหญ่และมีพลังอำนาจเหมือนคนที่ข้ามมิติมาคนอื่นๆ แต่คงหนิงเป็นคนขี้เกียจอยู่แล้วโดยธรรมชาติ จึงรู้สึกพอใจในช่วงเวลาเหล่านี้มาก
รอยยิ้มประดับใบหน้า สร้างความบันเทิงให้แขกเหรื่อทีละคน พูดคุยกับเพื่อนๆ ทีละคนๆ คงหนิงยุ่งมากเหลือเกิน
พอตกบ่าย ผู้ว่าการเขตก็มาที่ตรอกฮว๋ายชู่เพื่อส่งมอบของขวัญแสดงความยินดี เขายิ้มและแสดงความยินดีให้กับคงหนิงสำหรับพิธีมงคลสมรสครั้งนี้ ทำให้บรรยากาศอบอุ่นอย่างมาก
ผู้คนต่างอิจฉาเด็กหนุ่มผู้นี้ แต่เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ไม่น้อย ทุกคนพากันคาดเดาว่าอีกนานแค่ไหนที่เด็กหนุ่มผู้นี้จะเลื่อนขั้นขึ้นไปถึงตำแหน่งหัวหน้ามือปราบ
ด้วยเหตุนี้ คืนวันแต่งงานที่ครึกครื้นจึงดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน ล่วงเลยมาจนเวลาเที่ยงคืน เหล่าแขกที่มางานถึงค่อยกระจัดกระจายกันจากไป
คงหนิงสวมชุดสีแดง ยิ้มละไมส่งแขกทีละคน และขอบคุณเพื่อนบ้านที่ช่วยกันทำความสะอาด สุดท้ายเขาก็ถูกเหล่าเพื่อนฝูงญาติมิตรผลักไสให้เข้าไปในสวนหลังบ้าน
ที่นี่เงียบสงัด
แม้จะเป็นฤดูร้อนที่ครึกครื้น แต่ก็แทบจะไม่มีเสียงดังโหวกเหวกอีกแล้ว คล้ายกับไม่ต้องการรบกวนความสุขภายในห้องเจ้าสาวที่เต็มไปด้วยแสงเทียน
บนบานหน้าต่างมีคำอวยพรเป็นอักษรสีแดงขนาดใหญ่ สะท้อนแสงเทียนสีแดงภายในบ้าน
มองมาจากด้านนอกห้องหอ คงหนิงอดไม่ได้ที่จะถูมือของเขาไปมา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาสองชั่วชีวิตแล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ก้าวเข้าสู่ห้องหอ ได้กลายเป็นคู่รักกับหญิงนางหนึ่งที่เขาชอบ และเมื่อไม่มีประสบการณ์ เขาก็อดรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ ไม่ได้ในยามนี้
ท้ายที่สุด เขาก็ค่อยๆ เปิดประตูห้องหอออก และเดินเข้าไปภายในด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แสงสีแดงสาดส่องไปทั่ว เผยให้เห็นคำอวยพรสีแดงรอบห้องและแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ ภายในห้องนอนสีแดง มีร่างบางชุดแดงนั่งอยู่เงียบๆ
ผ้าปิดหน้าตามประเพณีปกปิดใบหน้าของนาง มือขาวบริสุทธิ์วางไว้ที่ท้องน้อย นิ้วเรียว มีผิวที่ละเอียดบอบบาง
เจ้าสาวผู้นี้มีชื่อว่าซูหยาน ไม่ใช่ภรรยาคลุมถุงชนตามที่พ่อแม่สั่ง แต่เป็นหญิงสาวจิตใจดีที่คงหนิงพบรักด้วย
นางไม่ได้มีถิ่นกำเนิดที่เขตชานหลาน แต่มาจากเมืองเจียงหยุนอันห่างไกล เนื่องจากปัญหาความอดอยากที่บ้านเกิด นางจึงเดินทางมาหาญาติที่เมืองเหอเจียนพร้อมกับพ่อแม่ แต่ญาติก็ตายในน้ำท่วมฉับพลัน ครอบครัวที่ไร้ที่ไปก็ได้เผชิญหน้ากับโจรร้าย
พ่อแม่ของนางเสียชีวิตอย่างน่าสลดด้วยน้ำมือของโจรร้าย มีเพียงเด็กสาวคนเดียวเท่านั้นที่กระโดดลงไปในแม่น้ำอันเชี่ยวกราก ถูกกระแสน้ำพัดพามาจนถึงเขตชานหลาน บังเอิญได้คงหนิงที่ตื่นเช้าไปที่ว่าการเขตเพื่อรายงานตัวเข้าทำงานพาตัวขึ้นมาจากแม่น้ำ
หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากคงหนิง หญิงสาวผู้โดดเดี่ยวจึงกระเสือกกระสนพาตนเองไปทำงานที่เหลาอาหารภายในตัวเมือง
บังเอิญว่าเหลาอาหารนั้นอยู่ใกล้กับที่ว่าการเขตมาก และคงหนิงก็ไปดื่มกินที่ร้านอาหารกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ หลังจากที่รู้จักกันมานาน ชายหญิงก็พัฒนาความรู้สึกซึ่งกันและกัน และสุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นสามีภรรยากัน
เมื่อมองย้อนกลับไป การที่ทั้งสองได้พบกัน ตกหลุมรักกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คงหนิงเดินไปที่เตียง ยิ้มแย้มทำตามคำแนะนำของแม่สื่อ ยกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้นส่วนหนึ่ง
ทันใดนั้น ใบหน้าเล็กๆ ที่ระเรื่อแดงด้วยความเขินอายก็ปรากฏต่อสายตาของคงหนิง
แม้ว่าจะได้ยลโฉมมาหลายครั้งหลายคราแล้ว ถึงกับเคยจับมือถือแขนจุมพิตกันก่อนแต่งงาน แต่การปรากฏกายของหญิงสาวขี้อายในชุดแต่งงานสีแดงก็ยังทำให้คงหนิงใจเต้นรัว
จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้ม
“ภรรยา พวกเรานั้นก็ตบแต่งกันเรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างเขินอาย กำมือแน่นเกร็ง
ไม่นานนัก ไฟในห้องหอก็ดับลง
แสงจันทร์เย็นยะเยือกสาดส่องลงมาบนเตียงแต่งงานผ่านหน้าต่าง
มีเสียงร้องครวญครางดังมาจากภายในห้อง
“สามี~~”
สิ่งที่ตามมาคือเสียงลมหายใจอันแผ่วเบา
คงหนิงแต่งงานเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สอง กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับหญิงสาวที่เขารักในค่ำคืนนี้ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
แสงจันทร์นวลผ่องส่องผ่านหน้าต่างที่เต็มไปด้วยคำอวยพรสีแดงตัวใหญ่ สาดลงไปบนเตียงนอนที่ค่อยๆ สงบลง
ด้านนอกเขตชานหลาง ทั่วบริเวณทั้งหมดเงียบสนิท
ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ แสงไฟตามบ้านเรือนก็ดับลง ความมืดเข้าปกคลุมท้องถนน มีเพียงยามลาดตระเวนเท่านั้นที่คอยเคาะกลองบอกเวลา นอกนั้นทุกอย่างก็เงียบสนิทราวกับป่าช้า
“อากาศแห้งนัก......ระวังเปลวเทียนให้ดี......”
ตรอกฮว๋ายชู่ที่เคยพลุกพล่านเมื่อตอนกลางวัน เงียบสงบไม่มีเงาคนแม้สักคนเดียว
สายลมยามค่ำคืนพัดหวิว กิ่งใบของต้นฉัตรจีนเก่าแก่พลิ้วไหวไปตามลม เมื่อแสงจันทร์พาดผ่าน เงามหึมาก็เข้าปกคลุมลานบ้านเล็กๆ ของคงหนิง มีเพียงห้องหอที่มีคำอวยพรให้สุขสมเท่านั้นที่ไม่ตกอยู่ในเงามืด
แสงจันทร์เย็นเยียบสาดลงที่ห้องหออย่างเงียบๆ
ท่ามกลางภาพอันขมุกขมัว คงหนิงมีความฝันที่แปลกประหลาด
หญิงสาวในความฝันสวมชุดชั้นในบางๆ เผยผิวอันสวยงามและบอบบางออกมารับกับอากาศภายนอก ปลายลิ้นสีชมพูของนางเลียไปที่ท้องของเขาเบาๆ
เมื่อน้ำลายหยดลงท้อง พลันให้ความรู้สึกที่เย็นยะเยือก
คงหนิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดว่า “ภรรยา เหตุใดยังไม่ยอมนอน......”
หลังจากกล่าวคำว่า 'นอน' เสร็จสิ้น เขาก็ได้แต่เกร็งค้างในลำคอ
คงหนิงลืมตาขึ้นมาเห็นฉากที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
แสงจันทร์เย็นยะเยือกส่องผ่านหน้าต่างกระดาษบนหัวเตียง
และที่หน้าท้องส่วนล่างของเขา หญิงสาวที่ใส่แค่ชุดชั้นในบางๆ ก็นอนอยู่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สัมผัสช่วงท้องของเขาไม่ใช่ปลายลิ้นสีชมพู แต่เป็นเล็บเรียวยาวและแหลมคมของหญิงสาว
เล็บนี้ยาวอย่างน่าประหลาดใจ เย็นสะท้านใต้แสงจันทร์ ลูบไล้ไปที่ท้องของเขา เมื่อเล็บแหลมกรีดลงไป ผิวหนังบริเวณหน้าท้องของเขาก็ถูกผ่าออกอย่างรวดเร็วและแหวกห้อยออกด้านข้าง เผยให้เห็นตับไตไส้พุงที่ขดตัวอยู่ด้านใน
เมื่อเห็นคงหนิงตื่นขึ้นมา หญิงสาวที่สวมชุดชั้นในบางๆ ก็พูดออกมาอย่างเหนียมอาย “ไอหยา......สามี ตื่นมาทำไม เมื่อครู่ท่านเหนื่อยมากมิใช่หรือ พักผ่อนให้เต็มที่จะดีกว่าไหม?”
ในขณะที่หญิงสาวกระซิบกระซาบด้วยความเขินอาย ก็มีบางสิ่งสีดำยื่นออกมาจากด้านหลังของนางและเล็งไปที่ลำไส้ซึ่งเคี้ยวคดไปมาในร่างของคงหนิง
ด้วยแสงจันทร์สลัว คงหนิงสามารถเห็นภาพของสิ่งแปลกประหลาดสีดำนั้นได้อย่างชัดเจน
ที่จริงแล้ว......มันเป็นหางแมงป่องขนาดใหญ่?!
หางนั้นปกคลุมด้วยเปลือกสีดำเป็นข้อปล้อง เหล็กในขนาดใหญ่ที่ปลายสุดเป็นสีแดงเลือดน่าขนลุก ขณะนี้ เหล็กในขนาดใหญ่ที่พอๆ กับศีรษะทารกถูกเล็งไปที่อวัยวะภายในซึ่งเผยออกมาในตอนที่คงหนิงถูกผ่าเปิดหน้าท้อง
ต่อหน้าสายตาพรั่นพรึงของเจ้าบ่าว หนามพิษขนาดใหญ่ก็แทงเข้าไปที่ช่องท้องส่วนล่างของเขาอย่างไร้ปรานี
ความเจ็บปวดที่ไม่อาจหาที่ไหนมาเทียบแล่นกระทบจิตใจในทันที ทำให้เขาเป็นลมหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด
สิ่งที่ได้ยินในตอนสุดท้ายคือเสียงกระซิบของหญิงสาวที่เขินอาย
“คนกำลังวางไข่......ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้แอบดูเรื่องน่าอายเช่นนี้!”
สติสัมปชัญญะของเขาขาดผึงไปในทันที
--------------------------------
[1] ตามปฏิทินจันทรคติ ถ้าเทียบกับปฏิทินทางสุริยคติที่เราๆ ใช้กันก็ประมาณเดือนที่ 7 หรือ กรกฎาคม
[2] ช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของปี เริ่มต้นวันที่ 23,24 หรือ25 เดือนกรกฎาคมแล้วแต่ปี
[3] ปี่ปากใหญ่ Suona (唢呐 ) เสียงดังมาก มักใช้เล่นในวงดนตรีกลางแจ้ง