บทที่ 60 เสี่ยวจิ่วหายไป 2
ผู้คนบนท้องถนนกำลังเดินไปเดินมาจนน่าปวดหัว จากนั้น สายตาเชิ่งเทียนสื่อก็มองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว แต่มองยังไงเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของซูจิ่ว และตอนนี้หัวใจของเขาก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก อีกทั้งใบหน้าที่ไม่เคยใส่ใจอะไรก็ดูตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แย่แล้ว! เขาทำสาวน้อยหาย!
ถ้าซูเชิ่งจิ่งกลับมาแล้วไม่เห็นลูกสาวตัวเอง เขาจะต้องถูกผู้ชายคนนั้นฆ่าอย่างแน่นอน!
แต่สิ่งที่เชิ่งเทียนสื่อกังวลไม่ใช่สิ่งที่ซูเชิ่งจิ่งจะทําอะไรกับเขา แต่เป็นความปลอดภัยของซูจิ่ว ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กตัวเล็กๆและน่ารักแบบเธอ มีหรือที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของคนอื่น และถ้าหากตกเป็นเป้าหมายของผู้ค้ามนุษย์แล้ว ผลที่ตามมาคงยากที่จะจินตนาการได้!
ในเวลาต่อมา ซูเชิ่งจิ่งก็ได้ซื้ออาหารสำหรับเด็กกลับมาเรียบร้อยแล้ว และบังเอิญพบกับเชิ่งเทียนสื่อระหว่างทาง แต่เมื่อไม่เห็นซูจิ่วอยู่ข้างๆเขา ซูเชิ่งจิ่วจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วถามขึ้นทันที “เสี่ยวจิ่วอยู่ไหน?”
ใบหน้าของเชิ่งเทียนสื่อซีดเผือด “ฉัน...ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน…?”
“แกพูดว่าอะไรนะ?!” ของที่อยู่ในมือซูเชิ่งจิ่งตกลงไปที่พื้นทันทีเมื่อเขาได้ยินประโยคนั้น และเขาก็คว้าคอเสื้อของเชิ่งเทียนสื่อขึ้นมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “แกไม่รู้ว่าเธอหายไปไหนงั้นเหรอ? แกไม่ได้กำลังล้อเล่นฉันอยู่ใช่ไหม? แล้วไหนแกบอกว่าจะช่วยฉันดูแลเธอเป็นอย่างดีไง?!”
“ฉันแค่รับโทรศัพท์ และเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็หายไปแล้ว!”
“ไอ้สารเลว!” ความโกรธของซูเชิ่งจิ่งพุ่งขึ้นเหนือศีรษะ และหมัดของเขาก็กระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของเชิ่งเทียนสื่ออย่างรุนแรง
แต่ตอนนี้ซูเชิ่งจิ่งไม่มีความคิดที่จะตำหนิใครทั้งนั้น เพราะเขากังวลเกี่ยวกับซูจิ่วมากกว่าสิ่งใด เขาจึงรีบวิ่งไปรอบๆบริเวณนั้นทันที เพื่อสอดสายสายตาค้นหาร่างของลูกสาวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
เชิ่งเทียนสื่อถูกต่อยอย่างแรง และเขาก็เกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น แต่เขารู้สึกว่าตัวเองสมควรที่จะถูกต่อยแล้ว เพราะว่าเขาไม่สามารถดูแลเด็กหญิงตัวน้อยได้
เชิ่งเทียนสื่อก็รีบวิ่งออกไปค้นหาบนถนนเหมือนกับซูเชิ่งจิ่ง ส่วนซูเชิ่งจิ่งก็สอบถามทุกคนว่าเห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสามสี่ขวบในชุดกระโปรงสีชมพูบ้างไหม? และทุกครั้งที่เขาได้ยินคนพูดว่าไม่เห็น หัวใจของเขาก็รู้สึกเย็นเฉียบลงทุกที
## ติดตามเรื่องราวของเด็กหญิงตัวเล็กได้ที่ thai-novel.com หรือ mynovel.co ได้เลยนะคะ
ความตื่นตระหนกและความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนได้เข้าครอบงำจิตใจของเขาอย่างสมบูรณ์ ทำให้หน้าผากและหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
ซูเชิ่งจิ่งคิดถึงตอนที่ตัวเองถูกใส่ร้ายจากข่าวมืดที่พุ่งเข้ามาหานับไม่ถ้วน จนเขาถูกบังคับให้ออกจากวงการบันเทิง และตอนนั้นเขาก็มีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
ซูเชิ่งจิ่งไม่อยากจะจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงตัวเล็กๆที่มีอายุ เพียงแค่สามสี่ขวบ และถ้าเธอกำลังเดินหลงทางอยู่บนถนน แล้วเจอคนไม่ดีขึ้นมา...
เขาไม่กล้าที่จะคิดต่อ และตอนนี้ดวงตาของเขาก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขาพยายามที่จะค้นหา แล้วตะโกนจนสุดเสียงว่า “เสี่ยวจิ่ว ลูกอยู่ที่ไหน? ออกมาเร็วๆ ลูกไม่ต้องกลัวนะ ป๊ะป๋าอยู่นี่แล้ว!”
การที่เขาเดินโซซัดโซเซทําให้หลายคนมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว แต่เพราะเขากำลังสวมหน้ากากอยู่ จึงทำให้ไม่มีใครจำเขาได้ แต่ก็ยังมีคนไม่น้อยที่หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเพื่อถ่ายรูป
สิบห้านาทีต่อมา ซูเชิ่งจิ่งและเชิ่งเทียนสื่อก็กลับไปซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง เมื่อพวกเขาไม่พบเบาะแสอะไรเลย
ตอนนี้เชิ่งเทียนสื่อโทษตัวเองอย่างมาก จากนั้นเขาก็ตบหน้าตัวเองอย่างแรง “มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันมันไม่ดี! ฉันไม่ควรรับโทรศัพท์นั่นเลย!”
ซูเชิ่งจิ่งไม่สนใจผู้ชายตรงหน้าแม้แต่น้อย ซึ่งดวงตาทั้งคู่ของเขายังคงแดงก่ำอยู่ จากนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อเตรียมจะแจ้งตํารวจ แต่จู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ซูเชิ่งจิ่งจึงรีบวิ่งไปที่แคชเชียร์และพูดว่า “ที่นี่มีกล้องวงจรปิดไหม?!”
“มี…”
เสียงของแคชเชียร์ยังพูดไม่ทันจบ ซูเชิ่งจิ่งก็รีบตะโกนออกไปว่า “ลูกสาวของผมหายไป ช่วยตรวจสอบให้ผมที!”
แคชเชียร์ตกใจกับสภาพที่น่าสังเวชและดุร้ายของผู้ชายตรงหน้ามาก พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดกล้องวงจรปิดให้เขาดู และเมื่อกล้องวงจรปิดถูกเปิดขึ้นมาแล้ว ซูเชิ่งจิ่งและเชิ่งเทียนสื่อก็เฝ้าดูตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเข้ามาที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้
ซูเชิ่งจิ่งจ้องเขม็งไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และเขาก็เห็นเชิ่งเทียนสื่อเข้ามา จากนั้น เขาก็วางซูจิ่วลงบนพื้นเพื่อรับโทรศัพท์ ส่วนซูจิ่วก็เดินเข้าไปข้างในคนเดียว เพื่อไปเอาช็อคโกแลตสองชิ้นบนชั้นวาง
ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่สวมหมวกสีดําและสวมหน้ากากสีดำ จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นได้ และเขาก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของซูจิ่วอย่างเงียบๆ