บทที่ 59 เสี่ยวจิ่วหายไป 1
เชิ่งเทียนสื่อเดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มซูจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขน ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยก็กำลังมองมาที่เขา จนคิ้วเล็กๆของเธอขมวดกันจนเป็นก้อน และปากของเธอก็ราบเรียบพร้อมที่จะร้องไห้ได้ตลอดเวลา
“ป๊ะป๋าโกหก! ไหนป๊ะป๋าบอกว่าได้ทํางานในสำนักงานใหญ่ และมีแอร์เย็นๆ ไง ป๊ะป๋าโกหกหนู…”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น ซูเชิ่งจิ่งก็รู้สึกตื่นตระหนกมาก และตอนนี้เขาต้องการที่จะกอดเกี๊ยวน้อยโดยไม่รู้ตัว และต้องรีบอธิบายให้เธอฟังทันที แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาสกปรกมาก แล้วเขาจะอุ้มเธอได้ยังไง?
และทั้งหมดที่ซูเชิ่งจิ่งสามารถทำได้ก็แค่ยืนอยู่ที่เดิมและพูดว่า “ลูก ฟังป๊ะป๋านะ ป๊ะป๋าคิดว่าการทํางานที่นี่สามารถหาเงินได้มากกว่า ดังนั้น ลูกอย่าโกรธป๊ะป๋าเลยนะ ตกลงไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดของเขา หัวใจของซูจิ่วก็พลันรู้สึกเปรี้ยวขึ้นมาทันที เธอจึงวิ่งเหยาะๆ เข้าไปกอดเขาไว้ และเธอก็ไม่ได้รังเกียจกลิ่นเหงื่อของผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย พร้อมกับพึมพําว่า “ต้องโกรธสิ! ป๊ะป๋าโกหกเสี่ยวจิ่ว และยังบอกอีกว่ามันไม่ลําบาก ป๊ะป๋าทำให้เสี่ยวจิ่วเสียใจมาก”
“.....” ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกตกตะลึงทันที และทันใดนั้น ลําคอของเขาก็ดูเหมือนจะสำลักอะไรบางอย่าง จนเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ซูเชิ่งจิ่งก็สามารถพูดออกมาได้ “ป๊ะป๋าขอโทษ ป๊ะป๋าไม่ดีเอง”
ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กน้อย เขาจึงขอลาหยุดงานกับหัวหน้าหนึ่งชั่วโมง จากนั้น เขาก็ออกไปพร้อมกับซูจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
แต่ก่อนที่จะออกไปข้างนอก ซูเชิ่งจิ่งได้หยิบหน้ากากออกมาสวม จากนั้น เขาก็ส่งซูจิ่วให้กับเชิ่งเทียนสื่อ เพื่อให้เชิ่งเทียนสื่อเป็นคนอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยแทนเขา
ซูจิ่วรู้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะถูกจดจํา และเพื่อป้องกันไม่ให้เธอถูกเปิดเผย ดังนั้น เธอจึงยอมให้เชิ่งเทียนสื่อเป็นคนอุ้มตัวเองเดินไปข้างนอกอย่างเชื่อฟัง
ซูจิ่วซบอยู่บนไหล่ของเชิ่งเทียนสื่อ และคอยมองดูซูเชิ่งจิ่งที่กำลังเดินตามอยู่ด้านหลังมาโดยตลอด แต่เมื่อนึกถึงภาพที่เขาต้องทํางานหนักในสถานที่ก่อสร้างที่เต็มไปด้วยฝุ่น เธอก็พลันเกิดแรงกระตุ้นที่ไม่เคยมีมาก่อน และหวังว่าตัวเองจะสามารถช่วยป๊ะป๋าของตัวเองได้
ความฝันของป๊ะป๋าไม่ได้อยู่ที่นี่ และเขาไม่ควรถูกฝังอยู่ในสถานที่แห่งนี้
แต่เขาจะต้องยืนอยู่บนเวที และจะต้องเปล่งประกายเท่านั้น!
ในขณะที่กําลังคิดอยู่ เธอก็ได้ยินซูเชิ่งจิ่งถามขึ้นมาว่า “ลูก หิวไหม?”
ซูจิ่วจึงกลับมาได้สติอีกครั้ง จากนั้น เธอก็พยักหน้าอย่างขุ่นเคือง
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของซูจิ่ว ซูเชิ่งจิ่งก็คิดว่าเกี๊ยวน้อยยังคงโกรธอยู่ที่ถูกเขาหลอก เขาจึงรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น เขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เกี๊ยวน้อยมีความสุขให้ได้
เมื่อเห็นร้านขายเบอร์เกอร์อยู่ข้างหน้า ซูเชิ่งจิ่งก็รู้ว่ามีชุดอาหารสำหรับเด็กพร้อมกับของเล่น เขาจึงพูดขึ้นว่า “ป๊ะป๋า จะไปซื้ออาหารให้ลูกก่อน ส่วนลูกก็รออยู่กับลุงตรงนี้นะ”
ซูจิ่วพยักหน้าอีกครั้ง “ตกลง~”
เมื่อซูเชิ่งจิ่งเดินไปที่ร้านขายเบอร์เกอร์แล้ว เชิ่งเทียนสื่อก็เห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยมีสีหน้าไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร เขาจึงอุ้มเธอเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตริมถนน และตั้งใจจะซื้อขนมให้เธอกิน แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เขาจึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า และเมื่อเห็นว่าเป็นฝ่ายกฎหมายของบริษัทที่โทรมา เขาจึงวางซูจิ่วลงกับพื้นเพื่อให้เธอเลือกขนม จากนั้น เขาก็รับโทรศัพท์ “ใช่ ตัวเลขทั้งหมดต้องถูกปิดผนึก และต้องส่งจดหมายถึงทนายความทั้งหมดนั่นด้วย อย่าปล่อยให้หลุดรอดไปได้แม้แต่อันเดียว ว่าไงนะ? มันมากเกินไปงั้นเหรอ?! ถ้าอย่างนั้นก็ส่งให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ก็แล้วกัน และที่ผมจ้างคุณให้มาทำงานที่ตระกูลเชิ่งก็เพื่อให้คุณมาทํางาน ไม่ใช่จ้างให้คุณมากินข้าว!”
เมื่อเชิ่งเทียนสื่อกําชับอีกฝ่ายเสร็จแล้ว เขาก็หันกลับมาหาเด็กหญิงตัวน้อย แต่ก็พบว่าซูจิ่วได้หายตัวไปแล้ว
เขาจึงรีบมองไปรอบๆซูปเปอร์มาร์เก็ตทันที และเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหญิงตัวน้อย หัวใจของเขาก็เต้นระรัวจนแทบคลั่ง “สาวน้อย?”
“เสี่ยวจิ่ว?หนูอยู่ที่ไหน? หนูคงไม่ได้เล่นซ่อนหากับลุงอยู่ใช่ไหม? ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องกลับบ้านแล้วนะ รีบออกมาเร็ว!”
ไม่มีการตอบสนอง
ด้วยความเป็นห่วง เชิ่งเทียนสื่อจึงรีบคว้าตัวพนักงานในร้านและถามขึ้นว่า “คุณสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาพร้อมกับผมบ้างไหม?”
“หือ?” พนักงานส่ายหน้า “ซูปเปอร์มาร์เก็ตของเรามีทางเข้าอยู่สองทาง หรือเธอจะวิ่งออกไปทางประตูหลังหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำตอบ เชิ่งเทียนสื่อก็หันหลังแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูหลังทันที