385 - บุกวังโบราณ
385 - บุกวังโบราณ
“เจ้าได้รับอะไรกันแน่” ฉินเหยาที่เดินตามมาถามด้วยความตื่นเต้น เอี๋ยนหรูหยูและตู้เฟยก็มีความสงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน
“ความเคลื่อนไหวของเขานั้นเป็นเพราะดอกบัวสีฟ้าที่อยู่ในร่างกายของข้า แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือคนผู้นี้ยังไม่ทะลวงออกจากอาณาจักรตำหนักเต๋าอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
"ดูเหมือนว่าแม้แต่ในยุคโบราณก็ไม่มีร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรตำหนักเต๋าได้ นี่เป็นคำสาปที่ไม่อาจทำลายได้จริงๆ" ฉินเหยาถอนหายใจในขณะที่มองเย่ฟ่านด้วยความสงสาร
แต่ในตอนที่ทุกคนกำลังสงสารเย่ฟ่านอยู่นั้น สุนัขสีดําตัวใหญ่กลับมีปฏิกิริยาที่รุนแรงมากที่สุด มันกระโดดเข้ามาและถามเย่ฟ่านว่า
"เขาฝึกฝนอาณาจักรลึกลับเดียวจนสำเร็จใช่หรือไม่? ! "
“ดูเหมือนเจ้าจะมีความรู้ไม่น้อยเลย!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เอี๋ยนหรูหยูหยุดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นนางก็ส่ายหน้าไม่ยอมรับข้อวินิจฉัยนี้ แม้แต่ในยุคโบราณก็ยังไม่เคยมีผู้ใดฝึกฝนอาณาจักรเดียวจนบรรลุขั้นสูงสุดได้ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไป?
"นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุด เจ้าได้รับทักษะการฝึกฝนของเขามาหรือไม่?"
สุนัขสีดำตัวใหญ่มองเย่ฟ่านอย่างคาดหวัง
"ตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมาไม่เคยมีผู้ใดฝึกฝนอาณาจักรลึกลับเดียวจนกลายเป็นผู้อมตะได้ หากคนคนนี้เป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า แล้วเขาตายได้อย่างไร!?” เอี๋ยนหรูหยูยังคงไม่สามารถยอมรับทฤษฎีนี้ได้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หัวใจของเย่ฟ่านก็สั่นไหว ซากศพนี้สามารถเปลี่ยนให้เป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วได้อย่างแน่นอน หรือว่าแท้ที่จริงแล้วราชามังกรเขียวต้องการศึกษาความลับของการเป็นอมตะจากซากศพนี้?
เย่ฟ่านพยายามทำให้อารมณ์ของเขาผ่อนคลาย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องบุกเข้าไปในวังโบราณอู่จิงคืนนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องช่วยผังป๋อให้ได้ นี่คือภารกิจเร่งด่วนที่สุด
"จักรพรรดิดำ เจ้ามั่นใจนะว่าเราจะลงมือคืนนี้?"
“เราต้องลงมือคืนนี้เท่านั้น ข้ารู้สึกว่าอสูรเฒ่าเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ต้องการปล่อยพวกเราไป พวกเราต้องหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
หลังจากกลับไปที่ป่าสน เย่ฟ่านก็ปิดประตูและหยิบวัสดุต่างๆออกมาให้สุนัขสีดําตัวใหญ่เริ่มแกะสลักอักขระเต๋าเพื่อเตรียมทำลายค่ายกลของวังโบราณอู่จิงในเวลากลางคืน
ในคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ไม่มีดวงจันทร์บนท้องฟ้า ไม่มีแม้แต่ดวงดาวด้วยซ้ำ
เย่ฟ่านและสุนัขสีดำตัวใหญ่มุ่งหน้าไปที่วังโบราณอู่จิงอย่างเงียบๆโดยไม่สนทนากันแม้แต่ประโยคเดียว
บนก้อนเมฆ วังโบราณอู่จิงยังคงตั้งตระหง่านอย่างงดงามเช่นเดิม ก้อนหินขนาดใหญ่ยังคงหมุนเวียนอยู่รอบๆวังราวกับป้อมปราการที่พร้อมจะบดขยี้ร่างกายของผู้บุกรุกให้แหลกละเอียด
เย่ฟ่านยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองดูวังโบราณอู่จิงจากระยะไกล
ในขณะที่จักรพรรดิดำยืนอยู่บนสิ่งประดิษฐ์เวทย์มนต์
จักรพรรดิดำไม่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าได้เมื่ออยู่ในดินแดนปิดผนึก แม้ว่าเย่ฟ่านจะสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบขุดค้นความลับของคนอื่นดังนั้นเขาจึงไม่เคยถามเรื่องนี้เลย
"ในโลกใบเล็กๆนี้มีผู้สูงสุดสองคนคอยดูแลอยู่ หากพวกเราส่งเสียงดังมากเกินไปไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเราจะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านกล่าวอย่างใจเย็น
"เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น หากเราทำสำเร็จแล้วแต่สุดท้ายข้าไม่ได้รับคัมภีร์ของจักรพรรดิอสูร ข้าคนนี้จะเป็นคนที่ฆ่าเจ้าเอง!"
ตอนนี้เย่ฟ่านดูเคร่งขรึมไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับมัน สุนัขสีดำจึงตัวใหญ่เดินไปรอบๆวังโบราณอู่จิงอย่างอ้อยอิ่ง เพื่อสังเกตหาจุดบกพร่องของค่ายกล
เย่ฟ่านไม่เร่งเร้า ลำพังแค่ตัวเขาไม่มีทางที่จะบุกเข้าไปในวังโบราณแห่งนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับสุนัขสีดำตัวใหญ่เท่านั้น
ผ่านไปไม่นานสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็กัดฟันและคำรามขึ้นเบาๆว่า
"จักรพรรดิคนนี้ถูกสะกดมานานแล้ว ข้าต้องได้รับคัมภีร์ของจักรพรรดิอสูรเท่านั้น!"
พูดจบมันก็หยิบวัสดุชิ้นหนึ่งออกมาก่อนจะโยนเข้าไปในวังโบราณอู่จิง เมื่อค่ายกลสว่างขึ้นเล็กน้อยจักรพรรดิดำก็เริ่มส่งเสียงพึมพำเบาๆคล้ายกับท่องคาถาบางอย่าง
มันกำลังควบคุมม่านแสงที่ปกป้องวังโบราณไว้ พร้อมกันนั้นมันก็โยนวัสดุที่ถูกสลักอักขระออกไปอย่างต่อเนื่อง
“ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ข้าเดาถูกแล้ว” จักรพรรดิดำถอนหายใจอย่างโล่งอก
“สิ่งที่เจ้าโยนเข้าไปมีหน้าที่อะไร?” เย่ฟ่านถามด้วยความสงสัย
“ศิลาที่บินอยู่รอบๆวังโบราณนี้คือศิลาจักรวาล ดินโลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่สลักอักขระเต๋าของข้าสามารถแทรกแซงสนามพลังมันได้ชั่วคราว” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตบหน้าอกด้วยความภาคภูมิใจ
"ยอดเยี่ยมขนาดนั้น!" เย่ฟ่านก็ประหลาดใจไม่น้อย
"ศิลาอุกกาบาตที่ถูกทำให้เป็นค่ายกลนี้ถูกจัดเรียงตามรูปแบบของเต๋าสวรรค์ เมื่อมันถูกกระตุ้นพลังโจมตีของมันจะรุนแรงมาก ต่อให้เป็นผู้สูงสุดก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้" เมื่อพูดจบสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็มีสีหน้าเศร้าโศกเล็กน้อย
เย่ฟ่านสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมถึงไม่มีคนคอยปกป้องวังโบราณแห่งนี้? เพราะว่ามันไม่มีความจำเป็นนั่นเอง!
หลังจากนั้นสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็มีสีหน้าจริงจังกลับมา มันเริ่มท่องคาถาพร้อมกับโยนวัสดุที่ถูกจัดเตรียมไว้ออกไปมากมาย รวมเบ็ดเสร็จทั้งสิ้นหนึ้งร้อยแปดชิ้น
“อันที่จริงของที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทำลายค่ายกลนี้คือรากของปราณปฐพีต้นกำเนิดของเจ้า แต่มันมีค่ามากเกินไป ข้าคิดว่าข้าสามารถหาของทดแทนได้”
จักรพรรดิดำเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในค่ายกลโดยไม่กระพริบดวงตาแม้แต่ครั้งเดียวก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
“หลังจากที่เราเข้าไปข้างในให้เจ้านำหม้อวิเศษของเจ้าออกมา ปราณปฐพีต้นกำเนิดใช้ทำเป็นอาวุธของเจ้ามีอานุภาพสามารถปราบปรามอันตรายที่อยู่ภายในได้”
จากนั้นเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในบริเวณม่านแสงของค่ายกล เย่ฟ่านและสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็เริ่มโยนต้นกำเนิดจำนวนมากเข้าไปในม่านแสง
เพื่อที่จะช่วยชีวิตผังป๋อ เย่ฟ่านเต็มใจที่จะสละต้นกำเนิดทั้งหมดที่เขามีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่จักรพรรดิดำนั้นมีสติมากกว่า มันกล่าวว่าเพียงใช้ครึ่งเดียวก็พอแล้ว
ยังไงก็ตามสุดท้ายเย่ฟ่านยังสูญเสียต้นกำเนิดไปมากกว่าหนึ่งพันหกร้อยจินในปฏิบัติการครั้งนี้
“น่าจะได้แล้ว ข้าสามารถหลอกค่ายกลนี้ได้ชั่วคราว” จักรพรรดิดำถอนหายใจยาว
“เจ้าแน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าพอข้าเข้าไปแล้วกลับถูกค่ายกลฉีกออกเป็นเป็นชิ้นทันที?” เย่ฟ่านทั้งรู้สึกตื่นเต้นและเกิดความลังเลอยู่เล็กน้อย
"เลิกพูดไร้สาระสักที ก็บอกแล้วไงว่ามันทำได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น" สุนัขสีดําตัวใหญ่กล่าวด้วยความรำคาญ
"ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเลย" หัวใจของเย่ฟ่านนั้นยากที่จะสงบลงได้
“เอาหม้อวิเศษของเจ้าออกมาก่อน”
จักรพรรดิดำเตือนอย่างจริงจัง หม้อขนาดเล็กสูงหนึ่งนิ้วบินออกมาด้านนอกก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงกว่าสิบวา
“นี่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่คิดว่าเจ้าจะได้มันมาครอบครองจริงๆ” สุนัขสีดําตัวใหญ่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"นั่นก็แสดงให้เห็นว่าข้ามีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต" เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นกันง่ายๆได้อย่างไร รอให้เจ้ากลายเป็นผู้สูงสุดก่อนค่อยพูดเรื่องนี้ก็ไม่สาย” จักรพรรดิดำแค่นเสียงอย่างเย็นชา