บทที่ 57 ทำได้ดีมาก!
ที่เวยป๋อของเขาระเบิด ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องการทะเลาะวิวาทกับป้าจางเมื่อเช้าวันนั้น ซึ่งเหตุการณ์นั้นได้ถูกคนถ่ายเอาไว้ และเมื่อมันถูกโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต คนที่ไม่ทราบความจริงก็เริ่มโจมตีรอบใหม่ทันที
“ซูเชิ่งจิ่ง เขายังมีคุณภาพอยู่ไหม? ทำไมถึงได้ไปทะเลาะกับคนอื่นข้างถนนแบบนั้น? แถมยังใช้คําหยาบคายและข่มขู่ผู้คนอีกด้วย?”
“ป้าทําได้ดีมาก ตีสุนัขต้องตีให้จมน้ำ*!”
(打落水狗 ตีสุนัขให้จมน้ำ สำนวน หมายถึง การต่อสู้กับคนเลวที่ล้มเหลวไปแล้ว โดยไม่ให้เถ้าถ่านของพวกเขาฟื้นอีกต่อไป)
“ผู้ชายประเภทนี้มันเละเทะมาก ป้าทําได้ดีมาก!”
“ถ้าฉันเห็นซูเชิ่งจิ่งอยู่ข้างถนน ฉันก็จะสาปแช่งเขาด้วยเหมือนกัน ตกลงไหม? ? คำพูดของหญิงชราก็ไม่ได้หยาบคายอะไร และสำหรับผู้หญิงอย่างเรามันทำให้ฉันสามารถถอนหายใจได้อย่างโล่งอก! แต่มันก็น่าเกลียดเกินไปที่เขาไปด่าผู้หญิงแบบนั้น และถ้าฉันเป็นหญิงชราคนนั้นนะ ฉันคงจะตีเขาไปแล้ว!”
“ลูกสาวของเขาก็สอนมาดีเหลือเกิน นี่มันไม่เหมือนเด็กอายุสามหรือสี่ขวบเลยสักนิด ซึ่งเธอเคยเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆแบบนี้ตีคนด้วยรองเท้าบ้างไหม? ช่างเป็นเด็กที่ไร้มารยาทอะไรอย่างนี้! และหญิงชราก็พูดถูกแล้ว เมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้นมา เธอคงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอย่างแน่นอน!”
แน่นอนว่ายังพอมีคนทีี่ยืนอยู่ข้างเขาและซูจิ่วอยู่บ้าง พวกเขาบอกว่าป้าจางพูดจาไม่ดี และไม่ควรโจมตีเด็กที่ไร้เดียงสาแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเพราะต้องการด่าในการกระทำของซูเชิ่งจิ่งมากกว่า
ซูเชิ่งจิ่งไม่สนใจคนที่ด่าตัวเอง แต่เขาทนไม่ได้ที่คนพวกนั้นมาว่าซูจิ่วแบบนั้น
จิตใจของคนพวกนั้นจะต้องมืดมนแค่ไหน และชีวิตของพวกเขาจะต้องเลวร้ายเพียงใด ถึงได้นำเด็กที่ไร้เดียงสาที่มีอายุน้อยกว่าสี่ขวบมาระบายความโกรธแบบนี้?!
เขาทำการจับภาพหน้าจอของเวยป๋อที่ด่าซูจิ่ว จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ระเบียง และส่งภาพหน้าจอทั้งหมดไปยัง WeChat ของเชิ่งเทียนสื่อ แล้วกดโทรหาเขาทันที
แต่ก่อนที่ซูเชิ่งจิ่วจะได้โทรไป สายเรียกเข้าของเชิ่งเทียนสื่อก็ได้โทรเข้ามาเสียก่อน และเมื่อซูเชิ่งจิ่วกดรับสาย อีกฝ่ายก็พูดขึ้นทันทีว่า “ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ทันทีที่นายส่งข้อความมาเยอะขนาดนั้น ฉันเพิ่งจะหลับแต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา! ทุกวันนี้ฉันต้องทํางานหนักเพื่อช่วยนายดูแลลูกสาว แต่นายกลับไม่ยอมให้ฉันได้นอนบ้างเลยหรือไง มันคุ้มสำหรับฉันไหมเนี่ย?”
แน่นอนว่านี่เป็นการพูดเกินจริง ซึ่งในความเห็นของเชิ่งเทียนสื่อ ซูจิ่วเป็นหนึ่งในเด็กที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมา เธอเป็นเด็กดีและมีเหตุผลมาก จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
เขาแทบอยากจะมีเด็กหญิงตัวน้อยแบบนี้อีกสักสิบคน
ซูเชิ่งจิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ก่อนหน้านี้ นายบอกว่าจะส่งจดหมายทนายความของนายให้ แต่ฉันบอกว่าไม่ต้อง แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันเลยอยากจะขอความช่วยเหลือจากนาย”
เชิ่งเทียนสื่อพลันตื่นจากภวังค์อย่างรวดเร็ว “ก็ฉันเคยบอกนายไปแล้ว ว่าให้ฉันส่งจดหมายทนายความไปให้ไหม! เจ้าพวกที่ชอบพ่นน้ำลายกันตามอำเภอใจแบบนั้น ก็อย่าได้ไปตามใจพวกเขาจนมากจนเกินไป และไม่แน่ว่าคนพวกนั้นอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นราชาแห่งปาก และจะต้องภูมิใจมากแน่ๆ แต่ว่าคนที่ด่านายน่าจะไม่ใช่แค่คนสองคนเท่านั้นนะ?”
“ไม่ต้องไปสนใจกับคนที่ด่าฉัน แต่ดำเนินคดีกับคนที่ว่าลูกสาวของฉันก็พอ”
เชิ่งเทียนสื่อ "..."
เขาก็คิดว่าทําไมซูเชิ่งจิ่งถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหัน? ที่แท้ก็เพราะมีคนมาด่าลูกสาวของเขานั่นเอง แล้วเขาคงจะทนไม่ได้แน่ๆ!
“ตกลง พรุ่งนี้เช้าฉันจะติดต่อฝ่ายกฎหมายของตระกูลเชิ่ง เพื่อให้พวกเขาจัดการกับเรื่องนี้เอง และคนพวกนั้นจะได้รับจดหมายประทับตราหมายเลขจากทนายความ แล้วเราจะมาดูกันสิว่า คนพวกนั้นจะทำยังไงกับเรื่องนี้!”
“ขอบคุณ” ซูเชิ่งจิ่งพูดด้วยความจริงใจ
“เฮ้ ระหว่างเราสองคน มิตรภาพแบบไหนถึงต้องมาบอกว่าขอบคุณ? แต่ถ้านายอยากจะขอบคุณฉันจริงๆ ก็ให้เสี่ยวจิ่วมาเป็นลูกสาวของฉันสิ?”
“ไสหัวไป!”
…
เป็นเพราะซูเชิ่งจิ่ง จึงทำให้ซูจิ่วนอนหลับฝันดีตลอดทั้งคืน และเธอก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอย่างสดใส ส่วนเชิ่งเทียนสื่อก็มาที่ห้องตั้งแต่เช้า และตอนนี้เขากำลังคุยอยู่กับซูเชิ่งจิ่งอยู่ที่ระเบียง
เชิ่งเทียนสื่อจงใจลดเสียงลงและพูดว่า “ฉันได้โทรหาฝ่ายกฎหมาย และบอกพวกเขาไปแล้วว่าต้องช่วยนายจัดการกับเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
## ติดตามเรื่องราวของเด็กหญิงตัวเล็กได้ที่ thai-novel.com หรือ mynovel.co ได้เลยนะคะ
“อือ ขอบคุณ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าได้เกรงใจขนาดนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำความสะอาดคนพวกนั้นที่แม้แต่เด็กก็ไม่ยอมปล่อยไป เสี่ยวจิ่วเป็นเด็กดีและน่ารักขนาดนั้น ทำไมต้องมาถูกคนพวกนั้นด่าด้วยล่ะ และฉันก็โกรธมากเหมือนกันด้วย”