บทที่ 56 สมควรไม่มีภรรยา!
“ป๊ะป๋าต้องสัญญากับเสี่ยวจิ่วว่าจะต้องไม่ให้มีเนื้อพวกนี้ีอีก เพราะป๊ะป๋าจะหล่อกว่าลุงสุดหล่อมาก!”
## ฝากสนับสนุนด้วยนะครับ เราจะพยายามแปลอย่างสุดความสามารถ
ซูเชิ่งจิ่งหัวเราะ “ได้คืนนี้ป๊ะป๋าจะออกกําลังกาย และกําจัดเนื้อชิ้นนี้”
ก่อนที่จะลงจากรถ ซูจิ่วไม่ลืมที่จะบอกลาคนขับที่มาส่งเธอและป๊ะป๋าด้วยรอยยิ้ม จากนั้น เธอก็จับมือของซูเชิ่งจิ่งแล้วกระโดดออกจากรถไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกำลังจะเดินไปที่ปากทางเข้า สองพ่อลูกก็เห็นป้าจางที่ไม่รู้ว่ากำลังรีบออกไปไหน แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านางคงจะไปเล่นไพ่นกกระจอกอีกแล้ว
นางเดินเร็วมากจนเกือบจะชนเข้ากับซูจิ่ว แต่ยังดีที่ซูเชิ่งจิ่งรีบโอบกอดเธออย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นอย่างนั้น ป้าจางก็ถลึงตาใส่อย่างไร้ความปรานี “โอ้ เจ้าพวกน่าขยะแขยง! ตอนที่เดินพวกแกไม่มีตาหรือยังไง? ถึงมองไม่เห็นว่ามีคนกำลังจะเดินออกมาแบบนี้?”
ซูเชิ่งจิ่งโกรธขึ้นมาทันที “คุณกำลังด่าใคร?!”
“นอกจากพวกแกสองคนแล้ว ตรงนี้มีใครอีกงั้นเหรอ? พวกแกมีอะไรที่คู่ควรกับฉันบ้างเหรอ?” ป้าจางเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง “แกมันก็เป็นได้แค่ไอ้สารเลวที่ไร้ประโยชน์ งานก็ไม่มีทำ แถมยังทําตัวเป็นสัตว์ป่าแบบนี้อีก ยังไงก็ลองคิดทบทวนดูนะ!”
“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ แกเรียกใครว่าไอ้สารเลวงั้นเหรอ?!” ตอนนี้ดวงตาของซูเชิ่งจิ่งแดงก่ำและเต็มไปด้วยความโกรธ ซึ่งใบหน้าของเขาดูมืดมนและน่ากลัวมาก และท่าทางแบบนี้ทําให้ป้าจางตกใจอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“แกป่วยใช่ไหม? เพราะเป็นแบบนี้ไง แกถึงไม่มีเมีย!” เมื่อทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว ป้าจางก็เดินจากไปอย่างโกรธเคือง
เธอไม่อยากให้ซูเชิ่งจิ่งโกรธคนแบบนั้น ซูจิ่วจึงฉวยโอกาสเป่าลมสายรุ้งออกไปทันที “ป๊ะป๋าหล่อมาก! และหนูก็ชอบป๊ะป๋าที่สุด!”
ต้องบอกว่าลมสายรุ้งนี้มีประสิทธิภาพมาก ซึ่งสามารถทำให้ความโกรธของซูเชิ่งจิ่งหายไปในพริบตา และแทนที่ด้วยความรู้สึกถึงของความสําเร็จบางอย่าง
เขารู้สึกมีความสุขมากที่ได้เป็นวีรบุรุษต่อหน้าลูกสาวของตัวเอง
…
ในตอนกลางคืน หลังจากที่ซูจิ่วผล็อยหลับไปแล้ว ซูเชิ่งจิ่งก็ทาครีมอยู่หน้ากระจก จากนั้น เขาก็ใส่เสื้อผ้าเพื่อปกปิดร่องรอยการถูกแดดเผา เพราะถ้าเกี๊ยวน้อยเห็นเธอก็จะถามขึ้นมาอีก
ซูเชิ่งจิ่งหัวเราะอย่างขมขื่น ซึ่งเขาเคยเป็นดาราที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ตอนนี้กลับตกต่ำลงอย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่ทุกอย่างต้องโทษเขาที่ยิ่งยโสโอหังมากในตอนนั้น และเขาก็ให้ความสําคัญกับตัวเองมากจนเกินไป และก็จบลงด้วยคําพูดของคนอื่น!
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง สายตาของเขาก็เห็นซูจิ่วที่หลับอยู่บนเตียงด้วยท่านอนที่ดูเรียบร้อยมาก เด็กหญิงตัวน้อยไม่ขยับหรือถีบผ้าห่มออกเลยทั้งคืน ซึ่งทําให้ซูเชิ่งจิ่งไร้ความกังวลมากเลยทีเดียว
“ป๊ะป๋า......” ซูจิ่วพึมพําในความฝัน
เธอกำลังฝันว่าตัวเองกลับมาที่สถานเลี้ยงเด็กกําพร้า และลมหนาวก็พัดมาอย่างหนาวเหน็บและรอบด้านก็มืดสนิท ส่วนอีกาที่อยู่บนต้นไม้ที่ตายไปแล้วก็ส่งเสียงร้องจนแสบแก้วหู และตัวเธอก็กำลังนั่งขดตัวอยู่ตรงมุมห้องหนึ่ง ร่างกายของเธอสั่นงันงก ราวกับเด็กหญิงที่ขายไม้ขีดไฟ ที่โหยหาสถานที่แสนอบอุ่น
สถานที่นั้นจะต้องไม่อดอยากและหนาวเหน็บ ที่ซึ่งพ่อและแม่ของเธอจะรักเธอ หวงแหนเธอราวกับสมบัติล้ำค่า แทนที่จะทิ้งเธอไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแบบนี้…
เมื่อได้ยินเสียงลูกสาวตัวน้อย ซูเชิ่งจิ่งก็รีบเข้านอนทันที แต่เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับอย่างกระสับกระส่าย และบริเวณดวงตาคล้ายจะมีน้ำตาคลออยู่ ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็พลันกระตุกได้อย่างง่ายดาย
เกี๊ยวน้อยของเขากำลังฝันร้ายเหรอ?
“ป๊ะป๋า แม่…”
“ไม่ต้องกลัว ป๊ะป๋าอยู่นี่แล้ว” ซูเชิ่งจิ่งพูดพลางตบหลังเธอเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
ราวกับว่ารู้สึกถึงอะไรได้บางอย่าง และซูจิ่วก็สงบลงและค่อยๆหลับไป
ซูเชิ่งจิ่งนอนมองเด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับอย่างเป็นสุข แต่เขาก็ยังไม่ได้ผล็อยหลับแต่อย่างใด
เกี๊ยวน้อยต้องการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่เขาไม่รู้ว่าใครที่เป็นแม่ของเธอ?
ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไร ซูเชิ่งจิ่งก็ยิ่งนอนไม่หลับมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาจําได้ว่าไม่ได้เข้าไปอ่านเวยป๋อมาสองสามวันแล้ว เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่ระบบอีกครั้ง และไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้อ่านมันหรือเปล่า เพราะหลังจากที่เข้าสู่ระบบ เขาก็พบว่าเวยป๋อของตัวเองระเบิดอีกแล้ว