ตอนที่แล้วตอนที่ 187+188 ไม่มีวันหมด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 191+192 อยู่ที่นี่

ตอนที่ 189+190 ไม่กลับไปอีกแล้ว


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 189 ไม่กลับไปอีกแล้ว

หลังจากออกจากระบบการแพทย์ เจียงเหยามองไปที่แม่เฉิน ซึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยและถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ

น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้มากในตอนนี้

เฉินจื่อบิ่นเป็นสหายของลู่ชิงสีและเขาต้องมีสถานที่พิเศษในหัวใจของลู่ชิงสี ไม่อย่างนั้น ลู่ชิงสีจะไม่สนใจเรื่องของแม่เฉินมากขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาหาโอกาสมาเพื่อเกลี้ยกล่อมเฉินจื่อบิ่น

ลู่ชิงสีบอกว่าเขาจะกลับมาในอีกไม่ช้า และตามที่คาดไว้ เขากลับมาพร้อมกับเฉินซวีเหยาภายในหนึ่งชั่วโมง คราวนี้มีหัวหน้าเย่ติดตามพวกเขามาด้วย

หัวหน้าเย่นำดอกไม้และของเยี่ยมมาเยี่ยมแม่เฉิน เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ดวงตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาอันเย็นเยียบของเฉินจื่อบิ่น หัวหน้าเย่รู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้เขาได้หลีกเลี่ยงอีกฝ่ายและแม้กระทั่ง...

“สมุดบัญชีเงินฝากนี้เปิดจากด้วยชื่อของนาย เงินในนี้มาจากตระกูลจาง” ลู่ชิงสีวางสมุดบัญชีเงินฝากเล่มใหม่ไว้บนโต๊ะข้างเตียงทันที หลังจากที่เขาเข้ามา เขาพูดต่อ “จางซีหยวนจะถูกจำคุกตลอดชีวิต พ่อแม่ของเขาก็จะถูกจำคุกด้วยเช่นกัน”

“เฉินจื่อบิ่น ตระกูลจางย่อยยับแล้ว เมืองหนานเจียงนี้จะไม่มีชื่อตระกูลจางอีกต่อไป” เฉินซวีเหยาตบไหล่ของเฉินจื่อบิ่น “เงินจากตระกูลจางจำนวนนี้เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลแม่ของนาย มาตรฐานการแพทย์ที่เมืองจินโดก็ดีกว่าด้วย นายสามารถส่งแม่ของนายไปรักษาในโรงพยาบาลเมืองจินโด แล้วจ้างพยาบาลดูแลแม่ของนาย อีกอย่างเมืองจินโดก็อยู่ใกล้กองทหารของนายด้วย”

เงินในสมุดบัญชีเงินฝากเป็นทรัพย์สินของลูกหลานตระกูลจางเกือบทั้งหมด แต่ไม่มีใครทราบอาการปัจจุบันของแม่เฉิน

บางทีเงินอาจไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต เฉินซวีเหยารู้ว่าเฉินจื่อบิ่นอาจไม่สามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ในชีวิตของเขา แต่เงินจำนวนนี้ก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพของแม่เฉินได้เช่นกัน

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้กำกับเย่ก็พูดขึ้น เขาร่ายยาวถึงเรื่องไร้สาระมากมาย เช่นขอโทษแทนตำรวจ แต่เขาไม่เคยโทษตัวเองในเรื่องนี้เลย เขาโยนความผิดทั้งหมดไปที่ตระกูลจาง

เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสยดสยองของลู่ชิงสี ผู้กำกับเย่รู้ว่าไม่เหมาะที่เขาจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาเหลือบมองหญิงสาวคนเดียวในห้อง เพื่อให้รับรู้ว่ายังมีเธออยู่ด้วย และจากไป

เฉินจื่อบิ่นดูดีขึ้นหลังจากที่ผู้กำกับเย่จากไป ไม่ว่าผู้กำกับเย่จะพูดมากมายแค่ไหน เฉินจื่อบิ่นไม่เคยสนใจที่จะตอบเขาเลยสักคำ

สำหรับตอนนี้ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่สมุดบัญชีเงินฝากครู่หนึ่ง แต่เขาไม่ได้เปิดมันดู จากนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่มารดาผมขาวโพลนของเขาที่นอนไร้สติอยู่บนเตียง ผ่านไปสักระยะ ในที่สุดเขาก็เปิดปากพูดขึ้น

“จ่า ขอบคุณนะครับที่ช่วยฝึกผม ไว้ใจผม แต่ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าแม่ผมจะฟื้นเมื่อไหร่ ผมก็จะไม่กลับไปกองทัพอีกแล้ว”

เฉินจื่อบิ่นก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิดในขณะที่เขาไม่กลับมองไปที่ลู่ชิงสี

“จ่า ผมไม่มีพ่อมาตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงผมลำพังมาด้วยความลำบาก ที่ผมเข้าร่วมกองทัพก็เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ แต่สุดท้าย ผมคิดว่าตัวผมไม่กตัญญูต่อท่านเลย ผมเป็นลูกชายคนเดียว เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ แต่ผมไม่เคยได้อยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาเลย แม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ผมไม่รู้ว่าแม่ป่วยเมื่อไหร่ ผมไม่สามารถดูแลแม่เมื่อแม่เหนื่อย ใคร ๆ ก็บอกว่าคนเราเลี้ยงลูกก็หวังเพิ่งเขาตอนแก่เฒ่า แต่แม่ของผมเลี้ยงลูกแบบผมมาเพื่ออะไรกัน?”

คำพูดของเฉินจื่อบิ่นทำให้ทุกคนในห้องพูดไม่ออก

เฉินจื่อบิ่นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อยและเสียงของเขาแหบ

“จ่า ในกองทัพของเรายังมีพี่น้องอีกหลายคน แต่ผมเป็นเพียงลูกชายคนเดียวของแม่ ถ้าผมล้มเหลวในการปกป้องและอยู่เคียงข้างเธอ ใครจะปกป้องเธอแทนผมล่ะ ผมเคยคิดว่าถ้าผมโตเร็ว ๆ ผมจะได้ให้ชีวิตที่ดีแก่แม่ได้ แต่วันนี้ผมรู้ตัวว่ายิ่งผมโตเท่าไหร่ แม่ก็แก่ขึ้นเท่านั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมของแม่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวตั้งแต่เมื่อไหร่ จ่าคิดว่ายังไงครับ จ่ายังคิดจะให้ผมกลับกองทัพอีกไหม? แม่ของผมเธอตัวคนเดียว ถ้าผมกลับไปจริง ๆ แม่เสียเมื่อไหร่ผมก็คงไม่มีโอกาสได้รู้”

__

ตอนที่ 190 ผิดหวังไหม?

อดีตก็คืออดีต แล้วตอนนี้เล่า?

เฉินจื่อบิ่นได้รับคำยืนยันจากหมดแล้ว แม้ว่าแม่ของเขาจะฟื้น แต่เธอก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ สุดท้าย เธอต้องการความช่วยเหลือและการดูแลจากผู้อื่นตลอด 24 ชั่วโมง

เขาสามารถจ้างคนมาดูแลเธอได้ก็จริง แต่เขาจะหาใครที่จะดูแลแม่ของเขาอย่างแท้จริงได้เล่า?

เมื่อฟังคำพูดของเฉินจื่อบิ่นแล้ว ลู่ชิงสีก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก เขาไม่สามารถหาเหตุผลที่จะชักชวนให้เฉินจื่อบิ่นได้ สถานการณ์ของตระกูลลู่แตกต่างอย่างมากกับตระกูลเฉินของเขา

ทั้งพ่อและแม่ของเขามีสุขภาพที่แข็งแรงและมีกันและกัน อีกอย่างเขายังมีพี่สาวที่สามารถแวะไปเยี่ยมพวกท่านได้เป็นระยะ ๆ เนื่องจากเธออาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่ไกลจากบ้านพ่อกับแม่นัก พวกเขาปราศจากความกังวลเรื่องทางการเงิน พ่อและแม่ของเขาต่างมีอาชีพมั่นคง อีกอย่างตระกูลลู่ยังมีสถานะพิเศษในเมืองนั่นที่พวกเขาอยู่ด้วย

ดังนั้นลู่ชิงสีจึงไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย ทว่าเขาก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้

หลังจากเงียบไปนาน เฉินจื่อบิ่นสะอื้นไห้ “ผมขอโทษด้วยนะจ่า”

เจียงเหยายืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ สังเกตเฉินจื่อบิ่นที่ขอโทษทั้งน้ำตา เธอสัมผัสได้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะออกจากกองทัพและความเสียใจต่อผู้บังคับบัญชาของเขา

ลู่ชิงสีนิ่งเงียบ เขาตบไหล่เฉินจื่อบิ่นและกล่าวว่า “ดูแลแม่ของนายให้ดีเถอะ ไม่ว่านายจะเลือกอะไร นายก็คือทหารภายใต้คำสั่งของฉันเสมอและฉันจะเป็นจ่าของนายตลอดไป”

เขาหยุดไปชั่วครู่ เขาหันไปมองเจียงเหยาและกล่าวว่า “พรุ่งนี้ฉันต้องกลับแล้ว เจียงเหยาเขาเรียนอยู่ที่หนานเจียง จดเบอร์โทรของพวกเราไว้ล่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาเราได้ทุกเมื่อ”

จากคำพูดของลู่ชิงสีที่ให้การรับรองต่อเฉินจื่อบิ่น แม้ว่าเขาจะออกจากกองทัพ แต่เขาจะเป็นทหารของลู่ชิงสีตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาจะได้รับการสนับสนุนจากลู่ชิงเสมอ

ก่อนที่เฉินจื่อบิ่นจะตอบสนอง ลู่ชิงสีเรียกเฉินซวีเหยาและพากันออกโรงพยาบาล

ขณะที่ทั้งสามคนกลับมาถึงโรงแรม พวกเขาก็เห็นครอบครัวฉียังคงอ้อยยิ่งอยู่ข้างนอก ลู่ชิงสีท่าทางเย็นชาเมื่อเห็นพวกเขา เขาดูแลเจียงเหยาเพื่อให้เข้าไปในห้องพัก แล้วกระแทกประตูเสียงดังใส่หน้าพวกเขา จากนั้นก็โทรหาผู้กำกับเย่ ขอให้เขาช่วยสลายการเฝ้าของครอบครัวฉีที่หน้าห้องพักของเขา สำหรับลู่ชิงสี พวกเขาไม่ต่างจากสุนัขที่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้อง

“ที่รัก นั่งลงสิ” การแสดงออกของลู่ชิงสีอ่อนลง เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าไกลออกไปจากห้องของเขา เขาเทน้ำให้เจียงเหยา จับมือของเธอขณะที่เขานั่งลงข้าง ๆ เธอที่โซฟา “ตระกูลจางหายไปแล้ว ยังเหลือตระกูลฉีที่ยังคงอยู่ที่นี่ คุณผิดหวังไหม”

เจียงเหยาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแผนการของลู่ชิงสีคืออะไร แต่เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินว่าตระกูลฉียังคงอยู่ใกล้ ๆ

เธอจำได้ว่าเฉินซวีเหยาบอกว่าตระกูลฉีไม่ใช่เป้าหมายที่จะจัดการได้ง่าย ๆ ไม่เหมือนกับตระกูลจาง เธอค่อนข้างกลัวว่าลู่ชิงสีจะทำอะไรโดยไม่คิดออกไป

“ไม่มีอะไรให้ต้องผิดหวัง” เจียงเหยาถือแก้วน้ำและยิ้มออกมา เธอไม่ติดใจอะไรกับตระกูลฉี เพราะฉีเซียงก็ไม่ได้ทำร้ายเธอ เธอเพียงแค่เบื่อคนอย่างจางซีชิงและฉีเซียง

หากเธอเกลียดชังฉีเซียง เธอสามารถแก้แค้นเขาได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมองหาใครสักคนมาให้เธอได้ทดลองสูตรยาต่าง ๆ ในห้องสมุดสมุนไพรของเธอ

เธอรำพึงกับความคิดนั้น

มีคำพูดที่ว่า ‘การแก้แค้นของผู้หญิงไม่เคยสายเกินไป’ เธอสามารถลองผสมสมุนไพรแล้วใช้กับฉีเซียงได้ทีละสูตร

การไตร่ตรองความคิดเหล่านี้ทำให้เจียงเหยารู้สึกตื่นเต้นอย่างฉับพลัน

ลู่ชิงสีตรวจสอบใบหน้าของเธออย่างละเอียด เขาไม่เห็นความทุกข์ใด ๆ บนใบหน้าของเธอ ตรงกันข้าม มีความคาดหวังแปลก ๆ ที่เขาไม่อาจทำตามได้

เขายิ้มจาง ๆ ขณะลูบผมของเธอ จู่ ๆ เขาก็โพล่งออกมา

“รู้ไหม คุณไม่เป็นจำเป็นต้องใส่ส้นสูงเวลาออกไปข้างนอกหรอก แค่นี้ก็เหมาะสมกับผมแล้ว”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด