ตอนที่แล้วบทที่ 534 ซักมวนมั้ย?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 536 ของแข็ง

บทที่ 535 ขายที่ดิน(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 535 ขายที่ดิน

“เฮ้อ!” เซียวกั๋วชิ่งถอนหายใจเบาๆและกล่าวว่า “ตระกูลของเรามีลูกมีหลานเยอะ ดังนั้นที่ดินก็เลยมีเยอะ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ที่ดินพวกนี้ก็ขายได้เกือบหนึ่งล้านหยวนแล้ว!”

“แล้วทำไมไม่เอาไปรักษาพ่อล่ะ?!” น้ำเสียงของเซียวซูเหม่ยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สำหรับคนในชนบท เงินหนึ่งล้านหยวนเป็นเงินที่เยอะมาก อันที่จริงอย่าว่าแต่คนในชนบทเลย ต่อให้เป็นคนในเมือง เพื่อเงินหนึ่งล้านหยวนแล้ว พวกเขาก็ต้องสู้ชีวิตกันอย่างหนักเหมือนกันกว่าจะได้มันมา ในเมื่อเป็นแบบนั้น ทำไมพี่รองถึงได้บอกว่าขัดสนเรื่องเงินล่ะ?

เซียวกั๋วชิ่งยิ้มเจื่อนๆ “ซูเหม่ย หากมีเงินจริงๆ มีหรือที่ฉันจะไม่รักษาพ่อ? ตอนนี้ที่บอกว่ามีคนจะมาซื้อที่ดินสร้างศูนย์โลจิสติกส์ก็เป็นแค่ข่าวที่เขาพูดกันเท่านั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มโครงการเมื่อไหร่”

“แล้วพี่พูดมาได้ยังไงว่า 1 ล้าน?” เซียวซูเหม่ยแค่นเสียง

เซียวกั๋วชิ่งพูดเสียงเบา “ก็เห็นทุกคนพูดกันแบบนี้นี่นา...”

เสียงของหญิงชราดังขึ้นอีกครั้ง แม้เสียงของเธอค่อนข้างคลุมเครือ แต่จี้เฟิงยังคงได้ยินอย่างชัดเจน “ซูเหม่ย อย่าโทษพี่รองของลูกเลย ที่เขาไม่บอกความจริงกับลูก เพราะกลัวว่าลูกจะโกรธ ที่จริงตอนนี้มีที่ดินส่วนหนึ่งขายได้แล้ว จากที่ดิน 5 ไร่ของเจ้ากั๋วชิ่ง ขายไปได้แล้ว 3 ไร่ แต่เนื่องจากเป็นที่ดินส่วนตัว จึงต้องขอความร่วมมือกับสำนักงานหมู่บ้าน และยังติดค้างเรื่องการทำข้อตกลงอยู่ ดังนั้นราคาจึงถูกกว่า ไร่นึงก็ตกอยู่ที่สามหมื่นห้าพันหยวน รวมทั้งหมดสามไร่ก็แค่แสนหน่อยๆเท่านั้น”

“พี่รอง! ที่แท้พี่ก็ขายที่ดินไปแล้วนี่เอง!” เซียวซูเหม่ยถามทันที “ในเมื่อพี่ขายที่ดินได้แล้ว ทำไมถึงไม่เอาเงินไปรักษาพ่อ?”

“ซูเหม่ย อย่าเพิ่งใจร้อน ฟังแม่ให้จบก่อน!” หญิงชรารีบพูดต่อ “ที่ดินของพี่รองของลูกถูกขายไปได้แล้วก็จริง แต่เขาก็เหลือเงินแค่สามหมื่นหยวนเท่านั้น และนั่นก็เป็นเงินที่เขาเก็บไว้ให้ลูกสองคนไปโรงเรียน เพราะเงินนอกเหนือจากนี้ก็นำไปรักษาพ่อของลูกหมดแล้ว... หลายเดือนมานี้ กั๋วชิ่งพาพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายต่อหลายแห่ง ไหนจะเช่ารถ จ้างคนขับรถ เขาไปแม้กระทั่งโรงพยาบาลใหญ่ๆในเมืองเผิงเฉิง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น เพียงไม่กี่เดือนก็เหลือเงินไม่ถึงสี่ห้าหมื่นแล้ว!”

“ซูเหม่ย ลูกเองก็น่าจะรู้ว่าโรคที่พ่อของลูกเป็นอยู่มันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ดังนั้นแม่นี่แหละที่เป็นคนตัดสินใจเองว่าไม่ต้องให้พ่อของลูกรักษาที่โรงพยาบาลต่ออีก สู้กลับมาอยู่บ้านรักษาตามอาการ ฉีดยาบ้างทานยาบ้าง ทำแบบนี้บางทีพ่อของลูกจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบมากกว่าด้วยซ้ำ”

หญิงชราถอนหายใจยาวและกล่าวว่า “โรคของพ่อของลูกทำให้พี่รองของลูกแทบไม่เป็นอันทำมาหากิน ไม่ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวเลย ในแต่ละวันเขาได้แต่พาพ่อของลูกไปในเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อทำการรักษา จนครั้งหนึ่งเคยเกือบถูกคนนอกหลอก... สำหรับครอบครัวของเรา พี่รองของลูกทำดีที่สุดแล้ว!”

เซียวซูเหม่ยนิ่งเงียบไป เธอเองก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของพี่ชายคนรองแต่เพียงผู้เดียว

หลังจากนั้นไม่นาน เซียวซูเหม่ยก็ถามต่อว่า “แล้วพี่ใหญ่กับคนอื่นๆล่ะ? พวกเขาไม่เคยถามถึงอาการของพ่อบ้างเลยเหรอ?”

“ทำไมพวกเขาจะไม่ถามล่ะ แน่นอน พวกเขาต้องถามอยู่แล้ว!” น้ำเสียงของหญิงชราเต็มไปด้วยความโกรธ “แต่สิ่งที่พวกเขาถามก็คือ เมื่อไหร่พ่อของเจ้าจะตาย เมื่อไหร่จะได้จัดการเรื่องมรดกและเมื่อไหร่ถึงจะได้แบ่งปันที่ดินในส่วนของเจ้า! นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาถาม!”

“ช่างหน้าไม่อายกันจริงๆ!” เซียวซูเหม่ยแค่นเสียงเย็นชา

หญิงชราถอนหายใจยาวและกล่าวว่า “แต่ความจริงแล้ว ที่เรื่องเป็นแบบนี้ ก็โทษพวกเขาทั้งหมดไม่ได้หรอก ต้องโทษพ่อของเจ้าด้วย สมัยหนุ่มๆ เขาเป็นคนที่ห่วงหน้าตา แถมยังเป็นคนขี้เหนียว มีลูกกี่คนก็ไม่เคยเลี้ยงดูให้ดีพอ ตอนนี้ลูกชายคนที่สองกตัญญูกับเขาได้นั่นก็ถือว่าเป็นบุญของเขาแล้ว!”

“แม่อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย...” เซียวกั๋วชิ่งพูดเสียงเบา “เรื่องในอดีตพูดไปก็ไม่ได้อะไร ห่วงก็แต่ตอนนี้... เฮ้อ!”

เซียวซูเหม่ยขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แล้วตอนที่พวกเขามาที่นี่ นอกจากเรื่องที่ดินแล้วได้ถามอาการป่วยของพ่อบ้างหรือเปล่า?”

“ก็ถามนะ!” เซียวกั๋วชิ่งอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ก็ดูเป็นห่วงพ่ออยู่เหมือนกัน แต่หลักๆก็อยากให้พ่อเขียนพินัยกรรมเอาไว้ และที่ดินในส่วนของเธอ พวกเขาไม่อยากปล่อยทิ้งให้เสียเปล่า ก็อยากให้เอามาแบ่งกันเลย”

เซียวซูเหม่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องที่ดินเอาไว้ก่อนแล้วกัน แม่คะ พี่รอง ที่ฉันกลับมาครั้งนี้ ก็เพราะได้ยินเรื่องอาการป่วยของพ่อนี่แหละ ทั้งยังพาเสี่ยวเฟิงกลับมาด้วย... เสี่ยวเฟิงอาจมีวิธีรักษาอาการป่วยของพ่อ แม้ว่าเขาจะไม่กล้ารับประกันผล แต่จะให้เขาลองรักษาดูก่อนมั้ย?”

“เสี่ยวเฟิง? เจ้ากำลังพูดถึงหลานชายของฉัน เด็กน้อยเสี่ยวเฟิงคนนั้นน่ะหรือ?” หญิงชราถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วตอนนี้เสี่ยวเฟิงอยู่ที่ไหน หลานชายของฉันอยู่ไหน?”

เซียวซูเหม่ยพยักหน้า “ก็เจ้าเด็กเหลือขอที่เข้ามาพร้อมกับหนูเมื่อกี้นี้นั่นแหละค่ะเสี่ยวเฟิง”

จี้เฟิงที่ยืนอยู่ด้านนอกได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจ ทำไมเขากลายเป็นเด็กเหลือขอไปแล้วล่ะ?

หญิงชรารู้สึกยินดีมากและถามอย่างเร่งรีบว่า “แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? .... จริงสิ ในใจของเขาคงยังจะโกรธเคืองอยู่แน่ๆ ตอนนั้นตาเฒ่าทำเรื่องโหดร้ายกับเขาไว้มาก ไอ้พวกเด็กเวรคนอื่นๆก็เหมือนกัน มารังแกหลานข้าจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด! ซูเหม่ย! ไป! พยุงแม่ลุกขึ้นแล้วไปหาเสี่ยวเฟิงกันเถอะ!”

จี้เฟิงฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน ที่หญิงชราพูดแบบนั้นไม่ใช่เพราะได้ยินว่าฉันสามารถรักษาอาการป่วยของชายชราได้หรอกเหรอ? คงไม่ได้กระตือรือร้นเพราะเหตุผลนี้จริงๆหรอกใช่มั้ย?

แม้ลึกๆแล้วจี้เฟิงจะรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้มีไม่มากนัก แต่เขาก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี เขายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ด้านนอกใกล้กับประตูห้องตะวันตก บนศีรษะและไหล่ของเขาเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ มันทำให้ร่างของเขาดูอ้างว้างขึ้นเล็กน้อย

และตอนนี้เสียงของเซียวซูเหม่ยจากในห้องตะวันตกก็ดังขึ้น “แม่คะ แม่นั่งอยู่ที่นี่แหละ หนูจะให้เสี่ยวอิงไปตามเขามาเอง...”

“เสี่ยวอิง ไปตามเสี่ยวเฟิงที เจ้าเด็กเวรนี่ช่างไร้มารยาทจริงๆ!”

“ไม่ต้องตามแล้ว ผมมาแล้ว!” จี้เฟิงดับก้นบุหรี่และเดินเข้าไป ยังมีคนอื่นอยู่ในห้อง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะเข้าไปสูบบุหรี่ต่อข้างใน ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่คิดถึงคนอื่น แต่เขาก็ยอมให้แม่ต้องมาสูบบุหรี่มือสองไม่ได้!

เมื่อเห็นจี้เฟิงเดินเข้ามา สีหน้าของหญิงชราก็ดูตื่นเต้นมาก แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าสงบนิ่งของจี้เฟิง ความกระตือรือร้นของเธอค่อยๆลดลง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลานชายของเธอยังคงโกรธคนของตระกูลเซียวอยู่!

“เสี่ยวเฟิง รีบทักทายคุณยายเร็วเข้าสิ!” เซียวซูเหม่ยถลึงตาใส่ลูกชาย

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “สวัสดีครับผู้อาวุโส!”

“ผู้อาวุโสอะไร!” เซียวซูเหม่ยตวาดทันที “ทำไมถึงเรียกแบบนั้น รีบเรียกคุณยายเร็วเข้าสิ”

จี้เฟิงเพียงแค่ยิ้มและไม่พูด

เซียวซูเหม่ยชักสีหน้าทันทีและกำลังจะอ้าปากตำหนิลูกชาย แต่ก็ถูกหญิงชราห้ามไว้เสียก่อน “ซูเหม่ย ในเมื่อลูกไม่ยอมเรียก ก็อย่าไปบังคับเขาเลย ตอนนั้นพวกเจ้าสองแม่ลูกถูกกระทำเกินไป โดยเฉพาะตาแก่สมควรตายนั่น เขาทำมากเกินไปจริงๆ แล้วยังมีคนอื่นๆกับพี่ใหญ่ของเจ้าด้วย.. อนิจจา!”

พอพูดมาถึงตรงนี้ หญิงชราก็อดปาดน้ำตาไม่ได้

เซียวซูเหม่ยรีบปลอบใจแม่ของเธอ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาถลึงตาใส่ลูกชาย

‘ถลึงตาใส่ผมแล้วทำอย่างกับผมจะเรียกเป็นอย่างอื่นทันทีเลยอย่างนั้นแหละ’

จี้เฟิงบ่นอยู่ในใจและแสร้งทำเป็นไม่เห็นแววตาที่ไม่พอใจของแม่ เขาหรี่ตาลงและยืนพิงอยู่หน้าประตูราวกับว่าเขาหลับไปแล้ว ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มเยาะอยู่ในใจ

“ตลกหน่า หากใช้น้ำตาแค่ไม่กี่หยด คำพูดที่กระตือรือร้นแค่ไม่กี่คำ ก็สามารถลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ แบบนั้นโลกนี้ก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความโกรธแค้นและการเกลียดชังกันแล้ว!”

“ตอนนี้พวกคุณหลั่งน้ำตา ตอนนั้นฉันก็หลังน้ำตาเหมือนกัน ทั้งยังเป็นน้ำตาตกในด้วย!”

ในฐานะผู้สูงอายุ จี้เฟิงก็จะเคารพเขาในฐานะผู้ที่อาวุโสกว่าเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว จี้เฟิงไม่ได้คิดที่จะยอมรับผู้สูงอายุเหล่านี้มาเป็นญาติโกโหติกาเลย หลายปีมานี้เขาคุ้นเคยกับการไร้ญาติขาดมิตรจนเป็นเรื่องปกติแล้ว!

เมื่อเห็นท่าทางของลูกชาย เซียวซูเหม่ยก็ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ เธอรู้นิสัยของลูกชายดี หากเธอบีบบังคับเขาอีก ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะกล้าหันหลังเดินจากไป แล้วกลับเจียงโจวไปเลยก็ได้!

มันเหมือนกับวันนั้นเมื่อในอดีต เขาถูกด่าทอจนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จนสุดท้ายเขาก็วิ่งหนีออกไปคนเดียว ไปขุดผักป่ากินประทังความหิว.... เหตุการณ์เหล่านี้คล้ายคลึงกันมาก

จี้เฟิงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะจริงใจหรือแค่เสแสร้ง เขาเพียงแค่พูดเบาๆเข้าประเด็นสำคัญทันที “ฉันไปตรวจสอบดูสภาพร่างกายของผู้อาวุโสเฒ่าอย่างคร่าวๆแล้ว อาการหนักและยุ่งยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ดีขึ้นไม่ได้ อาจจะต้องใช้เวลาประมาณสิบถึงสิบห้าวัน ถ้าโชคดี เขาก็อาจจะดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์!”

“จริงเหรอ?!”

ทั้งสามคนถามออกมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ เซียวซูเหม่ยถามด้วยความร้อนรน “เสี่ยวเฟิง ลูกหมายความว่ายังไง? มันสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือเปล่า?”

“ไม่ได้!”

จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “ระบบการทำงานต่างๆภายในร่างกายของผู้อาวุโสนั้นลดลงมาก ผมทำได้แค่รักษาเขาเพื่อให้เขาเดินและเคลื่อนไหวได้เหมือนกับผู้ชายสูงอายุในวัยเดียวกัน แต่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายที่เสื่อมสมรรถภาพแล้วให้ดีดังเดิมหรือทำให้เขาไม่มีวันตายได้ และตัวผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากเช่นกัน!”

แต่ถึงอย่างนั้น ผลลัพธ์ที่จี้เฟิงกล่าวออกมา ก็ทำให้เซียวซูเหม่ยและคนอื่นๆพอใจมากแล้ว นี่ก็หมายความว่าชายชราไม่ต้องทรมานกับอาการเจ็บป่วยแล้วไม่ใช่หรือ?!

แม้ว่าเซียวกั๋วชิ่งและหญิงชราจะยังสงสัยอยู่บ้าง แต่ในเมื่อจี้เฟิงพูดแบบนี้ พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะพวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้จี้เฟิงยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาอยู่!

“เสี่ยวเฟิง เอาอย่างนี้ดีมั้ยลูก วันนี้ลูกก็เริ่มรักษาเลย แล้วค่อยกลับเข้าเมืองกันคืนนี้!” เซียวซูเหม่ยกล่าว

“ดีเหมือนกัน!” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย รักษาอาการป่วยของชายชราให้หายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็รีบกลับไป ดีกว่าต้องมาเห็นหน้าคนที่นี่ไปนานๆ!

แต่ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียง “ปัง!” ดังขึ้นที่ประตูใหญ่ตรงลานบ้าน เป็นเสียงเหมือนกับประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง จากนั้นก็มีเสียงผู้ชายที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้น “เซียวกั๋วชิ่ง ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้! มาดูลูกชายตัวดีของนาย แต่ถ้านายไม่มีเวลาจะสั่งสอน ฉันจะสั่งสอนให้เอง!”

ทุกคนตกใจและรีบออกไปทันที ฟังดูเหมือนจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของนายหญิง เสี่ยวอิงจึงเป็นคนแรกที่พุ่งตัวออกไป

“เกิดอะไรขึ้น?” เซียวซูเหม่ยขมวดคิ้วถาม

เซียวกั๋วชิ่งก็สงสัยเช่นกัน “เหมือนจะเป็นเสียงของเซี่ยวต้าซัน ไอ้บ้านั่น! เมื่อกี้มันมีปากเสียงกับฉันยังไม่พอ ตอนนี้ยังมาหาเรื่องฉันถึงที่บ้านอีก!”

เซียวกั๋วชิ่งรีบเดินออกไปด้วยความโมโห

“แม่ครับ ผมว่าเราไปที่ห้องหลักกันดีกว่า จะได้รีบๆรักษาผู้อาวุโส!”

เซียวซูเหม่ยกลับพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเฟิง ตอนนี้ดูเหมือนลุงรองของลูกจะมีปัญหา พวกเราออกไปดูกันก่อนเถอะ!”

จี้เฟิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ ไม่น่าจะมีอะไรหรอก!”

แต่ในใจของเขากลับคิดว่า “มีปัญหาแล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”

แม้ว่าในใจของเขาจะคิดเช่นนี้ แต่จี้เฟิงก็ยังคงเดินตามแม่ของเขาออกไป ในห้องตะวันตกเหลือเพียงหญิงชราคนเดียวเท่านั้น

ทันทีที่เดินออกไปถึงลานหน้าบ้าน พวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังจับเด็กหนุ่มอายุราวๆสิบหกสิบเจ็บปีไว้ในมือ พลางสบถด่าทอไม่หยุด “เซียวกั๋วชิ่ง ดูลูกชายตัวดีของนายสิ กล้าดียังไงมาขโมยของบ้านฉัน ถ้าไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนหนังสือ ก็หัดสั่งสอนให้ดีๆหน่อยสิ!”

...จบบทที่ 535~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด