บทที่ 49 พี่ชายไม่เชื่อฟัง
เขาเพิ่งจะเก็บขยะมา และร่างกายของเขาก็สกปรก อีกทั้งเพิ่งจะทะเลาะกับคนอื่น เธอคงจะไม่ชอบเขาอีกต่อไปแล้วอย่างแน่นอน
แต่เด็กคนนั้น...หรงซื่อใช้สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเชิ่งจื๋อเหยียนที่ยังคงดิ้นรนอย่างสุดกําลัง
เด็กผู้ชายคนนั้นดูดีจริงๆ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ดูดีมาก อีกทั้งเนื้อตัวก็สะอาดสะอ้าน จึงไม่จําเป็นต้องมาเก็บขยะเหมือนกับเขาอย่างแน่นอน แต่เด็กคนนั้นเยาะเย้ยและบอกว่าเขาไม่มีพ่อกับแม่ ถึงเขาจะมีก็ตามเถอะ
ดังนั้น เด็กผู้ชายคนนั้นจึงดีกว่าตัวเองมาก และเสี่ยวจิ่วคงจะเต็มใจที่จะเล่นกับเขาอย่างแน่นอน
“ปล่อยผมลงไป!” เมื่อเห็นซูจิ่วเข้าไปช่วยพยุงหรงซื่อขึ้นมา เชิ่งจื๋อเหยียนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ซึ่งเขารู้สึกเหมือนกับว่าของเล่นชิ้นโปรดของเขาถูกเด็กคนอื่นแย่งไป ดังนั้น เขาจึงพยายามดิ้นรนมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อรู้สึกถึงแรงต้านทานของหรงซื่อ ซูจิ่วก็คิดว่าความภาคภูมิใจในตัวเองของเขาได้รับบาดเจ็บอีกครั้งแล้วใช่ไหม?
มันยากสำหรับเด็กที่จะรู้สึกดีที่ตัวเองถูกหัวเราะเยาะแบบนั้น และในใจของเขาคงจะไม่มีความสุขแม้แต่น้อย
ซูจิ่วไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอแค่เอื้อมมือออกไปหาหรงซื่อที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
หรงซื่อไม่รู้ว่าเธอต้องการทําอะไร เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว แต่มือของซูจิ่วได้ตกลงบนเสื้อผ้าของเขา แล้วเธอก็ช่วยเขาปัดฝุ่นที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าออกอย่างนุ่มนวล
เชิ่งจื๋อเหยียนยังเป็นแค่เด็ก จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเชิ่งเทียนสื่อแม้แต่น้อย อีกทั้งตอนนี้เขายังถูกผู้เป็นอากอดเอาไว้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้ จึงทำให้ใบหน้าของเชิ่งจื๋อเหยียนแดงก่ำด้วยความโกรธ และเขาทำได้เพียงตะโกนออกไปเท่านั้น “น้องสาว เขาเป็นแค่ขอทานร่างกายก็สกปรกมาก เธอจะต้องอยู่ให้ห่างจากเขา และอย่าไปเข้าใกล้เขาแบบนั้น!”
หรงซื่อมองไปที่เชิ่งจื๋อเหยียนอีกครั้ง และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดุร้ายและโกรธเกรี้ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของเชิ่งจื๋อเหยียน ซูจิ่วก็มองไปที่เขาพร้อมกับพองแก้มจนป่องแล้วพูดว่า “พี่ชาย ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อฟังลุงเลย และนายจะไปทะเลาะกับคนอื่นแบบนี้ไม่ได้?”
เชิ่งเทียนสื่อจึงพูดขึ้นว่า “ได้ยินไหม? เสี่ยวจิ่วบอกว่าถ้าแกไม่เชื่อฟัง และไม่ยอมหยุด เธอก็จะไม่เล่นกับแกอีก”
เชิ่งจื๋อเหยียนกำหมัดจนแน่นและหยุดดิ้นรนทันที จากนั้น เขาก็จ้องไปที่หรงซื่ออย่างไม่เต็มใจและรู้สึกเสียใจมาก เพราะเขาต้องการเป็นฮีโร่ต่อหน้าซูจิ่ว และทําให้เธอรู้ว่าเขาคนนี้ต่อสู้เก่งแค่ไหน เธอจะได้มาเล่นกับเขามากขึ้น แต่สุดท้ายเธอกลับบอกว่าเขาไม่เชื่อฟัง…
และเมื่อเชิ่งจื๋อเหยียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งเสียใจและรู้สึกน้อยใจมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุด เขาก็เบ้ปากแล้วร้องไห้ออกมาพร้อมตะโกนด้วยความโกรธว่า “ไม่เล่นก็ไม่ต้องเล่นสิ ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว!”
มุมปากของซูจิ่วกระตุกทันที เจ้าเด็กคนนี้สมแล้วที่เป็นเด็กน้อยจริงๆ และเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
เชิ่งเทียนสื่อก้มหน้าลงและมองไปที่เป็นหลานชายตัวเองและพูดว่า “มันสมเหตุสมผลแล้วเหรอที่แกไปทะเลาะกับคนอื่น? แถมยังมายืนร้องไห้แบบนี้อีก และที่สำคัญแกเป็นเด็กผู้ชายแต่กลับมาร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิงแบบนี้ ไม่ขายหน้าบ้างเลยหรือไง?”
ดวงตาของเชิ่งจื๋อเหยียนแดงก่ำและมีน้ำตาไหลพราก แต่พอได้ยินคําพูดนั้นของผู้เป็นอา เขาก็รีบสูดจมูกขึ้นทันที และบังคับเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
ถึงเขาจะบอกว่าจะไม่เล่นกับซูจิ่ว แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ตัวเองต้องอับอายต่อหน้าเธอ และตอนนี้เขาก็รู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อยที่ตัวเองพูดประโยคนั้นออกไป แล้วหลังจากนี้น้องสาวจะเกลียดเขาไหม? และจะไม่เล่นกับเขาจริงๆ งั้นเหรอ?
เมื่อคิดได้แบบนี้ เชิ่งจื๋อเหยียนก็รู้สึกเสียใจยิ่งกว่าเดิม และเขาก็ยังยืนสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น แต่หางตากลับแอบมองไปที่ซูจิ่ว
เธอยังคงยืนอยู่กับเจ้าขอทานคนนั้น และเขารู้สึกไม่ชอบมันมาก!
เมื่อเห็นสายตาที่ขุ่นเคืองของเขา ซูจิ่วก็รู้สึกว่าจําเป็นต้องปลอบใจสิงโตตัวน้อยสักหน่อย
ซูจิ่วจึงเดินเข้าไปหาเชิ่งจื๋อเหยียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พี่ชาย อย่าโกรธไปเลย ถ้านายยังฟังอาของตัวเอง ก็แสดงว่านายยังเป็นเด็กดีอยู่นะ”
“ฮึ!!” เชิ่งจื๋อเหยียนเบือนหน้าหนีอย่างหยิ่งยโส “ฉันไม่ต้องการที่จะเป็นเด็กดี!”
ในการจัดการกับลูกหมี คุณต้องเข้าใจความคิดภายในใจของพวกเขาก่อน จากนั้น คุณค่อยสั่งยาให้กับตรงกับอาการ และซูจิ่วก็รู้ว่าเขากําลังจะพูดอะไรบางอย่างที่ขัดกับหัวใจของตัวเองออกมา ดังนั้น เธอจึงทำตามคำพูดของเขาทันที “ถ้าอย่างนั้นพี่ชาย...นายจะหายโกรธเสี่ยวจิ่วไหม? ถ้าเสี่ยวจิ่วจะบอกนายว่าขอโทษ?”
เชิ่งจื๋อเหยียน "..."
เมื่อคำพูดนั้นจบลง เขาก็รีบหันกลับมาทันที และเขาก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่มองมาที่เขาด้วยดวงตาสีแดง ราวกับว่าเธอกําลังจะร้องไห้ และทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่า ตัวเองแย่มากๆ