บทที่ 47 สัตว์ร้ายตัวน้อยที่โกรธแค้น
เชิ่งเทียนสื่อเดินตามหลังเชิงจื๋อเหยียนมาติดๆ จากนั้น เขาก็ยกมือขึ้นเคาะศีรษะหลานชายตัวน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ ทําไมแกต้องตะโกนเสียงดังขนาดนี้? แล้วถ้าหากน้องสาวยังไม่ตื่น เธอจะไม่ตกใจเสียงของแกหรือยังไง?”
เชิ่งจื๋อเหยียนรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ใช่แล้ว…ทำไมเรื่องแค่นี้เขาถึงคิดไม่ได้?
เขาจึงรีบพูดกับซูจิ่วว่า “น้องสาวฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรพี่ชาย”
เชิ่งจื๋อเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ จากนั้น เขาก็ยื่นกล่องข้าวสองชั้นให้กับเธอ ซึ่งด้านในเป็นขนมหวานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเค้กออสมันตัส และเค้กวอลนัทที่มีรูปร่างสวยงาม “น้องสาวดูสิ วันนี้ฉันนําขนมมาให้เธอด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือของพ่อครัวที่บ้านฉันเอง ที่สำคัญขนมที่เขาทํานั้นอร่อยมากเลยนะ”
“ขอบคุณพี่ชาย” ซูจิ่วยิ้ม และเธอดูมีความสุขมาก
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของน้องสาว เชิ่งจื๋อเหยียนก็รู้สึกพอใจมาก ส่วนเชิ่งเทียนสื่อก็ไม่ลืมที่จะแสดงความความโปรดปราณต่อหน้าซูจิ่ว โดยการลูบผมของผู้เป็นหลานชายอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก “โอ้ ไม่ใช่ว่าอาเตือนแกแล้วหรอกเหรอ?”
## เรื่องใหม่มาแล้ว รับรองสนุกไม่แพ้ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ
เชิ่งจื๋อเหยียนเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นอา เขาก็รีบพูดออกมาอย่างเป็นกังวลว่า “ไม่ใช่นะ! ผมแค่อยากเอาขนมมาให้น้องสาวเท่านั้น!”
“......” เชิ่งเทียนสื่อมุมปากกระตุกขึ้นมาทันที ซึ่งเขาไม่ต้องการที่จะเถียงกับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าปีศาจตัวน้อยที่ไม่มีเหตุผลคนนี้ เขาจึงทำได้เพียงพูดอย่างหมดหนทางว่า “สรุปแล้วนี่เป็นความคิดของแกใช่ไหม?”
“พี่ชาย วันนี้นายให้ขนมฉันมาตั้งเยอะ ดังนั้น ฉันก็จะให้ของขวัญนายเหมือนกัน”
ซูจิ่วเห็นว่าเชิ่งจื๋อเหยียนอยากจะได้รับความโปรดปราณจากเธอ ดังนั้น เธอจึงกระโดดลงจากเตียง แล้วหยิบตุ๊กตาหมีขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากในลิ้นชัก และยื่นมันให้กับเขาพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “พี่ชาย นี่เป็นของเล่นที่ป๊ะป๋าซื้อให้ฉัน และฉันก็ชอบมันมากที่สุด แต่ตอนนี้ฉันยกให้นาย”
“......!!” เชิ่งจื๋อเหยียนตกใจมาก
จ๊ากกกก!!! น้องสาวทําไมถึงดีขนาดนี้! เขาแค่นำขนมมาให้เธอเท่านั้น แต่เธอกลับมอบของเล่นชิ้นโปรดของตัวเองให้กับเขา!
เขารู้สึกยินดี และมีความสุขมาก
ทั้งสองมารับซูจิ่วแล้ว ส่วนซูเชิ่งจิ่งก็จะได้ไปทํางานอย่างสบายใจ แต่ก่อนที่จะไปทำงาน เขาก้มตัวลงมาแล้วพูดกับเชิ่งจื๋อเหยียนว่า “นายเป็นพี่ชาย และจะดูแลน้องสาวใช่ไหม?”
เชิ่งจื๋อเหยียนพยักหน้าอย่างหยิ่งผยอง “แน่นอน!”
“โอเค ฉันจะฝากเสี่ยวจิ่วให้นายดูแล”
“ไม่มีปัญหา!”
เมื่อซูเชิ่งจิ่งออกไปแล้ว ซูจิ่วก็เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเชิ่งเทียนสื่อ และเงยใบหน้าเล็กๆ ของเธอขึ้นแล้วพูดกับเขาว่า “ลุงสุดหล่อ เมื่อวานป๊ะป๋าบอกหนูว่าเขาได้งานขนอิฐ พวกเราแอบตามไปดูป๊ะป๋าเงียบๆ ได้ไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เชิ่งเทียนสื่อก็ตกใจทันที “หืม? อ่า…ขนอิฐงั้นเหรอ?”
“ลุง เราจะตามป๊ะป๋าไปไหม?” ซูจิ่วอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
เชิ่งเทียนสื่อประนีประนอม และตอบตกลงทันที “ได้ ลุงจะพาหนูไป!”
เขาอุ้มซูจิ่วลงบันไดไปโดยมีเด็กชายตัวน้อยเดินตามอยู่ด้านหลัง และเมื่อทั้งสามลงมาถึงชั้นล่าง เชิ่งจื๋อเหยียนก็วิ่งออกไปที่ทางเดินก่อนเป็นคนแรก ซึ่งด้านข้างมีถังขยะสกปรกวางอยู่หลายใบ และเขาก็เห็นเด็กชายตัวเล็กๆ ที่กำลังลากถุงหนังงูและพยายามค้นหาบางอย่างในถังขยะ เชิ่งจื๋อเหยียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าขอทานน้อยนี่มาจากไหนน่ะ เหม็นจะตายอยู่แล้ว!”
ขอทานน้อย?
ซูจิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าขอทานน้อยที่ว่านั่น จะเป็นวายร้ายตัวน้อยใช่ไหม?
และเมื่อเชิ่งเทียนสื่ออุ้มเธอออกมา เธอก็เห็นว่าเป็นหรงซื่อจริงๆ
วายร้ายตัวน้อยที่น่าสงสารคนนั้น เมื่อได้ยินเชิ่งจื๋อเหยียนเรียกเขาว่า 'ขอทาน' ดวงตาสีดําขลับคู่นั้นก็พลันเห็นคนตรงหน้ากลายเป็นศัตรูทันที เขาจ้องเขม็งไปที่เชิ่งจื๋อเหยียนอย่างโกรธจัด ราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่โกรธแค้น
เชิ่งจื๋อเหยียนคนนี้ได้ถูกยกย่องและถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยมีใครกล้าถลึงตาใส่เขาแบบนี้มาก่อน เขาจึงพูดอย่างโมโหว่า “มองฉันทำไม? ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ฉันจะตีแก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายที่มีอายุเพียง 5 ขวบ เชิ่งเทียนสื่อก็ตบเบาๆ ไปที่ศีรษะของเชิ่งจื๋อเหยียนทันที “แกจะตีใครเหรอ? อาก็จะตีแกเหมือนกัน!”
ในตอนนั้นเอง หรงซื่อก็เห็นซูจิ่วอยู่ในอ้อมแขนของเชิ่งเทียนสื่อ และเขาก็เหลือบมองไปที่เชิ่งจื๋อเหยียนอีกครั้ง ซึ่งเขารู้สึกได้ว่าพวกเขาทั้งสองรู้จักกันดี และจู่ๆ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง