WS บทที่ 335 นักเวทย์ลำดับที่เจ็ด
"ไม่ดีแล้ว!"
เมอร์ลินถอยทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ด้วยการเคลื่อนไหวที่ว่องไวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของคุณสมบัติทางกายภาพของเขา มันเหนือกว่านักเวทย์ทั่วไปมาก เขาจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขากระโดดก้าวถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเขากับชายร่างสูงผอมบางในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ในขณะที่เขากำลังกระโดดถอยหลัง เมอร์ลินได้ร่ายสายลมแสงวาบในชั่วพริบตา ความเร็วของเมอร์ลินก็เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง
“ตาข่ายไร้ตะเข็บ จงผูกมัด!”
ชายร่างสูงผอมบางในฝูงชนไม่ได้กังวลว่าเมอร์ลินจะเร็วแค่ไหน ในทันทีที่เขายกมือขึ้นเบา ๆ กระแสของพลังงานธาตุลมก็บรรจบกันอย่างรวดเร็ว
*ฮู… ฮู… ฮู…*
ลมกระโชกแรงก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นอย่างรวดเร็ว เมอร์ลินกำลังหนีถอยหลังแต่เขาต้องหยุดทันที ถ้าเขาถอยหลังกลับไปอีกสักนิดแล้วไปแตะตาข่ายลม ร่างของเขาจะต้องแหลกเป็นชิ้น ๆ
นี่คือคาถาธาตุลมระดับหก มันมีพลังการดักจับสูงมาก หากโดนเข้าไปก็ยากที่จะหลุดออกมา ดังนั้นไม่ว่าเมอร์ลินจะเร็วแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญ!
“วังวนแห่งความมืด จงกลืนกิน!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และรู้ว่าตอนนี้เขาหนีไม่พ้น ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอและเหยียดนิ้วออก ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องประกาย กระแสน้ำวนสีดำสนิทเปิดออกมาเหมือนปากที่ใหญ่
*ครืน ครืน ครืน*
แรงดึงดูดที่น่าเกรงขามเติบโตขึ้นในวังวนแห่งความมืดโดยพยายามดูดพลังจิตของชายร่างสูงที่ผอมบางออกไปพร้อมกับสร้างผลลวงตาที่ทรงพลัง
ร่างของชายร่างสูงผอมไม่สามารถทำอะไรเลยนอกจากหยุดนิ่งชั่วคราว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ความผันผวนของพลังจิตก็ระเบิดออกมาจากเขาอย่างรุนแรง
*บูม!*
ความผันผวนของพลังจิตนี้เหมือนกับคลื่นสึนามิที่ขยายตัวขึ้นอย่างรุนแรง มันทรงพลังมากจนแม้แต่วังวนแห่งความมืดของเมอร์ลินพ่ายแพ้ในพริบตา
พลังจิตนี้แข็งแกร่งเกินไปจนแม้แต่คาถาธาตุมืดอย่างวังวนแห่งความมืดก็ไม่สามารถต้านทานได้ ท้ายที่สุด มันเป็นเพียงคาถาลวงตา หากมีพลังจิตมากพอก็สามารถกำจัดมันได้อย่างรวดเร็ว
"พลังจิตทรงพลังอะไรอย่างนี้ ฉันแน่ใจว่ามันอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเจ็ด! แกเป็นใครกันแน่!”
เมอร์ลินตัวสั่นอยู่ลึก ๆ ตัวเขาใช้คาถาธาตุมืดในการจัดการศัตรูมากมายมาโดยตลอดและแทบไม่มีใครสามารถต้านทานพวกมันได้ แม้แต่พ่อมดผู้ทรงพลังอย่างโอเดนก็เคยหวาดกลัวกับคาถาธาตุมืดของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับนักเวทย์ลึกลับคนนี้ วังวนแห่งความมืดไม่มีประโยชน์เลย มันถูกกำจัดอย่างง่ายดาย
พ่อมดลึกลับเงยหน้าขึ้นมองเมอร์ลินและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันคือพ่อมดลำดับที่เจ็ด เอลส์!”
“คนขององค์ชายสี่!”
อันที่จริงแล้ว เมอร์ลินพอจะคาดการณ์ได้แล้ว โดยอิงจากการที่นักเวทย์ทรงพลังดังกล่าวปรากฏตัวในเมืองอิมพีเรียล นอกจากนี้ เมอร์ลินเพิ่งมาถึงเมืองอิมพีเรียล นอกเหนือจากการเผชิญหน้ากับพ่อมดลำดับที่เก้าที่องค์ชายสี่ส่งมาให้ฆ่าผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ เมอร์ลินก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับใครในเมืองอิมพีเรียล ดังนั้น มันจึงเป็นได้แค่องค์ชายสี่ เขาแค่รอการยืนยันจากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
พ่อมดทั้งเก้าภายใต้องค์ชายสี่ต่างก็มีพลังที่โดดเด่น คนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาคือพ่อมดโอเดนลำดับที่เก้า ส่วนตอนนี้เมอร์ลินกำลังรับมือพ่อมดเอลส์ที่อยู่ลำดับที่เจ็ด ด้วยอันดับที่สูงกว่าโอเดน เอลส์ก็แข็งแกร่งกว่าโอเดนอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินยังคงสามารถบอกได้ว่าพ่อมดเอลส์เป็นเพียงนักเวทย์ระดับหกเท่านั้น เขามีเพียงพลังจิตของเขาเท่านั้นที่แข็งแกร่งจนถึงจุดสูงสุดของระดับเจ็ด คาถาธาตุมืดของเขาไม่สามารถทำอะไรเอลส์เลย
พ่อมดเอลส์ก้าวไปทีละก้าว เดินไปหาเมอร์ลินอย่างสบาย ๆ ความเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นรอบตัวเขาและพื้นดินก็พังทลายลงทุกย่างก้าวที่เขาเดิน จากนั้นเกิดผลึกน้ำแข็งหนาขึ้น
“คาถาธาตุมืดที่แข็งแกร่งที่สุดของแกทำอะไรฉันไม่ได้ งั้นก็จงเตรียมตัวตายซะ!”
เอลส์ส่ายหัวเล็กน้อย หลังจากนั้นนัยน์ตาก็ฉายแววดุร้าย ด้วยแรงกดจากมือทั้งสองข้าง อุณหภูมิโดยรอบก็ดูเหมือนจะลดต่ำลงถึงขีดสุด ชั้นของผลึกน้ำแข็งปรากฏขึ้นกลางอากาศและน้ำค้างแข็งก็พุ่งเข้าหาเมอร์ลินอย่างรวดเร็ว
น้ำค้างแข็งของผลึกน้ำแข็งเหล่านี้มีพลังอันทรงพลังและเป็นคาถาระดับหก เมอร์ลินไม่กล้าใช้ม่านธรณีเพื่อป้องกันมัน แม้เขาจะมีพลังปีศาจแพนโดร่าผสานผืนพิภพ มันก็เทียบเท่าคาถาป้องกันระดับห้าเท่านั้นและไม่สามารถป้องกันคาถาระดับหกได้
ดังนั้น เมอร์ลินจึงทำได้เพียงหลบมันเท่านั้น
“สายลมแสงวาบ!”
ร่างของเมอร์ลินเคลื่อนไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนในพื้นที่แคบ สายลมแสงวาบมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมเช่นกันและมันง่ายที่จะหลบเลี่ยงคาถาของพ่อมดเอลส์
“เฮอะ!! ตาข่ายไร้รอยต่อ จงกักขัง! มาดูกันว่าตอนนี้แกจะหลบไปที่ไหนได้อีก!”
พ่อมดเอลส์เห็นว่าเมอร์ลินกำลังหลบเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่ตื่นตระหนก เขาใช้งานคาถาธาตุลมของเขา ให้ระยะของมันแคบลงเรื่อย ๆ ทำให้มีที่ว่างให้เมอร์ลินหลบน้อยลง
เมื่อคาถาควบคุมธาตุลมได้หดตัวลง ควบคู่ไปกับการโจมตีด้วยคาถาอื่น ๆ ของพ่อมดเอลส์ เมอร์ลินก็ไม่มีทางหลบอีก แม้ว่าสายลมแสงวาบจะเร็วแค่ไหนก็ตาม
“ตายซะ ฮ่า ๆ!”
ดวงตาของพ่อมดเอลส์เบิกกว้างและจ้องเขม็ง เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดจาง ๆ ตอนนี้เขากำลังควบคุมคาถาหลายอย่างพร้อม ๆ คาถาธาตุลมที่ล้อมรอบเมอร์ลินเริ่มหดตัวด้วยความเร็วที่มากขึ้น ในชั่วพริบตา เมอร์ลินก็ติดอยู่ในพื้นที่แคบ
สถานการณ์ของเมอร์ลินกลายเป็นความหายนะที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว!
"ฮึ! เอลส์ ถ้าคิดว่าแค่นี้จะฆ่าฉันได้ล่ะก็ แสดงว่าแกประเมินฉันต่ำไป!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตัดสินใจในทันที เขาไม่มีทางหนีได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ทุกอย่างที่เขามีในการต่อสู้ครั้งนี้เท่านั้น เขายังคงมีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ถ้าเขาทำสำเร็จ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำร้ายหรือฆ่าพ่อมดเอลส์ได้!
"ตายซะ!"
เมอร์ลินพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนูที่ยิงจากธนู เขาพุ่งเข้าหาเอลส์ในพริบตาด้วยพลังกายที่น่าอัศจรรย์
อย่างไรก็ตาม เอลส์ไม่กังวลเพราะเขารู้ว่าเมอร์ลินกำลังต่อสู้กันจนตาย ถึงกระนั้น เขามีคาถาป้องกันระดับหก เขาร่ายมันขึ้นมาทันที มันจะปกป้องเขาอย่างปลอดภัย เขาไม่คิดว่าเมอร์ลินจะสามารถฝ่าการป้องกันของคาถาระดับหกได้
หลังจากร่ายเวทย์ธาตุดินเสร็จ เอลส์ก็ยกมือไปทางเมอร์ลินที่เข้ามา อากาศเย็นยะเยือกพุ่งออกมา นี่เป็นคาถาระดับหกเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เมอร์ลินกลายเป็นผลึกน้ำแข็งทันที
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้หลบเลี่ยงในครั้งนี้แต่ได้ประจันหน้ากับความหนาวเย็นโดยตรง
“ดีมาก แกมาหาที่ตายถึงที่!”
เอลส์เห็นว่าเมอร์ลินยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ระวังและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความยินดี
“หลอมเปลวเพลิง จงเผามันซะ!”
เมอร์ลินยื่นมือทั้งสองข้างออก เปลวไฟสีขาวขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นในมือของเขาด้วยความเร็วสูง
"ไป!"
เมอร์ลินผลักไปข้างหน้าเล็กน้อยขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างแรง เปลวไฟสองสามลูกพุ่งขึ้นไปในอากาศที่เย็นยะเยือกอย่างรวดเร็ว
*ฟู่! ฟู่! ฟู่!*
ในสภาวะปกติ เมื่อเปลวไฟสัมผัสกับอากาศที่เย็นจัด ผลึกน้ำแข็งควรเปลี่ยนเป็นน้ำและดับไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากนี่เป็นคาถาระดับหกของพ่อมดเอลส์
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เปลวเพลิงของเมอร์ลินจะไม่ดับเท่านั้นแต่พวกมันกลับพองตัวขึ้นและเริ่มเผาอากาศโดยรอบ ลูกเพลิงสองสามลูกรวมกันอย่างรวดเร็ว และความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นสองสามเท่าขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหาเอลส์
พ่อมดเอลส์หรี่ตาลงเล็กน้อย ทันทีที่ลูกเพลิงสีขาวปรากฏขึ้น เขาก็ระวังตัวทันที เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากมัน
พลังจิตของพ่อมดเอลส์มาถึงจุดสูงสุดของระดับเจ็ดแล้ว พลังจิตเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้และนอกเหนือจากการสร้างโครงสร้างคาถาและการร่ายคาถาให้มีเสถียรภาพ มันยังมีหน้าที่มหัศจรรย์ หนึ่งในนั้นคือการประเมินระดับของอันตราย ด้วยสิ่งนี้ พ่อมดเอลส์จึงรับรู้ว่าลูกเพลิงเหล่านี้ไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงอันตราย พ่อมดเอลส์ก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้เพราะลูกเพลิงนั้นเร็วเกินไป นอกจากนี้ เมอร์ลินยังอยู่ใกล้เขามากเกินไป เปลวไฟพุ่งเข้าหาเขาในชั่วพริบตาชนกับคาถาป้องกันบนผิวกายของเขาอย่างหนักหน่วง
พ่อมดเอลส์ตอนนี้ดีใจที่เขาร่ายป้องกันก่อนหน้านี้ มิฉะนั้น เขาคงจะหลงกลอุบายของเมอร์ลิน
“เมอร์ลิน แกทำได้แค่นี้เองเหรอ? มันก็แค่…”
ก่อนที่พ่อมดเอลส์จะพูดจบ เขาสังเกตเห็นบางอย่าง เขาพบว่าคาถาป้องกันที่ปกคลุมตัวเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้น เปลวไฟลูกเล็ก ๆ ก็ระเบิดออกอย่างกระทันหันด้วยความพลังที่หาที่เปรียบมิได้ เปลวเพลิงลามไปทั่วพื้นผิวและเปลี่ยนเป็นไฟที่ลุกลามและรุนแรงอย่างรวดเร็ว เปลวไฟสีขาวเริ่มกลืนกินเขาไปทั้งร่าง
*บูม!*
ทันใดนั้น ร่างของเอลส์ก็จมอยู่ในเปลวเพลิงสีขาว…
“อ๊าก...”
สายลมพัดผ่านไป เปลวเพลิงสีขาวค่อย ๆ ดับลง ใบหน้าของเมอร์ลินซีดเล็กน้อยและมีเลือดไหลออกมา ก่อนหน้านี้เขาได้พบกับสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด ถ้าเอลส์ไม่ประมาท มันก็คงยากที่จะบอกได้ว่าใครจะตายในที่สุด
“พลังของฉันยังไม่เพียงพอ!”
เมอร์ลินบ่นเบา ๆ ตอนแรกเขาคิดว่าการสร้างคาถาระดับสามอย่างหลอมเปลวเพลิง ก็เพียงพอแล้ว เพราะเขายังมีวังวนแห่งความมืดที่หลอมรวมกับดวงใจแห่งความมืด เขาจึงคิดว่าพลังของเขาในตอนนี้ถือว่าค่อนข้างน่าเกรงขาม
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของเอลส์ได้เตือนเมอร์ลิน หากคู่ต่อสู้ของเขามีพลังจิตที่แข็งแกร่งและไม่กลัวเวทมนตร์ธาตุมืดของเขา เขาอาจจะพ่ายแพ้และตายในที่สุด
แม้ว่าเขาจะมีพลังโจมตีที้เทียบเท่าคาถาระดับหกแต่หากเขาถูกโจมตีจากคาถาระดับหก เขาก็ไม่อาจต้านทานมันได้
อย่างดีที่สุด เขาทำได้แค่พึ่งพาสายลมแสงวาบและหลบตลอดเวลาเท่านั้น แต่ถ้าเขาเจอคาถาควบคุม สายลมแสงวาบของเขาจะไม่มีประโยชน์เช่นกัน
เขาสามารถฆ่าเอลส์ได้เพราะอีกฝ่ายประมาทเท่านั้น
นอกจากนี้ เอลส์ยังเป็นเพียงแค่พ่อมดลำดับที่เจ็ดเท่านั้น เหนือเขาขึ้นไปยังมีนักเวทย์อีกหกคนที่มีพลังมากกว่า คราวนี้เขาใช้ประโยชน์จากความประมาทของเอลส์ ครั้งต่อไปเขาคงไม่โชคดีแบบนี้
“ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องสร้างคาถาธาตุดินให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น มันอาจจะจบไม่สวยอย่างนี้ก็ได้!”
เมอร์ลินเหลือบมองไปยังพื้นดินที่พ่อมดเอลส์ถูกไฟเผา เหลือเพียงแหวน เมอร์ลินคว้าแหวนและเก็บไว้ทันที
“นั่นใครน่ะ บังอาจร่ายคาถาในเมืองอิมพีเรียล?”
เนื่องจากที่นี่เป็นศูนย์กลางของเมือง องครักษ์พิทักษ์กฎหมายจึงรีบเร่งเข้ามา แม้ว่าองครักษ์พิทักษ์กฎหมายเหล่านี้จะประกอบด้วยนักดาบธาตุแต่ไม่มีนักเวทย์กล้าดูหมิ่นทหารยามเหล่านี้
นี่เป็นเพราะว่าองครักษ์พิทักษ์กฎหมายหมายเหล่านี้เป็นตัวแทนของราชวงศ์แบล็กมูนทั้งหมด!