HO บทที่ 214 ออกไปพบคนอื่น ๆ PART 2
เมื่อมองดูแผนที่โปร่งใสที่อยู่ข้างหน้า ซื่อซวนก็สามารถเห็นได้ว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหน แต่ถ้าเขาต้องการพาเมลติ้งสโนว์ไปที่จุดนัดพบของเขาก่อนมืด เขาจะต้องรีบไปเร็วกว่านี้ ด้วยความคิดนั้น ชายผมดำจึงกดปุ่มสีเขียวที่อยู่เหนือคันเร่ง
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มทำให้ฝูงชนของผู้เล่นและ NPC ที่เดินไปตามถนนหยุดมองครู่หนึ่ง ก่อนที่มอเตอร์ไซค์จะหายไป มอเตอร์ไซค์พุ่งไปข้างหน้า มันพุ่งไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่า ถ้านี่คือชีวิตจริง ซื่อซวนรู้ว่าเขาจะถูกตำรวจจับแน่นอน
เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องตื่นเต้นเร้าใจจากจากข้างหลัง ซื่อซวนจึงยิ้มเบา ๆ นี่เป็นอุปกรณ์ขนส่งตัวโปรดของเขามาโดยตลอด ถ้าเพียงเพราะเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบและไม่มีอุปกรณ์ขนส่งอื่นใดในโลกของฮาเว่นที่สามารถเข้าโค้งแคบ ๆ แบบนี้ได้ สิ่งนี้จะทำให้ไม่มีอะไรเข้าใกล้เมื่อมันเคลื่อนไหว เขาพนันว่าถ้าเขาประมูลมันออกไป มันจะขายได้หนึ่งพันเหรียญทอง
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยทำ เขาจะไม่มีวันขายลูกรักของเขาเพื่ออะไร ขณะที่เขากำลังตรวจสอบแผนที่เพื่อดูว่าพวกเขาต้องไปถึงจุดหมายไกลแค่ไหน เขาก็รู้สึกว่าแขนของเมลติ้งสโนว์คลายจากรอบเอวของเขา
ซื่อซวนละสายตาจากถนน เขาเหลือบมองที่กระจกข้างของเขาอย่างรวดเร็ว เพียงเห็นเมลติ้งสโนว์หลับตา เอนหลัง แขนของเขากางออกกว้าง
ด้วยความรวดเร็วราวกับสิงโตที่คว้าเหยื่อของมัน เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งไปข้างหลังและคว้าเมลติ้งสโนว์เข้ามาใกล้เขา ขณะที่ตะโกนอย่างดุดันว่า “นี่เมลติ้งสโนว์ทำอะไรน่ะ! ถ้าเธอตกรถล่ะก็ ด้วยความเร็วขนาดนี้ เธอจะตายทันที!”
“ขอโทษนะพี่โซล เมื่อกี้ผมเหม่อไปหน่อย” เด็กชายหูมีขนยาวกล่าวขอโทษ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าการกระทำของเขาเป็นอันตรายเพียงใด เขาไม่รู้ว่าผู้เล่นอาจเสียชีวิตจากการตกจากอุปกรณ์ขนส่ง “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
“มันอันตรายมากนะ อย่าทำแบบนี้อีก ตอนนี้จับให้แน่นเราเกือบจะถึงที่หมายแล้ว” ซื่อซวนกล่าวโดยหันกลับมาให้ความสนใจบนถนนอย่างเต็มที่
เมื่อเขารู้สึกว่าเด็กชายโอบแขนของเขาไว้รอบเอวอย่างแน่นหนา เขาเร่งเครื่องยนต์อีกครั้ง เขาดีใจที่มีแผนที่ของเขาเพราะโลกรอบตัวเขาพร่ามัวไปหมด
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนเส้นทางสุดท้ายแล้ว เวทีอยู่ข้างหน้า เมื่อกดปุ่มสีเขียวอีกครั้ง เขาลดความเร็วของจักรยานยนต์ลงเพื่อไม่ให้เลยจากจุดนัดพบ
เมื่อเห็นเวที ซื่อซวนสามารถมองเห็นคนสองคนนั่งอยู่บนม้านั่งข้างหน้า แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครแต่เขาสามารถเดาได้ว่าพวกเขาคือเพื่อนของเมลติ้งสโนว์
ดังนั้นเขาจึงขับตรงไหที่นั่น เขาก็เปลี่ยนเกียร์ของมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็วทำให้ชอปเปอร์ตัวใหญ่ส่งเสียงแหลมเพื่อหยุดอย่างรวดเร็วและจอดรถมอเตอร์ไซค์สีแดงดำไว้ข้างหน้าพวกเขา
...
เว่ยกำลังกำลังคุยกับวอนเดอร์ริ่งซาวด์เกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการไปยังจุดหมายแรกของพวกเขา นั่นคือเมืองดิวเบอรี่ แต่ทันมดนั้นเอง เธอตกใจเพราะจักรยานยนต์สีดำและสีแดงแวววาวซึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าเธอ
ในตอนแรก เธอคิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจเป็นหนึ่งใน NPC พิเศษที่ท่องไปทั่วโลกเพียงเพื่อเปิดเผยตัวเองเป็นครั้งคราวเพื่อให้ทำภารกิจ อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักว่ามันไม่ใช่เพราะเธอเห็นเมลติ้งสโนว์ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังชายร่างกำยำที่เธอคิดว่าเป็น NPC
“เฮ้ พี่ ๆ ผมมาถึงแล้ว” เมลติ้งสโนว์โบกมือให้พวกเขาอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาก็ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ “มัวยืนทำอะไรอยู่ นี่ลูกพี่ลูกน้องของผมเอง”
'เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหนูหิมะงั้นเหรอ? เขาหล่อกว่าที่ฉันคิดไว้มาก' เว่ยรู้สึกทึ่งขณะที่เธอพร้อมกับวอนเดอร์ริ่งซาวด์เดินไปหาพวกเขา
โชคดีที่วอนเดอร์ริ่งซาวด์ไม่สามารถอ่านความคิดของเว่ยได้ในขณะนี้ ถ้าเขาทำได้ เขาจะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาอาจจะเป็นนิยามของคำว่า ‘ความหล่อ’
ตั้งแต่ผมสีดำหยิกของเขาซึ่งดูเปล่งประกายในแสงไฟ กรามสลักที่ดูเหมือนแข็งพอที่จะทำลายเพชร มัดกล้ามที่หน้าอกเป็นมันแวววาวกึ่งเผยออกมา ไปจนถึงขายาวแข็งแรงของเขาที่รัดกับกางเกงยีนส์หนังสีดำ
แม้ว่าเขาจะอิจฉารูปร่างหน้าตาของชายผู้นี้อยู่เล็กน้อย แต่เขาก็รู้ด้วยว่าผู้เล่นสามารถทำให้อวาตาร์ของพวกเขาดูได้ตามต้องการ ถึงแม้จะรู้อย่างนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่านอกจากการปรับแต่งเล็กน้อยของอวาตาร์แล้ว ต้นแบบยังคงเป็นตัวเขาที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกด้วย
...
เมื่อลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ซื่อซวนมองดูผู้หญิงเอลฟ์และมนุษย์เงือกชายเดินเข้ามาหาเขา พวกเขาดูค่อนข้างแตกต่างไปจากที่เขาคาดไว้
เนื่องจาก ลูกพี่ลูกน้องของเขาพูดถึงเพื่อนของเขาไม่ค่อยได้พูดถึงพวกเขาสองคนนี้เลย ส่วนใหญ่เด็กหนุ่มพูดถึงเพื่อนอีกคนที่เป็นดรายแอด
“นี่พี่โรมมิ่งวินด์กับพี่วอนเดอร์ริ่งซาวด์” เมลติ้งสโนว์กล่าวเมื่อเขาเห็นว่าเพื่อนของเขาอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่ก้าว “ส่วน ลูกพี่ลูกน้องของฉัน โซล”
ซื่อซวนยื่นมือออกไปหาสาวเอลฟ์ "จริง ๆ แล้วชื่อของฉันเต็มชื่อว่า เนเซิ่นต์โซล มีแต่เด็กคนนี้เท่านั้นที่ชอบย่อให้สั้นลง"
“ดูเหมือนเจ้าหนูหิมะจะตั้งชื่อเล่นได้แต่รับที่คนอื่นตั้งให้ไม่ได้สินะ” เว่ยแซวขณะจับมือชายคนนั้นแล้วเขย่า "ฉันชื่อโรมมิ่งวินด์เป็นเพื่อนซี้ของเมลติ้งสโนว์ค่ะ"
“ดูเหมือนพี่จะคิดไปเองคนเดียวนะ” เด็กชายพึมพำ แทบจะกร่นเสียงดังกับคำพูดหลอกลวงของผู้หญิงคนนั้น
เว่ยหันมาและตะโกนว่า "ฉันได้ยินนะ!"
“ก็ดีนะที่พี่ได้ยิน!” เมลจิ้งสโนว์กล่าวพร้อมแลบลิ้นใส่เธอ
วอนเดอร์ริ่งซาวด์แนะนำตัวเองต่อโดยไม่สนใจการหยอกล้อของเมลติ้งสโนว์กับเว่ย เขายื่นมือของเขาไปที่ชายผมดำและพูดว่า "ยินดีที่ได้พบคุณเนเซิ่นต์โซล ฉัน วอนเดอร์ริ่งซาวด์"
หลังจากเขย่ามือของมนุษย์เงือกแล้ว ซื่อซวนก็ยืนอยู่ที่นั่นและมองดูเมลติ้งสโนว์และเพื่อน ๆ ของเขาโต้ตอบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเข้ากันได้ดี
ขณะที่การหยอกล้อระหว่างพวกเขาทั้งสองดำเนินไปเป็นเวลาสองสามนาที เขาก็กำลังจะพูดบางอย่างขึ้นมา แต่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยมาจากข้างหลังเขา
...
ซินหยาได้เดินไปที่จุดนัดพบประมาณ 15 นาทีแล้ว และเขาก็เกือบจะอยู่ที่นั่นแล้ว มันน่าเหลือเชื่อเพราะเขาใช้เวลานานกว่านั้นมากเมื่อเขาใช้เส้นทางอื่น
ดูเหมือนว่าไม่มีผู้คนมากมายบนถนนสายนี้ เมืองนี้จึงค่อนข้างง่ายในการสัญจรไปมา เขาตั้งข้อสังเกตกับตัวเองว่า ถ้าเขาจำเป็นต้องมาที่เมืองและทำธุรกิจบางอย่าง เขาจะต้องออกเดินทางในตอนบ่ายแก่ๆ
เมื่อเขาเข้าใกล้เวทีมากขึ้น เขาก็เริ่มได้ยินเสียงเพื่อนของเขา เขายิ้มเยาะ สั่นศีรษะเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงหยอกล้อของเว่ยกับเมลติ้งสโนว์
ทั้งสองคนทำตัวเหมือนพี่น้องกันมาก เขารู้สึกว่าเขาควรเตือนเธอว่าอย่าล้อเลียนเด็กคนนี้ต่อไปเพราะทุกคนรู้ว่าเด็กหนุ่มตัวเล็กคนนี้จะทำอะไรกับคนตัวใหญ่เมื่อเขาถูกรบกวนมากเกินไป
ซินหยาเดินเร็วขึ้นจนเพื่อนของเขาอยู่ในสายตา มีเพียงเห็นคนแปลกหน้าในหมู่พวกเขา เขาตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าทำไมเว่ยถึงทำอย่างนี้ต่อหน้าผู้เล่นคนอื่นและทำไมวอนเดอร์ริ่งซาวด์ถึงไม่หยุดเธอ
“โรมมิ่งวินด์ ฉันขอบอกอะไรคุณเกี่ยวกับการหยอกล้อเมลติ้งสโนว์หน่อยนะ ถ้ามันมากเกินไปจะไม่ดี” ซินหยากล่าวขณะที่เดินสองสามฟุตสุดท้ายไปทางปาร์ตี้และหยุดความโกลาหลที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา
รอยยิ้มที่สดใสทำให้ใบหน้าของเมลติ้งสโนว์สว่างขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงของดริฟติ้งคลาวด์ เขาหยุดเขย่าโรมมิ่งวินด์และไปทางชายคนนั้นอย่างตื่นเต้น "ก็อย่างที่พี่ดริฟพูด พี่เข้าใจไหม!"
“จริงสิ พี่ดริฟซื้อฟาร์มแล้วใช่มั้ย? ผมแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นมัน!” เด็กชายร้องอุทาน นึกภาพวัวและม้าทั้งหมดที่เขาจะสามารถเล่นได้ในไม่ช้า
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงหัวเราะจากวอนเดอร์ริ่งซาวด์ ขณะที่เขาเฝ้าดูเด็กหนุ่มกำลังสนใจดริฟติ้งคลาวด์จนเขาลืมญาติคนนี้ไปโดยสิ้นเชิง
“เมลติ้งสโนว์ เธอลืมใครไปหรือเปล่า?” วอนเดอร์ริ่งซาวด์ถามขณะชี้ไปที่เนเซิ่นต์โซลซึ่งกำลังสังเกตปฏิสัมพันธ์ของซินหยากับเมลติ้งสโนว์ด้วยความสนใจ
“โอ้ จริงด้วย!” เมลติ้งสโนว์หัวเราะอย่างเขินอาย เขาคว้าแขนดริฟติ้งคลาวด์และดึงเขาไปหาซื่อซวนแล้วพูดว่า "นี่ลูกพี่ลูกน้องของผม ผมคิดว่าพวกพี่สองคนน่าจะเข้ากันได้ดี"