บทที่ 9
“ผมได้ข่าวมาว่าคุณปู่เป็นลมไป ตอนนี้อาการของเขาเป็นยังไงบ้างเหรอครับ?” โฮเวิร์ดถามไซม่อนทันทีหลังจากเข้ามา
พยาบาลเป็นคนบอกโฮเวิร์ดว่าไซม่อนอยู่ในห้องนี้ ด้วยเหตุนั้น เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มองดูผู้คนที่อยู่ข้างในเลย
ไซม่อนชำเลืองมองและกล่าวคำพูดอย่างแผ่วเบา “ก็ปัญหาเดิม ๆ ตอนนี้คุณหมอกำลังรักษาคุณปู่อยู่”
ท้ายที่สุด โฮเวิร์ดก็เห็นทุกคนที่อยู่ในห้อง เขาในตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย 'ชารอนอีกแล้วเหรอ?'
ไรลีย์พูดขึ้นทันทีโดยไม่ลังเล “ใครอนุญาตให้นายเข้ามากัน? ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ชารอนได้แต่กัดริมฝีปาก เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เธอเพียงแค่นั่งข้างเตียงและดูแลลูกชายเท่านั้น เธอไม่แม้แต่จะมองไปที่โฮเวิร์ดเลย
ทันทีที่โฮเวิร์ดเห็นเด็กน้อย สายตาของเขาพลันหยุดนิ่ง 'ทำไมเด็กคนนั้น... หน้าเหมือนลุงจังล่ะ?!'
โฮเวิร์ดรีบมองกลับไปที่ลุงของตัวเองทันที 'เขาเป็นลูกของลุงไซม่อนหรือเปล่านะ?'
'ไม่หรอกมั้ง ลุงไซม่อนยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ ลุงน่าจะยังไม่มีลูกหรอก'
'ลูกไม่มีพ่องั้นเหรอ? ลุงไซม่อนคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นหรอก!'
ระหว่างที่โฮเวิร์ดมองดูเซบาสเตียน ไรลีย์ก็พุ่งเข้ามาบังเอาไว้พร้อมกับไล่เขาออกไปอีกครั้ง "นายหูหนวกหรือยังไงกัน? ฉันบอกให้นายออกไปไง! ไม่ได้ยินคนอื่นพูดเหรอ?"
ไซม่อนมองไปที่ชารอนที่กำลังนั่งเงียบ ดวงตาของเขาเป็นประกายในระหว่างที่กำลังกล่าวคำพูดกับโฮเวิร์ด “นายแค่มาหาคุณปู่เหรอ?”
โฮเวิร์ดดึงสายตาของตัวเองกลับมา เขายังคงตกใจอยู่
“แซลลี่เริ่มอาเจียนหนักขึ้นเพราะตั้งครรภ์น่ะครับ อันที่จริงผมมาหาเธอ แต่หลังจากนั้น เดี๋ยวผมก็จะไปดูคุณปู่ด้วยครับ”
ชารอนรู้สึกใจเต้นแรงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น 'แซลลี่ท้องอย่างนั้นเหรอ?'
ไซม่อนมองดูนาฬิกาบนข้อมือ “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว งั้นเราออกไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวลุงพานายไปหาคุณปู่เอง”
ก่อนที่ไซม่อนจะจากไป เขาตระหนักถึงบางอย่าง ไซม่อนหันกลับมาและกล่าวคำพูดกับเซบาสเตียน "เฮ้ เจ้าหนู ตั้งใจเรียนด้วยนะ อย่ากินไอศกรีมมากเกินไปล่ะ"
เซบาสเตียนบ่นพึมพำ “เป็นคุณลุงที่ขี้บ่นจริง ๆ!” อันที่จริง สิ่งที่เซบาสเตียนพยายามจะสื่อออกมาคือเขาไม่ต้องการให้ไซม่อนเป็นห่วงเป็นใยอะไรมาก
“พูดมากแล้วไปแล้วน่า นอนพักผ่อนเถอะ ลูกรัก” ชารอนตีศีรษะลูกชายของตัวเองเบา ๆ เธอกลัวว่าไซม่อนจะอารมณ์เสีย แต่ถึงกระนั้น ไซม่อนกลับเผยยิ้มและไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร
ระหว่างที่ไซม่อนเดินไปถึงประตู เขาสังเกตเห็นว่าโฮเวิร์ดไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว โฮเวิร์ดในตอนนี้กำลังจ้องมองไปที่ชารอนและเซบาสเตียน ทันใดนั้น ไซม่อนก็เลิกคิ้วขึ้น “เป็นอะไรไปน่ะ? ไม่อยากไปเยี่ยมคุณปู่แล้วหรือยังไงกัน?”
ไซม่อนพูดขึ้นมาพร้อมกับแอบมองไปที่เด็กน้อยอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
หลังจากออกมาแล้ว โฮเวิร์ดก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น "ลุงครับ ไอ้หนูนั่น คงไม่ใช่ลูกชายของดีไซเนอร์คนนั้นหรอกใช่ไหมครับ?”
“เจ้าหนูนั่นเป็นลูกของเธอ แล้วมีอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ไซม่อนเหลือบมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์
โฮเวิร์ดตกตะลึงไปจนขาก้าวไม่ออก ‘ลูก...ลูกชายของเธอ?!’
‘ชารอนมีลูกแล้วสินะ?!’
ความโกรธเกลียดเริ่มปะทุขึ้นภายในใจของเขา ‘แล้วตอนนั้น ทำไมเธอยังมีหน้ามาบอกอีกนะว่าไม่ได้นอกใจฉัน?!’
เขาแสดงสีนหน้าที่แย่ออกมาให้ประจักษ์ ถึงกระนั้น เขาพยายามอดกลั้นเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มอันเสแสร้งนั่น “เปล่า...ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากรู้เฉย ๆ”
ในวอร์ดนั้น ไรลีย์ยังคงสาปแช่งโฮเวิร์ดไม่ขาดปาก
“ชาร์ เธอไม่ได้ยินที่โฮเวิร์ดมันพูดเหรอ? แซลลี่ท้อง! เขานี่มันพวกหน้าไม่อายตัวพ่อเลยนะ! กล้าดียังไงถึงมาพูดเรื่องพรรคนั้นต่อเธอได้?!”
“ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาแล้วน่ะ” ชารอนไม่ต้องการที่จะได้ยินเรื่องของพวกนั้นอีก ภาพของเหตุการณ์ซึ่งแซลลี่กำลังพูดคุยอย่างสนิทสนมกับหมอหนุ่มคนหนึ่งตรงบริเวณทางเดินของโรงพยาบาลก่อนหน้านี้หมุนวนอยู่ภายในจิตใจของเธอดังน้ำวน
ไรลีย์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ก็ได้ เลิกเสวนาเรื่องคู่ผัวตัวเมียนั่นกันเถอะ พูดไปก็มีแต่ทำให้เสียอารมณ์เปล่า ๆ!”
เซบาสเตียนกระพริบตาพลางถามอย่างใสซื่อ “แม่ครับ ใครคือคนที่แม่ทูลกำลังว่าอยู่เหรอครับ?”
ชารอนลูบหัวลูกชายเบา ๆ เธอไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากบอกเรื่องความบาดหมางระหว่างเธอกับโฮเวิร์ดให้เด็กน้อยฟัง
ไรลีย์จ้องมองเด็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามชารอนอย่างฉงน “นี่ชาร์ เธอสังเกตบ้างไหมว่าหน้าตาเซบาสเตียนละม้ายคล้ายกับหัวหน้าเธออยู่นะ?”
ก่อนที่ชารอนจะพูดขึ้น เด็กน้อยก็โผล่หัวออกมาจากผ้าห่มแล้วทักท้วง "ผมไม่เห็นจะเหมือนคุณลุงขี้บ่นคนนั้นเลย ผมหล่อกว่าตั้งเยอะ!"
ไรลีย์กลั้นหัวเราะทันทีที่เห็นท่าทางโกรธเคืองของเด็กน้อย “จ่ะ จ่ะ หนูหล่อกว่าคุณลุงคนนั้นอีก!”
ชารอนกัดริมฝีปากและมองดูลูกชาย เธอไม่อยากเต็มใจยอมรับเท่าไหร่ว่าเซบาสเตียนเหมือนไซม่อนไม่น้อย ถึงกระนั้น เธอก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้
'เขาใช่ผู้ชายเมื่อห้าปีที่แล้วหรือเปล่านะ?'
จิตใจของชารอนเริ่มวุ่นวายและยุ่งเหยิง เธอไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป อันที่จริง ชารอนไม่อยากคิดอีกเลยด้วย นั่นเป็นเพราะชารอนไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวพันกับตระกูลแซคคารี่เลยแม้แต่น้อย
เซบาสเตียนกินยาไปแล้ว จากนั้นหลังจากพักผ่อนและให้คุณหมอตรวจดูร่างกายอีกรอบ ทั้งสามก็เตรียมตัวกลับบ้าน
หลังจากที่ทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย คุณหมอคนหนึ่งก็เดินมาหาพวกเขา “ชารอนใช่ไหม?”
ชารอนมองไปยังคุณหมอคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาเป็นหมอชราผมขาว ชารอนพลันขาดสติไปชั่วครู่ ทันใดนั้น เธอก็ตระหนักตัวตนของคุณหมอคนนี้ได้ “คุณคือ... คุณหมอคอลลินส์ใช่ไหมคะ?”
คุณหมอคอลลินส์เป็นนายแพทย์ผู้คอยดูแลพ่อของชารอนมาโดยตลอด เขาได้ดูแลคุณพ่อของเธอเป็นอย่างดี
ทันใดนั้น คุณหมอคอลลินส์หัวเราะเสียงดัง “ชารอนจริง ๆ ด้วย! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หมอเองก็หาทางติดต่อคุณอยู่ตั้งนาน”
“แล้วคุณหมอคอลลินส์จะหาฉันทำไมเหรอคะ?” ชารอนรู้สึกสับสน
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณหมอคอลลินส์จางลง เขาพลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ก่อนที่พ่อของคุณจะจากไป เขาต้องการให้หมอมอบกล่องใบหนึ่งให้กับคุณ ตอนนั้นหมอยุ่งมากจนลืมเรื่องกล่องไปเลย แต่ตอนนี้เราได้เจอกันแล้ว และกล่องใบนั้นก็ยังอยู่ที่บ้านหมอด้วย ยังไงก็เถอะ ถ้าคุณว่างเมื่อไหร่ ก็ติดต่อหมอมาแล้วแวะมาเอาได้เลยนะ”