ตอนที่แล้วบทที่ 45 การขนอิฐ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47 สัตว์ร้ายตัวน้อยที่โกรธแค้น

บทที่ 46 การขนอิฐ 2


กำลังโหลดไฟล์

ซูเชิ่งจิ่งก้มตัวลงเล็กน้อยและส่งยิ้มให้กับเกี๊ยวน้อยตรงหน้า “ใช่ มันคืองานขนอิฐ แล้วลูกรู้ไหมว่ามันคืออะไร?”

ซูจิ่ว "..."

ที่ป๊ะป๋าพูดออกมานั้นไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?

จนท้ายที่สุด เขาก็มีรอยไหม้จากการถูกแดดเผาบนร่างกาย

## ติดตามเรื่องราวของเด็กหญิงตัวเล็กได้ที่ thai-novel.com หรือ mynovel.co ได้เลยนะคะ

ซูจิ่วสบตากับเขาอยู่สองวินาที จากนั้น เธอก็แกล้งทําเป็นเข้าใจและพูดว่า “ป๊ะป๋า การขนอิฐเป็นงานที่ลำบากมากไหม? ป้าผู้อำนวยการเคยบอกไว้ว่าถ้าเด็กคนไหนที่ไม่ตั้งใจเรียนพอโตขึ้นก็ต้องไปขนอิฐ แล้วยังบอกอีกว่าการขนอิฐเป็นเรื่องยากและเหนื่อยมาก”

เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ของซูจิ่วที่ปรากฏร่องรอยของความกังวล ซูเชิ่งจิ่งจึงถอนหายใจอย่างเงียบๆ

เขาไม่เคยคิดว่าเกี๊ยวน้อยจะเคยได้ยินเรื่องการขนอิฐมาก่อน ซึ่งเขาคิดว่าเธอไม่น่าจะเข้าใจ แต่เพื่อไม่ให้เด็กหญิงตัวน้อยเป็นกังวล เขาจึงทําได้เพียงต้องพูดโกหกออกไปเท่านั้น

ซูเชิ่งจิ่งยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ป๊ะป๋าโกหกลูกน่ะ ที่จริงแล้วป๊ะป๋าไม่ได้ไปทำงานขนอิฐหรอก แต่ป๊ะป๋าได้งานที่ดีมาก มันเป็นงานที่มีสํานักงานขนาดใหญ่ ได้นั่งห้องแอร์เย็นๆ แถมยังสะดวกสบายมาก ที่สำคัญงานนี้ไม่เหนื่อยเลย”

ทันทีที่ซูจิ่วได้ยิน เธอก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องโกหก

แต่เธอก็ไม่ได้ขัดซูเชิ่งจิ่งแต่อย่างใด เธอทำเพียงแค่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพูดว่า “ดีแล้วที่ป๊ะป๋าไม่ได้ทํางานหนักเกินไป เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เสี่ยวจิ่วจะเสียใจมาก”

ในขณะที่พูดเธอก็โอบรอบขาของเขาเอาไว้

“......” ลูกกระเดือกของซูเชิ่งจิ่งกลิ้งขลุกขลัก และหัวใจของเขาก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทงเบาๆ ซึ่งมันรู้สึกขมขื่นอยู่บ้างเล็กน้อย

ด้วยสภาพปัจจุบันของเขา มันดีแค่ไหนแล้วที่ยังหางานทําได้ และตราบใดที่เขาสามารถเลี้ยงดูเกี๊ยวน้อยได้ ถึงแม้จะต้องเหนื่อยแค่ไหนเขาก็จะทน

ซูเชิ่งจิ่งแกล้งทําเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้น เขาก็อุ้มซูจิ่วขึ้นมาอีกครั้งและให้เธอนั่งอยู่บนโซฟาแล้วพูดเบาๆ ว่า “ลูกเล่นคนเดียวไปก่อนนะ เดี๋ยวป๊ะป๋าจะให้ชงนมให้ลูกก่อน”

“ตกลง ขอบคุณป๊ะป๋า~”

เมื่อเธอมองซูเชิ่งจิ่งที่ถือแก้วเดินไปที่ห้องครัว ซูจิ่วก็คิดในใจว่าผู้ชายคนนี้เริ่มเก่งขึ้นทุกวัน และตอนนี้เขาก็ดูเหมือนคนเป็นพ่อมาก

อย่างน้อยสภาพจิตใจของเขาที่มีต่อเด็กถือว่าดีมาก ซึ่งตอนแรกซูจิ่วยังกังวลว่าเขาจะอารมณ์ร้อนและยากที่จะเข้ากันได้ และกลัวว่าเขาจะตีและทําร้ายเด็ก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลของเธอจะไม่จําเป็นอีกต่อไป

โชคยังดีที่ผู้เขียนนิยายต้นฉบับไม่ได้โหดเหี้ยมเกินไปสำหรับนักแสดงสมทบหญิงที่ชั่วร้ายอย่างเธอ ซึ่งผู้เขียนได้ปล่อยให้ซูเชิ่งจิ่งเป็นป๊ะป๋าที่ดีได้

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฟ้าสางได้ไม่นานนัก ซูจิ่วก็ได้ยินเสียงบางอย่างในความสะลึมสะลือ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องตื่นขึ้นมา และเมื่อลืมตาขึ้นเธอก็เห็นซูเชิ่งจิ่งที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว และเขาพร้อมที่จะออกไปข้างนอก

“ป๊ะป๋า...” เธอขยี้ตาเบาๆ และลุกขึ้นนั่งบนเตียง

เมื่อได้ยินเสียงของเกี๊ยวน้อย ซูเชิ่งจิ่งก็หันไปมองเธอทันที “ลูกตื่นแล้วเหรอ?”

“ป๊ะป๋า จะไปทำงานแล้วเหรอ?”

เพราะว่าซูจิ่วเพิ่งตื่น จึงทำให้เสียงของเธอดูเหมือนน้ำนม และดวงตาที่ชุ่มชื้นก็กำลังมองมาที่เขาราวกับกวางน้อยที่เพิ่งเกิด และเมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นซูเชิ่งจิ่งก็ไม่อาจต้านทานได้ เขาจึงนั่งลงข้างเตียงและใช้นิ้วหวีผมยุ่งๆ ให้กับเธอ “ใช่ ป๊ะป๋ากำลังจะไปทํางานแล้ว และป๊ะป๋าก็ได้โทรหาลุงสุดหล่อให้เขามารับลูกแล้วนะ วันนี้ลูกก็ไปเล่นที่บ้านเขาดีไหม?”

ซูจิ่วพยักหน้า “โอเค~ ป๊ะป๋าไปทํางานเถอะ เสี่ยวจิ่วจะเชื่อฟัง”

พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น และซูเชิ่งจิ่งก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วออกไปเปิดประตู

ก่อนที่ซูจิ่วจะได้เห็นตัวตนของเชิ่งเทียนสื่อ เธอกลับได้ยินเสียงของเด็กน้อยที่ดังออกมาด้วยความตื่นเต้นแทน “เสี่ยวจิ่ว ฉันมารับเธอแล้ว!”

ซูจิ่ว "...??"

เสียงนี้…ไม่ใช่เสียงของเชิ่งจื๋อเหยียนหรอกเหรอ?

และแน่นอนว่าวินาทีต่อมา ร่างเล็กๆ ของเชิ่งจื๋อเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้อง จากนั้น เขาก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “เธอยังไม่ลุกจากเตียงอีกเหรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด