ตอนที่ 49 ระเบิดบอลแสง(อ่านฟรี)
ตอนที่ 49 ระเบิดบอลแสง
ที่โกดังสินค้าหลังจากไดร่าสอบถามจากศพและได้คำตอบแล้ว ศพก็กล่าวออกมา
“ช่วยเผาร่างผมได้หรือไม่” ศพหันไปมองไดร่าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและแข็งกระด้าง
“ได้” ไดร่าพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ศพจะหยุดขยับและนอนตายเหมือนกับก่อนหน้านั้น
หลังจากทุกอย่างหยุดลง ทั้งสาม
หลังจากได้คำตอบของศพ ไดร่า เซลีนและอัลลิดา พวกเธอก็พากันมีสีหน้าเข้มขรึมปนครุ่นคิด เพราะสิ่งที่พวกเขาได้มานั้นมันร้ายแรงอย่างมาก
“หัวหน้า ถ้าพวกลัทธิมืดขนพวกมันทั้งหมดออกไปอย่างเร่งรีบ นั้นหมายความว่าอีกไม่นานพวกมันก็จะลงมือกันแล้ว” อัลลิดากล่าวขณะที่มองไปที่หัวของเธอ
“เราต้องรีบแจ้งข้อมูลไปให้ผู้จัดการและคนอื่น ๆ ด่วนเลย หัวหน้าเราแจ้งไปที่ทีมเบรนเดอร์ด้วยเลยหรือไม่” เซลีนพูดออกมา
“ไม่ต้อง เซลีนแจ้งไปที่โรงแรมนักล่าให้ผู้จัดการรู้ เขาจะแจ้งไปให้เบรนเดอร์รู้เอง อัลลิดาไปเอารถมาเราจะมุ่งหน้าไปที่นั่นกันก่อน”
“ค่ะหัวหน้า” ทั้งสองตอบรับก่อนจะลงมือทำตามที่ไดร่าสั่ง อัลลิดาและเซลีนเดินไปที่รถพร้อมกันเหลือเพียงไดร่าที่ยืนอยู่ภายในโกดังสินค้าเพียงคนเดียว เธอยกมือขึ้นมา ก่อนจะร่ายคาถาโดยไม่ใช้หนังสือเวทมนตร์แต่อย่างไร
“คาเซเบธ (บอลเพลิง)”
อักษรเวทมนตร์พวยพุ่งออกมาหลอมรวมเป็นบอลเพลิงเบื้องหน้าของไดร่า ก่อนที่เธอจะสะบัดมือสั่งให้บอลเพลิงเผาไหม้ทุกอย่างในโกดังสินค้าไปพร้อมกับร่างของศพเปลวไปลุกโหมกระหน่ำ ไดร่าเดินออกจากโกดังไปขึ้นรถที่อัลลิดาขับมารับ เธอเปิดประตูขึ้นไปบนรถ ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
...
ขณะเดียวกันที่บริษัทอีกแห่ง ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนดวงตามิติเข้ามา เบรนเดอร์และทีมก็ทำการตรวจสอบและเจอเข้ากับซากศพจำนวนมาก ซึ่งมีซอมบี้หลายสิบตัวกำลังกัดกินเนื้อศพเหล่านั้นอยู่อย่างเมามัน สภาพโดยรวมแล้วก็ไม่ต่างจากที่ไดร่าและทีมเจอมากนัก
“เรามาช้าไป” เบรนเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหันมาสั่งทีมของตัวเอง “ไรเดอร์ กริซลี ฆ่าให้หมด!”
สิ้นเสียงของเบรนเดอร์ชายทั้งสองคนที่ชื่อ ไรเดอร์ และกริซลี ก็ลงมือฆ่าซอมบี้ในทันที
ไรเดอร์ ผู้ใช้พลังกายภาพ ระดับ 5 ชายผมสีน้ำตาลทรงผมแบบเซิร์ฟ คัท ดวงตาสีเขียว ร่างสูงผอมบางชักดาบคาตานะเล่มแรกออกมา กระโจนเข้าไปหาซอมบี้และตัดหัวของพวกมันในทันที
ส่วนกริซลี แบร์ ผู้ใช้พลังกายภาพระดับ 5 รูปร่างสูงใหญ่คล้ายกับหมียักษ์ หัวโล้น หนวดเครายาวรุงรัง ปากคาบซิการ์ ยกปืนกล MG 42 ขึ้นมาและยิงถล่มใส่ซอมบี้ตรง ๆ จนร่างของพวกมันแหลกกระเด็นไปคนละทิศทาง บางตัวยังไม่ตายพยายามลุกขึ้นมาก็โดน ไรเดอร์ฟันด้วยดาบคาตานะซ้ำอีกครั้ง จนซอมบี้ทั้งหมดไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ซอมบี้ทั้ง 10 ตัวแม้ดูเหมือนจะเยอะ แต่มันก็ไม่พอให้ไรเดอร์และกริซลีคนลงมืออย่างจริงจังได้
หลังจากผ่านไปเพียง 3 นาทีทุกอย่างก็จบลง ไรเดอร์และกริซลี ด้วยกันเก็บเกี่ยวเลือดสีขาวจากศพของซอมบี้
ในตอนนั้นเองสมาชิกทีมคนสุดท้ายที่เป็นผู้ใช้เทมนต์ ก็หันไปรายงานกับเบรนเดอร์
“หัวหน้าค่ะ มีการติดต่อมาจากผู้จัดการซีน่อนเมื่อครู่พวกเขาบอกว่าเจอเบาะแสของพวกลัทธิมืดแล้ว และตอนนี้ทีมของไดร่ากำลังตรงไปที่นั่นก่อนแล้ว ผู้จัดการซีน่อนต้องการให้ทีมของเราตามไปเสริมกำลัง” หญิงสาวพูดออกมาตามที่ได้ยินมาจากวิทยุสื่อสาร
“แสดงว่าที่บริษัทเหล่านั้นเจอสถานการณ์เดียวกับพวกเรา ไปกันเถอะพวกนั้นคงได้ที่อยู่ของลัทธิมืดแล้ว” เบรนเดอร์กล่าวจบก็เดินกลับออกไปขึ้นรถ
“น่าเสียดายเลือดสีขาว แต่เราไปกันต่อเถอะ...หัวหน้าดูอารมณ์ไม่ค่อยดี” กริซลี แบร์ กล่าวกับไรเดอร์
“หัวหน้าอารมณ์ไม่ค่อยดีตั้งแต่โดนย้ายมาที่นี่แล้ว ดังนั้นเราไปช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกัน ยัยตัวเล็กไปกันเถอะ” ไรเดอร์กล่าวกับกริซลี ก่อนจะหันไปเร่ง จิน หญิงสาวผู้ใช้พลังเวทมนตร์
ทีมของเบรนเดอร์รีบตรงไปยังสถานที่ซึ่งทางนั้นแจ้งมาในทันที
...
สาวกลัทธิมืดสามคนวิ่งตามอุโมงค์ท่อระบายอากาศหลักมาจนถึงจุดที่มีใบพัดลมดูดอากาศขวางกั้นอยู่ หลังจากใช้ไฟฉายส่องมองดูใบพัดลมอยู่สักพักจนเห็นว่าที่ใบพัดมีความเสียหายคล้ายกับใครเอาอะไรมาขัดมันไว้
“ไม่ผิดแน่ หมาล่าเนื้อคงเอาอะไรมาขัดมันแล้วเข้ามาทางนี้”
“รีบตามไปก่อนมันจะหนีไปได้เถอะ”
หนึ่งในสาวกลัทธิมืดยืนมือออกไปจับที่สายไฟมอเตอร์พัดลม ก่อนจะออกแรงกระชากทิ้งอย่างไม่ไยดี เมื่อไร้ซึ่งกระแสไฟฟ้า พัดลมระบายอากาศขนาด 3 เมตรก็หยุดทำงาน
ทั้งสามเห็นเช่นนั้นก็รีบมุดรอดผ่านใบพัดและวิ่งตามไปจนสุดทาง แต่พอไปถึงยังปากอุโมงค์ระบายอากาศกลับไม่พบสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของหมาล่าเนื้อที่พวกเขาตามหา
“บ้าเอ๊ย!...มันหายไปไหนวะ!”
“ไม่น่าเป็นไปได้! พวกเราไม่น่าจะมาผิดทาง มันต้องหนีมาทางนี้แน่นอน ยกเว้นว่ามันจะปีนออกไปด้านนอกแล้ว”
“ด้านนอก? ลองสำรวจดูเร็ว!”
สาวกลัทธิมืดคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาจากอุโมงค์ระบายอากาศ เมื่อมองไปด้านนอกที่เป็นหุบเหวลึกที่สูงชัน นั้นทำให้มันรู้สึกกลัวพอสมควร แต่ก็ห้ามความกลัวหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องไปยังทางซ้ายมือของหน้าผา
ที่หน้าผาที่สูงชันไม่มีวี่แววของใครเลยแม้แต่น้อย
“ด้านนี้ไม่มี”
“งั้นก็อีกทาง”
สาวกลัทธิมืออีกคนกล่าวบอก ทำให้สาวกลัทธิมืดที่ทำหน้าที่มองหาต้องหันตัวกลับมาและส่องอีกทาง แต่มันกลับยังไร้วี่แววของคนที่พวกมันตามหาเช่นเคย
“จะเป็นไปได้ยังไง”
“ไม่มันต้องลงมาทางนี้แน่นอน หน้าผาทางขวามีทางพอให้คนสามารถปีนได้ เอ็งรีบปีนออกไปดูเร็ว”
“ไอ้เชี่ย มึงทำไมไม่ออกไปดูเองล่ะว่ะ”
ทั้งสามต่างถกเถียงกันอยู่ด้านในของอุโมงค์ท่อระบายอากาศ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนที่พวกมันตามหานั้นกำลังปีนหน้าผาอยู่เหนืออุโมงค์ระบายอากาศพอดิบพอดี ทำให้มันลืมเงยหน้าขึ้นไปดูเหนือหัว
เรย์ที่เมื่อครู่เห็นว่ามีหนึ่งในสาวกใช้ไฟฉายส่องไปมาทางปาทางเข้าอุโมงค์ระบายอากาศ ก็ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกหวั่น ๆ ว่าจะถูกพบตัวในสภาพเช่นนี้
อีกไม่ถึง 5 เมตรก็จะปีนขึ้นไปถึงด้านบนแล้ว...ฟู่ ๆ เอาวะ
เรย์เป่าลมหายใจออกจากปากเพื่อปรับระดับความตื่นเต้น ก่อนจะเตรียมปีนขึ้นไปต่อ แต่ในตอนที่กำลังจะยื่นมือขึ้นไปจับผาปีนขึ้น เรย์ก็หยุดชะงักนิ่งไปในทันที
เสียง! ไม่ใช่หรอกมั้ง...
“คว๊ากกก...ค๊ากก” เสียงครวญครางในลำคอดังขึ้นมาจากด้านบนหัวของเรย์อย่างชัดเจน เรย์ที่ตอนนี้มีเพียงแสงอ่อน ๆ จากบอลแสงดวงเดียวที่ซ่อนอยู่ในฝ่ามือ กำลังเบิกตามองด้านบนเหนือหัว
เรย์เห็นเงาของซอมบี้ซากศพอย่างชัดเจน
ไม่ใช่เพียงตัวเดียว แต่มีมากกว่าสามตัวอย่างแน่นอน พวกมันมาที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าตามเรามา แต่มันรู้ได้ยังไง จริงสิกลิ่นมนุษย์เป็นคงชักนำพวกมันมา
เรย์รู้สึกหนักอึ้งในใจสุด ๆ กับสถานการณ์ของตน จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ได้เช่นกัน
ในตอนนั้นเอง ดินที่อยู่เหนือหัวของเรย์ก็หล่นลงมา ตุบ ๆ ใส่ที่ตัวของเรย์ เรย์รีบแอบแนบหน้าและตัวเข้าชิดกับผนังหน้าผา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปดู
ซอมบี้ซากศพที่เรย์เห็นอยู่ด้านบนก่อนหน้านั้น มันพยายามจะปืนลงมาหาเขา
เวรแล้วไง มันปืนหน้าผาเป็นด้วย..แต่ยังไม่ทันที่เรย์จะได้คิดอะไร ต่อซอมบี้ซากศพตัวนั้นก็หล่นลงมาจากด้านบนพอดี ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่แสงไฟจากไฟฉายของสาวกลัทธิมืดที่ตามหาตัวเรย์อยู่ ได้สาดส่องเข้ามาที่เรย์ซึ่งกำลังปืนอยู่บนหน้าผา
ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ก่อนหน้านั้นเสียงดินที่หล่นลงไป ดึงดูดความสนใจจากพวกลัทธิมืดที่ถอดใจคิดว่าหมาล่าเนื้อหนีไปได้แล้ว
“เจอแล้วมันอยู่ด้านบน...อั๊ก” ยังไม่ทันพูดขาดคำ สาวกลัทธิมืดที่โผล่หน้าออกมาส่องไฟหาเรย์จนเจอ ก็โดนซอมบี้ที่หล่นลงมาจากด้านบนกระแทกเข้าใส่ตัวเต็ม ๆ ทำให้ทั้งคนและซอมบี้หล่นลงไปเบื้องล่างหุบเหวในความมืดทันที
“เชี่ย!!!”
สาวกลัทธิมืดสองคนที่เห็นภาพเมื่อครู่ต่อหน้าต่อตาอุทานออกมาพร้อม ๆ กับ พวกมันตกใจจนหน้าซีดขาว เพราะถ้าเกิดตนเป็นคนยื่นหน้าออกไปดูเป็นคนแรกเมื่อครู่ จะเป็นพวกมันเองที่ตกลงไปตายพร้อมกับซอมบี้ที่เบื้องล่างหุบเหวแล้ว
ส่วนกายตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นตุบ ๆ จนแทบจะหลุดออกจากอก มือของเขาพยายามจับหน้าผาไว้ให้แน่นและมั่นคงกว่าเก่าด้วยความกลัว เพราะเมื่อครู่ตอนที่ซอมบี้ซากศพตัวนั้นตกลงมาจากด้านบน ตัวของซอมบี้ซากศพผ่านหน้าของเรย์ห่างไปไม่ถึงสองนิ้ว จมูกของเรย์ยังได้กลิ่นของมันอย่างชัดเจนอยู่เลย
จริง ๆ แล้วซอมบี้ซากศพเมื่อครู่พยายามจับตัวของเรย์ แต่มันพลาดจึงไปคว้าเอาสาวกลัทธิมือด้านล่างแทน
ต้องรีบขึ้นไปด้านบน...
แม้จะมีซอมบี้ซากศพรออยู่แต่เรย์ไม่มีทางเลือก เพราะการติดอยู่ระหว่างกลางแบบนี้มันไม่ต่างจากรอตาย เรย์ลงมือปืนหน้าผาต่อด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขาปล่อยบอลแสงที่แอบไว้ออกโดยไม่สนใจว่าสาวกลัทธิมือด้านล่างจะเห็นตัว เพราะตอนนี้พวกมันรู้ตำแหน่งของเขาแล้ว
บอลแสงสร้างความสว่างให้กับบริเวณรอบ ๆ ทำให้เรย์เห็นว่าด้านบนไม่ได้มีซอมบี้แค่ 3 ตัว แต่มี 4 ตัวรวมกับตัวที่พึ่งตกลงไปตายกับสาวกลัทธิมืดเท่ากับมีทั้งหมด 5 ตัว
ขณะที่เรย์เร่งรีบปีนขึ้นไปในตอนนั้นเองสาวกลัทธิมืดที่พึ่งข่มความกลัวได้ ทั้งสองโผล่หน้าออกมาอีกครั้ง เมื่อมันเห็นเรย์ก็ไม่รอช้ายกปืนกลมือThompson ขึ้นมาคิดจะยิงใส่เรย์
“ไอ้หมาล่าเนื้อตายไปซะให้หมด”
บ้าเอ๊ยไม่ทันแล้ว...ไป! ระเบิด!
เรย์ไม่มีทางเลือกเขาบังคับบอลแสงที่เหลือดวงเดียวพุ่งเข้าไปหาสาวกลัทธิมืดและก่อนที่สาวกลัทธิมืดทั้งสองจะทันได้เหนี่ยวไกปืน บอลแสงที่ถูกบีบอัดพลังงานเข้าไปจำนวนมหาศาลก็ระเบิดดัง “ตูม!”
มันไม่มีพลังกระแทกใส่สร้างความเสียหายอะไร นอกจากแสงที่สว่างวาบอย่างรุนแรงท่ามกลางความมืดเท่านั้น
“อ๊ากกก...ตา ๆ แสบตา มองอะไรไม่เห็นเลย มันบ้าอะไรวะ”
“เวรเอ๊ย...แสบตา”
สาวกลัทธิมืดทั้งสองต่างมองอะไรไม่เห็นพากันร้องโว้ยวาย ส่วนเรย์นั้นรีบปีนขึ้นไปด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้
“ไปตายซะ!!”
ปัง!!! ๆ ๆ ๆ
แม้จะมองไปเห็นแต่สาวกลัทธิมืดทั้งสองก็เลือกจะยิงสุ่มมั่ว ๆ ใส่เรย์ด้วยโกรธ โดยมิสนใจสิ่งใดทั้งนั้น