ตอนที่ 46 เข้าเป็นตัวแทนประลอง
"อักขระที่เจ้าใช้กับชุดพวกนี้??" เฟรย่ากล่าวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"หืม...อักขระพวกนี้หน่ะหรอ มันมีพลังในการหนุนความสามารถของข้า ให้ถึงขีดสุด อย่างน้อยมันก็ช่วยเพิ่มโอกาสเอาชีวิตรอดหากต้องปะทะกับคนที่แข็งแกร่งกว่า" มุมปากของเล้งซานเชิดขึ้นเล็กน้อย
"ช่วยหนุนความสามารถ!!"
"ใช่แล้ว สำหรับแขนสองข้างนี้ มีพลังในการไหลเวียน มันจะช่วยลดภาระของเส้นลมปราณในร่าง ในตอนที่ข้าใช้เคล็ดวิชา มังกรเคลื่อนสมุทร
ส่วนชุดเกราะนี่ สามารถสะสมพลังลมปราณไว้ได้ภายใน หากข้าใช้เคล็ดวิชามังกรเคลื่อนสมุทร โยกย้ายพลังเข้าไปในชุดเกราะ มันจะกักเก็บพลังเพื่อให้ข้าสามารถหยิบยืมเอามาใช้งานในขณะต่อสู้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ ด้วยพลังอักขระชั้นสีเขียว ข้าก็กักเก็บพลังได้แค่สิบส่วนเต็มของพลังชั้นสีเขียวเท่านั้น แต่ข้อดีที่สุดคือหลังจบการต่อสู้ข้าสามารถนำพลังที่กักเก็บไว้ดูดซับเพื่อเลื่อนขั้นพลังลมปราณในร่างได้ ด้วยเคล็ดวิชาเส้นลมปราณมังกร
ส่วนปลอกขานี้ สามารถจุดระเบิดได้ด้วยพลังลมปราณ มันจะช่วยเพิ่มแรงกระโดดมหาศาลใช้ในการหลบหนีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยชุดอักขระพวกนี้ แม้ถูกรุมล้อมด้วยกลุ่มคนหลายสิบคน ถึงจะเพิ่มโอกาสชนะเพียงเล็กน้อย แต่จะเพิ่มโอกาสหลบหนีหลายเท่า และข้าจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งหลังการต่อสู้!!"
เล้งซานกำหมัดแน่นอย่างภาคภูมิ มันในตอนนี้มั่นใจในตัวเองขึ้นอย่างมากด้วยพลังฝีมือและชุดอักขระนี้ แม้ถูกพรรคป้อมอัคคีทั้งพรรครุมล้อม มันจะกังวลแค่บุคคล 2 คนในพรรคเท่านั้น นั่นคือ ผู้นำพรรคคนปัจจุบันซูซ่งหยู ที่มีพลังชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 3 และอดีตผู้นำพรรคคนก่อนซูป้าหลง ชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 9 เหล่าอาวุโสทั้ง 7 ชั้นลมปราณสีเขียวล้วนไม่อยู่ในสายตามัน
"อีก 10 วันจะถึงงานประลองยุทธรุ่นเยาว์ประจำปี ข้าว่าจะอาศัยโอกาสนี้ สร้างความอัปยศให้แก่พรรคป้อมอัคคีเสียหน่อยดีกว่า" เล้งซานแสยะยิ้ม ฉายแววตาที่แฝงความน่าหวาดหวั่นอีกครั้ง
ในยามวิกาลของคืนนั้นเอง เล้งซานได้แอบลอบเข้ามาภายในพรรคกระบี่เหิน ในคราวนี้มันไม่ได้ใช้ใบหน้าของหลี่มู่ และเปลี่ยนใบหน้าให้กลายเป็นผู้เยาว์ผู้หนึ่ง อายุราว 17-18 ปี แม้พรรคกระบี่เหินจะเป็นพรรคใหญ่ในเมือง แต่ก็มิได้มีการเฝ้าระวังหนาแน่นมากนัก เพราะพรรคมันล้วนไม่มีศัตรูใด อีกทั้งย่อมไม่มีมีผู้ใดในเมืองเมฆครามกล้ามาเหยียบจมูก 1 ใน 3 พรรคใหญ่เช่นนี้ ด้วยการปิดกั้นพลัง และความว่องไวของเล้งซานจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้ามาภายใน
เล้งซานเข้ามาถึงส่วนกลางในลานฝึกยุทธใกล้ที่พักที่มันเคยอาศัยเมื่อคราวก่อน จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังปราณอัคคีแห่งมังกรออกมาอย่างฉับพลันเป็นเวลา 3 ลมหายใจ และจึงปิดกั้นพลังอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่เกิน 10 ลมหายใจก็มีบุคคล 2 คน หนึ่งเป็นชายวัยชรา หนึ่งชายวัยกลางคน ทะยานร่างมายืนตรงหน้าเล้งซานทันที
แน่นอนว่าชายวัยชราผู้นี้คือ อี้หวังเทียน ที่เคยช่วยชีวิตเล้งซานไว้เมื่อคราวก่อน ส่วนชายวัยกลางคนนั้นเล้งซานไม่เคยพบหน้า รูปร่างองอาจ สวมชุดยาวสีเขียว แต่สามารถคาดเดาได้ไม่ยากจากพลังลมปราณชั้นสีเหลืองขั้นที่ 5 เป็นไปได้สูงว่าชายผู้นี้คือผู้นำพรรคกระบี่เหินคนปัจจุบัน อี้หลงหู่ บุตรชายของอี้หลงเทียน
"เจ้าเป็นใครเหตุใดจึงบุกรุกพรรคข้ายามวิกาลเช่นนี้"
อี้หลงหู่กล่าวพลางขมวดคิ้วขึ้น เนื่องจากพลังที่มันสัมผัสได้เมื่อครู่นั้นเป็นพลังปราณอัคคีที่รุนแรงมาก อาจมากเสียยิ่งกว่าคนของพรรคป้อมอัคคี อีกทั้งผู้ที่ปลดปล่อยพลังเมื่อครู่กลับสามารถปิดกั้นไว้อย่างสมบูรณ์ จนราวกับว่าคนที่อยู่ด้านหน้าของมันเป็นคนธรรมดา ที่ไร้พลังลมปราณ หากมันออกมาช้ากว่านี้เล็กน้อย มันจะเข้าใจว่าเป็นคนละคนกันอย่างแน่นอน
อี้หลงเทียนยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินมาตบที่บ่าของบุตรชายเบาๆ พลางยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย สายตาเหลือบมองมาทางเล้งซาน
"เจ้าคือ เล้งซานสินะ ปราณอัคคีเมื่อครู่ เป็นการยืนยันตัวตนแก่ข้า ที่เคยสัมผัสพลังเช่นนั้นมาเมื่อปีก่อน"
เล้งซานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ประสานมือ โค้งตัวแสดงความเคารพ
"เรียนผู้อาวุโสอี้หลง ผู้เยาว์คือเล้งซานดังที่ท่านกล่าวมา ข้าต้องการมาพบท่านเป็นการส่วนตัว แต่ไม่คิดว่าท่านผู้นำ อี้หลงหู่ จะติดตามท่านออกมาด้วย"
"อืม...พอดีบุตรชายข้า มาปรึกษาเรื่องเลือกผู้เยาว์เข้าประลองจึงอยู่ใกล้บริเวณนี้เช่นกัน และสัมผัสพลังปราณอัคคีของเจ้าได้พร้อมกับข้า"
อี้หลงหู่ถอนหายใจเล็กน้อย มันทราบชื่อเสียงของเล้งซานดีเมื่อปีก่อน และยังทราบเรื่องที่เล้งซานเป็นคนตระกูลเล้งจากคำบอกเล่าของบิดา แต่เมื่อปีก่อนนั้นมันมิได้อยู่ที่เมืองเมฆคราม มันออกไปดูกิจการที่ต่างเมือง จึงไม่ได้พบกับเล้งซานในครานั้น
เล้งซานใช้พลังปราณเปลี่ยนกล้ามเนื้อใบหน้า ภาพที่เห็นนั้นสร้างความตกตะลึงแก่ อี้หลงเทียน และอี้หลงหู่ ยิ่งนัก โดยใบหน้าของเล้งซานค่อยๆบิดเบี้ยว โหนกแก้มค่อยๆหดหาย สันจมูกค่อยๆโผล่ขึ้น ดวงตาค่อยๆหดเล็กลง จนกลับมาเป็นหน้าตาดั้งเดิมของเล้งซาน
อี้หลงเทียนแสยะยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย
"ไม่คิดว่าเจ้าจะพัฒนาวิชาเปลี่ยนกล้ามเนื้อด้วยลมปราณ จนสามารถแปลงโฉมได้หมดจดถึงเพียงนี้ แม้หลานสาวข้าจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ยังทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อเรือนร่างได้เล็กน้อยเท่านั้น"
เล้งซานประสานมือ โค้งตัวเป็นเชิงถ่อมตน จากนั้นจึงกล่าวเข้าประเด็นทันทีเพราะกังวลว่าจะมีผู้ใดมาพบเห็นเข้า
"เรียนท่านผู้อาวุโสทั้งสอง การที่ผู้เยาว์ลอบเข้ามาในพรรคนั้นต้องอภัยแก่การกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ แต่ผู้เยาว์มีเรื่องรบกวนให้ผู้อาวุโสทั้งสองช่วยเหลือ"
อี้หลงเทียน ลูบเคราเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ
"โฮะ โฮ้.. ผู้ที่กล้าเป็นศัตรูอย่างโจ่งแจ้งกับพรรคป้อมอัคคีด้วยตัวคนเดียว ยังจะมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลืออีกหรือ?"
แม้จะคล้ายการพูดประชดประชัน แต่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแป้น สายตาที่มองเล้งซานอย่างอ่อนโยน จึงเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวที่เอ็นดูลูกหลานเพียงเท่านั้น เล้งซาน ฉีกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย พร้อมกล่าว
"ผู้เยาว์มีแผนจะทำลายชื่อเสียงของพรรคป้อมอัคคีสักเล็กน้อยในการประลอง จึงใคร่ขอความช่วยเหลือจากพรรคของผู้อาวุโส ขอให้รับข้าเป็น 1 ใน 3 สมาชิกรุ่นเยาว์ของพรรคท่าน โดยผู้เยาว์จะแปลงโฉมอย่างมิดชิดมิให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคท่านและพรรคป้อมอัคคีเป็นแน่"
อี้หลงเทียนพยักหน้าเล็กน้อย แต่อี้หลงหู่กลับขมวดคิ้วขึ้น พร้อมกล่าว
"การเป็นตัวแทนพรรคเข้าประลองผลของการประลองที่ออกมา จะหมายถึงชื่อเสียงทั้งหมดของพรรคภายในปีนั้นๆ ข้าย่อมไม่ขัดข้องหากเจ้าจะขอเข้าร่วมเป็นตัวแทน เพียงแต่เจ้าไม่มีวิชาของพรรคเราแม้แต่น้อย อีกทั้งข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้ามีพลังลมปราณขั้นใด หากเป็นพลังชั้นสีม่วงอ่อนด้อยของเจ้าเช่นปีก่อน พรรคข้าจะมิกลายเป็นตัวตลกไปหรอกหรือ??"
เล้งซานแสยะยิ้มทันที จากนั้นจึงปลดปล่อยพลังที่ปิดกั้นทั้งหมดออกมา กระจายพลังลมปราณออกจากร่างอย่างท่วมท้น!! ออร่าสีน้ำเงินห่อหุ้มทั่วร่างของเล้งซานอย่างรวดเร็ว
ม่านตาของอี้หลงเทียน และอี้หลงหู่เบิกกว้าง ขนาดพวกมันอยู่ชั้นลมปราณสีเหลืองยังรู้สึกถึงการกดดันของพลังที่พลุ่นพร่านออกมาของเล้งซาน
"ผู้เยาว์ปีนี้ อายุครบ 16 ปี พลังลมปราณอยู่ในชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นที่ 3 หวังว่าจะพอเทียบเคืองตัวแทนของพรรคท่านได้บ้าง ส่วนเรื่องวิชาของพรรคท่านผู้เยาว์ขอให้เวลา 10 วันนี้ ในการฝึกปรือ"
แววตาของเล้งซานเปล่งประกายความเชื่อมั่นของตน ชายทั้งสองถึงกับร่างสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น ในการพบพานอัจฉริยะผู้นี้ ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ปีไต่จากลมปราณสีม่วง กระโดดมาถึงจุดสูงสุดในขั้นต้นของลมปราณชั้นสีน้ำเงิน!!
"ประเสริฐ...ประเสริฐมาก เจ้าสามารถบ่มเพาะพลังมาถึงขั้นนี้ได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เจ้าทำให้ลูกสาวของข้าที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับ 1 ในเมืองเมฆครามกลายเป็นสาวชาวบ้านไปในทันที"
อี้หลงหู่เบิกยิ้มกว้างทันที การมาเหยียบชั้นลมปราณสีน้ำเงินได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก การที่จะส่งมันลงเป็นตัวแทนพรรคนั้นย่อมมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงพรรคขจรไปไกลยิ่งขึ้น
"แต่ว่าเจ้าหนุ่ม การที่เจ้าจะฝึกวิชาของพรรคกระบี่เหินเราใน 10 วันนั้นข้าว่ามันออกจะ ยากจนเกินไปเจ้าอาจไม่สำเร็จกระทั้งขั้นแรกเสียด้วยซ้ำ"
"ท่านผู้อาวุโสโปรดวางใจ ไม่ว่าข้าจะฝึกวิชาของพรรคถึงขั้นใด ข้าจะใช้เพียงสิ่งที่ฝึกฝนได้ ในการประลองเท่านั้น จะไม่ใช้วิชาประจำตัวหรือวิชาของสำนักอื่นเด็ดขาด ถึงแม้จะต้องพ่ายแพ้ก็ตาม"
"อืม...หากเจ้าให้คำมั่นเช่นนั้นข้าก็วางใจ ด้วยพลังลมปราณของเจ้าแม้ไม่ต้องใช้วิชาใดๆก็สามารถเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้ายได้อย่างแน่นอน"
"ขอบคุณผู้อาวุโส ที่ไว้วางใจ ผู้เยาว์จะไม่ทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังอย่างแน่นอน"
เล้งซานประสานมือ โค้งตัวขอบคุณ อี้หลงเทียนก็เดินเข้ามาจับที่ไหล่มันเบาๆเป็นเชิงให้ยืดตัวขึ้นมา พลางกล่าว
"ข้าจะให้หลานข้า อี้หลงหวังสอนวิชาเจ้าเป็นการส่วนตัวก็แล้วกัน นางสำเร็จวิชาทั้งหมดของพรรคแล้ว และยังเข้าใจในเคล็ดวิชาดีกว่าอาจารย์ผู้ฝึกสอนในพรรคเสียอีก จะเป็นการปกปิดตัวตนของเจ้าในอีกทางด้วย"
"ขอบคุณผู้อาวุโส"
"นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เจ้าค่อยเริ่มฝึกก็แล้วกัน ข้าให้เจ้าไปพักที่ห้องเดิมเมื่อคราวก่อนหวังว่าคงไม่คับแคบเกินไป"
"ไม่เลยแม้แต่น้อย อาจจะกว้างขวางเกินไปสำหรับผู้น้อยเสียด้วยซ้ำ" เล้งซานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
เช้าวันถัดมา อี้หลงหวังก็เคาะประตูห้องของเล้งซาน
"เชิญ"
เสียงของเล้งซานดังออกมาจากห้อง อี้หลงหวังจึงผลักประตูเข้าไปเข้า จากนั้นใบหน้าของนางก็แดงก่ำราวกับผลไม้สุกงอม เบิกตากว้างเล็กน้อยและรีบปิดประตูกลับคืนทันที
"เจ้า!! หะ..เหตุใดไม่แต่งกายให้เรียบร้อย" น้ำเสียงของนางดูตื่นเต้นอย่างมากที่พบว่าเล้งซานนั้น ยืนเปลือยท่อนบนอยู่ในห้อง พลางแสยะยิ้มให้นาง
"ก็ข้าพึ่งจะล้างหน้าล้างตาเสร็จ เจ้าก็เข้ามาเองนี่นา"
"แล้วใครใช้ให้เจ้า พูดว่า เชิญ กัน!!"
"อ่อ ข้าเผลอตัวไปหน่ะ ปรกติผู้ชายไม่ได้อายเรือนร่างนี่นา ฮ่าๆ"
เล้งซานหัวร่อชอบใจที่ได้กลับมาแกล้งนางอีกครั้ง ในความจริงด้วยเงินมหาศาลที่มันมี และพลังลมปราณชั้นสีน้ำเงิน มันสามารถไปติดสินบนเป็นตัวแทนพรรคใดก็ได้ภายในเมืองนี้ แต่มันกลับเลือกพรรคกระบี่เหินเนื่องเพราะมันอยากใกล้ชิดกับอี้หลงหวัง (ไอ้แสบบบบ)
"เหอะ!! แต่งตัวให้เรียบร้อย ข้าจะรอด้านนอก เราเหลือเวลาเพียงแค่ 9 วันเท่านั้นที่จะฝึกวิชา"
"จ่ะ รอสักครู่นะ เสียแรงที่ข้าคิดถึงเจ้าจึงได้กลับมาที่นี่ เจ้ากลับใช้น้ำเสียงเย็นชาใส่ข้าซะจริง ข้านี่มันช่างอาภัพนัก"
"เจ้า!! เหอะ!! หยุดกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว รีบๆแต่งตัวเข้าเถอะ"
ถึงจะพูดออกไปเช่นนั้นแต่ในความจริง อี้หลงหวังนั้นหน้าแดงระเรื่อ พลางอมยิ้มเล็กน้อย อยู่ที่หน้าประตู....
......................................................................