ตอนที่ 44 หลี่มู่
"จากนี้จะเอาไงต่อล่ะ เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือนกว่าๆก็จะครบหนึ่งปีที่เจ้าประกาศไปแล้ว ไหนจะต้องเดินทางกลับเมืองเมฆครามอีกร่วม 2 เดือน เวลาแค่เดือนกว่าเจ้าจะบ่มเพาะพลังหรืออย่างไร?" เฟรย่ากล่าวถาม
"2-3 วันนี้ข้าขอนอนพักเฉยๆเอาแรงก่อนดีกว่า ค่อยคิดเรื่องอื่นเมื่อครู่ที่ใช้วิชาอักขระบนร่างกายไป ทำให้ข้ายังไม่อาจใช้พลังลมปราณได้ในช่วงนี้ หากพบเจอสัตว์อสูรชั้นลมปราณสีเขียวหลายๆตัวเข้าดูท่าจะแย่"
เล้งซานหาถ้ำสำหรับใช้พักแรมจากนั้นก็นอนครุ่นคิดถึงวิธีต่างๆที่จะไปจัดการกับพรรคป้อมอัคคี อย่างไรซะการที่มันตัวคนเดียวจะไปบดขยี้พรรคใหญ่เช่นนั้น ยังนับว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างมาก ทันใดนั้นเองแววตาของมันก็เปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง ลุกพรวดขึ้นจากท่าที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา
"จริงสิ!! ข้าในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนแล้วนี่นา ฮ่าๆๆ"
"แตกต่างจากเมื่อก่อน??" น้ำเสียงที่งงงวยของเฟรย่าดังขึ้นเบาๆ
"ใช่แล้ว ตอนนี้ข้ามีขุมทรัพย์มหาศาลจากแร่โลหะคงกระพัน ทุกอย่างย่อมสามารถเดินหน้าด้วยเงิน!!"
เล้งซานตัดสินใจได้ก็ออกจากถ้ำทันที ทั้งๆที่เข้ามานอนไม่ถึง 2 ชั่วยาม มันเลือกที่จะไม่ให้เวลาศูนย์เปล่า ถึงแม้จะยังไม่อาจใช้พลังลมปราณได้ แต่ด้วยกล้ามเนื้อแห่งมังกร การจะฝ่าดงสัตว์อสูรในหุบเขาและหนีเอาตัวรอดนั้นก็ไม่นับว่ายากเย็นเกินไป เล้งซานใช้เวลาเดินทางจากชั้น 3 ของหุบเขาหมื่นพฤกษา จนออกด้านนอกใช้เวลาร่วม 40 วัน ตลอดทางยังคงเก็บลูกแก้วดวงจิตอสูรและสมุนไพรออกมามากมาย ด้วยมิติที่กว้างใหญ่ไพศาลของมัน มันเก็บกระทั่งร่างของสัตว์อสูรชั้นลมปราณต่างๆไว้ในมิติหลายสิบตัวสำหรับทำบ่อโลหิตอสูรในอนาคต จนกระทั่งมันกลับมา ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง
เมืองเมฆคราม...
ก่อนเข้าเมืองเล้งซานให้วิชาแปลงโฉมที่เรียนมาจากเฟรย่า เปลี่ยนใบหน้าตนเองกลายเป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ 35 ปี แต่ยังคงมีใบหน้าที่หล่อเหลาสะท้านหัวใจเหล่าสตรีน้อยใหญ่ภายในเมือง
ในคราแรกที่เข้ามานั้นเล้งซาน ได้ทำการขายเม็ดยาโอสถต่างๆซึ่งคุณภาพจากเม็ดยาของเล้งซานนั้นมากกว่าท้องตลาดทั่วไปหลายสิบเท่า!! จึงทำให้เม็ดยาโอสถของมันเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว โดยมันบอกกับลูกค้าทุกคนว่ามันมาจากทวีปอื่น สูตรยาจึงแตกต่างจากที่นี่มากนัก
ด้วยคารมที่คมคาย น้ำเสียงที่ไพเราะ กิริยาที่สง่า รูปที่องอาจ ใบที่หน้าหล่อเหลา ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ถูกหล่อหลอมออกมากลายเป็นอีกบุคลิกหนึ่งในทันที เป็นสุภาพบุรุษผู้มาจากต่างแดน โดยใช้นามว่า หลี่มู่ เวลาเพียง 7 วันมันสามารถทำให้สาวๆในเมืองคลั่งไคล้ และเม็ดยาโอสถของมันนั้นถูกเรียกว่า ยาโอสถเทวดา
เล้งซานใช้เวลาไม่นานมาก แต่ด้วยราคาเม็ดยาโอสถของมันถูกตลาดดีดขึ้นจนสูงแตะเพดานฟ้าจึงสามารถซื้อร้านขายยาเป็นของตัวเองได้
เล้งซานกว้านซื้อสมุนไพรมากมาย นำมาปรุงยาได้กำไรมากกว่าต้นทุนหลายสิบเท่า การค้าของมันเจริญรุ่งเรืองภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน เล้งซานมีเงินมากกว่า 5 ล้านเหรียญทอง
ใช้เวลา 1 เดือนในการเริ่มจากศูนย์จนตอนนี้มันกลายเป็นพ่อค้าระดับกลางในเมืองเมฆคราม หากมันทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ในเวลาไม่เกิน 1 ปี ย่อมสามารถเป็นผู้ร่ำรวยเทียบเคียงพรรคใหญ่ทั้ง 3 ในเมืองเมฆครามได้ไม่ยากเย็นนัก แต่...สำหรับเล้งซานมันถือว่าช้าเกินไป!!
เล้งซาน จ้างคนงานหลายสิบคนช่วยดูแลกิจการในร้าน ส่วนมันนั้นเก็บตัวอยู่ภายในห้อง เล้งซานนำแร่โลหะคงกระพันออกมาส่วนหนึ่ง กองที่ด้านหน้าของมัน
"เจ้าจะทำอาวุธอักขระหรือ??" เฟรย่าสอบถาม
"ก็ว่าจะทำเช่นนั้นนะ ข้าว่าจะทำอาวุธอักขระออกขาย 3-4 ชิ้น จากที่ข้าได้สำรวจราคาอาวุธอักขระในปัจจุบันนี้ มันมีน้อยอย่างมากขนาดพรรคใหญ่อย่างป้อมอัคคียังมีครอบครองเพียง 3 ชิ้น พรรคขนาดกลางมีพรรคละ 1 ชิ้น บางพรรคนั้นไม่มีเสียด้วยซ้ำไป ราคาของมันจึงสูงเสียดฟ้า ขนาดอาวุธอักขระชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นต่ำสุด ยังมีราคาถึง 10 ล้านเหรียญทองเป็นอย่างน้อย"
"หากเจ้านำออกขาย ไม่กลัวว่ามันจะกลายเป็นดาบมาสังหารตัวเจ้าเองหรือ??"
"นั่นแหละคือสิ่งที่ข้ากังวลอยู่ ในคราแรกข้าตั้งใจจะเอามันไปที่ร้านประมูล แต่ก็กลัวว่าพรรคป้อมอัคคีจะได้มันไป"
"แล้วเจ้าจะทำยังไง"
เล้งซานครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่นานนักแววตาของมันก็สาดส่องเปล่งประกายความชั่วขึ้นอีกครั้ง และแสยะยิ้มออกมา
"ข้าก็แค่ทำให้มันไม่มีเงินซะ มันก็ซื้ออาวุธอักขระของข้าไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆ"
"ด้วยวิธีใด??"
"หึหึ ประเดี๋ยวท่านก็รู้"
เล้งซานนำแร่โลหะคงกระพันมาหลอมด้วยเพลิงแห่งมังกร จนมันค่อยๆเปลี่ยนรูป ตามที่เล้งซานตั้งใจไว้ มันคือรูปร่างของขามนุษย์!! เมื่อเสร็จสิ้นการหลอม เล้งซานก็นำลูกแก้วดวงจิตชั้นสีน้ำเงินออกมา 1 เม็ด ผสมกับเลือดของมันและเขียนอักขระบางอย่างลงไป มันคืออักขระที่มีพลังในการยืดหยุ่น พูดง่ายๆก็คือ เล้งซานได้สร้างขาเทียมขึ้นมา!!
การนำแร่โลหะคงกระพันมาทำขาเทียบเช่นนี้ นับว่าสูญเสียมูลค่าของมันอย่างมาก แต่ด้วยจำนวนที่เล้งซานครอบครองอยู่ แม้จะทำสักสิบแขน สิบขา และโยนทิ้งก็ยังไม่ถือว่าเดือดร้อนแต่อย่างใด
จากนั้นเล้งซานก็ตรงไปที่พรรคป้อมอัคคีทันที...
ณ พรรคป้อมอัคคี ด้วยชื่อเสียงของ หลี่มู่ นักปรุงยาโอสถเทวดา ทำให้เล้งซานได้รับการต้อนรับอย่างดีภายในพรรค แม้แต่ซูซ่งหยู ผู้นำพรรคป้อมอัคคียังออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
"โอ้... นับเป็นเกียรติของพรรคป้อมอัคคีจริงๆที่ท่าน หลี่มู่ นักปรุงยาเทวดา มาเยี่ยมเยือนข้าถึงที่นี่"
ซูซ่งหยู ยกประสานมือให้แก่เล้งซาน
"ย่อมเป็นเกียรติของข้ามากกว่าที่ผู้นำพรรคอันดับ 1 ของเมืองเมฆครามออกมาต้อนรับข้าด้วยตนเองเช่นนี้"
เล้งซาน ยกประสานมือขึ้นตอบรับ ภายในใจกลับหัวร่ออย่างชอบใจ ที่ผู้นำพรรคป้อมอัคคี ต้อนรับศัตรูดิบดีถึงเพียงนี้
"ฮ่าๆ ท่านหลี่มู่ กล่าวเกินไปแล้ว ในเมืองยังมีพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน และพรรคกระบี่เหิน ที่เพียงพอให้ถูกเรียกว่าพรรคอันดับ 1 มากกว่าพรรคข้าเสียอีก"
"ข้าไม่คิดเช่นนั้นข้าว่าพรรคของท่านเหมาะสมมากกว่าเสียอีก ขนาดห้องรับแขกยังประดับประดาไปด้วยอัญมณีมากมายเช่นนี้ คำว่าพรรคอันดับ 1 มิได้กล่าวเกินเลยแม้แต่น้อย"
"ฮ่าๆ ท่านหลี่มู่ก็ชมเกินไป ว่าแต่เหตุผลที่ท่านมาเยือนข้าถึงพรรคเช่นนี้ มีธุระอะไรให้ข้าช่วยรึ หรือหากท่านอยากผูกขาดการขายยาโอสถเทวดาแก่พรรคป้อมอัคคีของข้า ข้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง" ซูซ่งหยู่แสยะยิ้มเล็กน้อย
'เจ้าแก่นี่ มันร้ายจริงๆ ยิงเข้าประเด็นธุรกิจทันที ดี!! ข้าจะให้เจ้าทำธุรกิจกับข้าอย่างแน่นอน ฮ่าๆๆ'
เล้งซานนึกในใจ พร้อมกล่าว..
"โอ้...ต้องขออภัยในเรื่องนั้นข้าคงมิอาจทำได้ เพราะข้าได้ให้สัญญาการค้าแก่ตัวแทนสมาคมพ่อค้าในเมืองไปเสียแล้ว ข้าพึ่งมาตั้งหลักปักฐานที่เมืองนี้ไม่นานหวังว่า ท่านซู จะเข้าใจข้า"
"เป็นเช่นนี้เอง ฮ่าๆ ข้าต้องขออภัยที่ทำให้ลำบากใจ" ซูซ่งหยูแกล้งหัวร่อ กลบเกลื่อน ซึ่งในความจริงมันทราบนี้ดีอยู่แล้ว
เล้งซานเริ่มตีสีหน้าจริงจังเพื่อเข้าประเด็นที่มันต้องการ
"ข้าทราบมาว่า น้องชายของท่านได้รับบาดเจ็บเมื่อปีก่อน ทำให้เสียขาและแขนไปหนึ่งข้างใช่หรือไม่??"
เมื่อเล้งซานกล่าวจบ รอยยิ้มบนในหน้าของซูซ่งหยู่หายไปในทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนสำหรับมันมาก เพราะน้องชายของมันซูจ้าว ในทุกวันนี้หมดอาลัยตายอยากอย่างที่สุด เนื่องด้วยอดีตเป็นอาวุโสพรรคป้อมอัคคีที่ผู้คนทั่วทั้งเมืองต้องก้มหัวให้มัน แต่บัดนี้กลายเป็นคนพิการเสียแขน เสียขา ด้วยฝีมือของผู้เยาว์เพียงคนเดียว เป็นตัวตลกตัวหนึ่งภายในเมืองไปในชั่วข้ามคืน จนมันพยายามฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง แต่โชคดีที่ถูกช่วยไว้ในทันท่วงที จนตอนนี้แทบจะต้องมีคนเฝ้าตลอดเวลา
"เป็นดังที่ท่านพูด เหตุใดท่านถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา"
"เรียนตามตรงนะท่านซู เมื่อหลายปีก่อนข้าเคยเข้าไปยังสุสานโบราณพันปี และพบอาวุธอักขระชิ้นหนึ่งภายในนั้น แต่ว่ามันมิใช่อาวุธอักขระธรรมดา มันสามารถทำให้คนที่สูญเสียขาไป กลับมาเดินได้ราวกับคนปรกติ โดยไม่ต้องใช้แม้แต่ไม้เท้า"
ซูซ่งหยู เบิกตากว้างขึ้นทันที พร้อมลุกขึ้นยืนเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเล้งซาน
"ทะ...ท่าน บอกว่ามีอาวุธอักขระที่ทำให้เดินได้ปรกติ"
"ใช่แล้ว"
เล้งซาน เปิดแหวนมิติ มันพกแหวนมิติติดตัวไว้ตลอดเพื่อมิให้ผิดสังเกตเวลาเปิดมิติของมัน จากนั้นก็หยิบขาเทียมที่มันทำออกมา วางไว้ด้านหน้าของ ซูซ่งหยู
"นี่คืออาวุธอักขระ ชื่อว่า ขาแห่งเทพ แข็งแกร่งอย่างมากด้วยโลหะคงกระพัน อาวุธธรรมดาสามัญไม่อาจทำให้มันบุบสลาย อักษรอักขระของมันก็มีความพิสดารอย่างมากมันไม่ใช่ทั้ง 7 รูปแบบอักขระที่มีการใช้งานในปัจจุบัน เป็นอักษรอักขระในตำนานที่ยังไม่ถูกค้นพบ มันมีพลังในการยืดหยุ่นทำให้แม้จะเป็นโลหะ แต่ก็สามารถบังคับได้ราวกับกล้ามเนื้อของตน"
ร่างของ ซูซ่งหยู สั่นสะท้านขึ้นมาทันที ยิ่งได้ยินว่าเป็นอักษรอักขระที่ยังไม่ถูกค้นพบ ยิ่งทำให้มันขนลุกเกรียวขึ้นทั้งตัว จากความตื่นเต้น
"แล้วการที่ท่านนำออกมาให้ข้าเช่นนี้ หมายความว่าท่านต้องการจะขายมันสินะ ข้าย่อมยินดีซื้อแน่นอน จะสิบหรือยี่สิบล้านก็ขอให้ท่านกล่าวมาได้เลย!!"
เล้งซาน แสยะยิ้ม แต่ก็รีบยุบทันทีเพื่อมิให้มีใครได้สังเกต จากนั้นมันพลางส่ายหน้าเล็กน้อย
"เรียนตามตรงนะท่านซู ขาแห่งเทพ นี่ถูกจับจองไว้แล้วโดยเจ้าเมืองใหญ่ท่านหนึ่ง และข้ามิอาจเอ่ยนามท่านได้ด้วยสัญญาทางการค้า แต่ว่าเจ้าเมืองท่านนั่นจู่ ๆ ก็ขอยืดเวลาออกไปอีก 2-3 รอบแล้ว ข้าจึงสามารถมีข้ออ้างในการเสนอขายแก่ผู้อื่นได้ ด้วยราคาที่ทางนั้นเสนอมาหากท่านสามารถให้ข้าได้มากกว่านั้นละก็....." เล้งซานหรี่ตาเล็กน้อย
"เชิญท่านกล่าวมาได้เลย ว่าทางนั้นเสนอท่านมาเท่าใด" ซูซ่งหยูนั้นกล่าวอย่างมั่นใจในฐานะของพรรคมันอย่างมาก
"สองร้อยล้านเหรียญทอง!!"