ตอนที่ 42 ยอมโง่งมเพื่อตระกูล
มังกรสุริยัน เดินนำเล้งซานเข้ามาในถ้ำหลายสิบลี้ เส้นทางค่อยๆลาดลงและคล้ายจะเป็นทางวนลงไปที่ด้านล่าง แทบไม่น่าเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้มีความลึกลับถึงเพียงนี้ จนเวลาร่วงเลยมาเกือบ 2 ชั่วยาม ก็พบซากของมังกรขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามังกรตัวผู้อย่างน้อย 3 เท่า เป็นซากศพที่คาดว่าจะตายมาเนิ่นนานแล้ว แต่ด้วยความแข็งแกร่งของผิวหนังมังกรจึงบุบสลายไปเพียงเล็กน้อยแต่กลับกลายเป็นซากที่คล้ายกับการกลายเป็นหินแทน
"นี่คือซากศพของบรรพบุรุษข้า ท่านนั้นเป็นหนึ่งในบริวารของราชันย์มังกรฟ้า เมื่อหลายหมื่นปีก่อน หลังจากการจากไปของราชันย์ท่านก็บินมาที่ทวีปแห่งนี้และตายลงเมื่อนานมาแล้ว น่าแปลกที่ซากศพของท่านมิได้สูญสลายไปเช่นเดียวกับมังกรตัวอื่นๆ แต่กลับกลายเป็นหินแทน"
เล้งซานประสานมือ โค้งคำนับซากศพเล็กน้อย
"เช่นนั้นท่านมังกรสุริยัน ท่านให้ข้าตามมา ณ สถานที่แห่งนี้เพราะเหตุใด??"
"ข้าจะมอบลูกแก้วดวงจิต ของบรรพบุรุษข้าให้แก่เจ้า อย่างน้อยก็จะทำให้ท่านบรรพบุรุษได้เข้าใกล้ราชันย์ของท่านเพียงเล็กน้อยก็ยังดี"
เล้งซานเบิกตากว้างทันที มันมิคาดคิดมาก่อนว่ามังกรสุริยันตัวนี้ จะยอมมอบสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่มัน ถึงแม้ลูกแก้วดวงจิต จะไม่มีประโยชน์อันใดแก่มังกรสุริยันก็ตามแต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
มังกรสุริยัน ใช้ขาหน้าที่ทรงพลังของมันทำลายทรวงอกของซากศพในทันที
ตูม!!
หินบริเวณหน้าอกของซากศพแตกออก และมองเห็นแสงสีเรืองรองออกมาจากบริเวณนั้น เล้งซานเบิกตากว้างในทันที มือและเท้าของมันสั่นเทาไปด้วยความตื่นเต้น
"ดะ...ดวงจิตชั้นลมปราณสีแดง!!!"
"อืม...บรรพบุรุษของข้าคือจุดสูงสุดแห่งสายพันธุ์มังกรในอดีต เป็นรองเพียงราชันย์มังกรฟ้าเท่านั้น ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้าเป็นสิ่งตอบแทนในการช่วยภรรยาและบุตรของข้า"
เล้งซานค่อยสูดลมหายใจเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินไปหยิบลูกแก้วดวงจิตสีแดงขึ้นมา แสงสาดส่องสีแดงทำให้ถ้ำที่มืดมิดส่องสว่างขึ้นทันที เล้งซานยิ้มอย่างปลื้มปิติ จากนั้นจึงเก็บลูกแก้วดวงจิตเข้าไปในแหวนมิติของมัน
จากนั้นทั้งคู่ก็กลับมายังปากถ้ำอีกครั้ง มังกรตัวเมียยังคงจ้องมองลูกของมันอย่างมีความสุข แต่ก็มิได้เข้าไปคลอเคลียใกล้ๆแต่อย่างใดเนื่องด้วยคำเตือนของเล้งซาน
เล้งซานเห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจเล็กน้อย การที่มันไม่ให้มังกรทั้งสองเข้าไปคลอเคลียลูกของมันนั้นมิใช่ว่าจะกลัวลูกมันติดเชื้อแต่อย่างใด เหตุผลเดียวคือมันกลัวว่าทั้งสองตัวจะไปเห็นตราประทับที่มันทำไว้ใต้หางของลูกมังกรก่อนที่มันจะได้หลบหนีไป
"เปลือกคราบที่พวกข้า ลอกคราบทิ้งไว้เจ้ามีปัญญาเอาไปได้เท่าไหร่ก็เอาไป แต่อย่าคิดว่าจะมาเอาได้ในคราวหลัง หากข้าพบเจ้าที่นี่อีกครั้งข้าจะสังหารเจ้าโดยไม่ลังเล!!"
สายตาแข็งกร้าวของมังกรสุริยัน สาดส่องกระทบมายังร่างของเล้งซาน มันขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเช่นนี้ก็เพียงพอทำให้มันรู้สึกอึดอัดแล้ว เล้งซานรีบโค้งตัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณจากนั้น ก็เดินไปที่เปลือกคราบแร่โลหะคงกระพันด้านหลังถ้ำ มันนั่งลงพิจารณาเล็กน้อย ด้วยแหวนมิติของมันไม่สามารถนำแร่พวกนี้ออกไปได้ หนึ่งในพันส่วนเสียด้วยซ้ำ
'ข้าต้องสร้างแหวนมิติขึ้นมา!!'
แหวนมิตินั้น จริงๆแล้วคือแร่โลหะคงกระพันขนาดเล็ก ที่ลงอักขระสร้างมิติไว้โดยอักขระชั้นสีน้ำเงิน จะสามารถสร้างมิติได้ขนาด 1 ลูกบาสก์เมตร หากชั้นสีเขียวจะได้ราว 100 ลูกบาศก์เมตร และเพิ่มขึ้น 100 เท่าทุกครั้งที่เลื่อนชั้นอักขระขึ้นไป
เล้งซานนั่งพิจารณา ใคร่คิดทบทวนซ้ำไป ซ้ำมาอยู่ถึง 3 วัน เหตุผลที่มันครุ่นคิดนานถึงเพียงนี้ก็เพราะว่า...มันตัดสินใจใช้ลูกแก้วดวงจิตสีแดง เพียงเพื่อสร้างแหวนมิติเท่านั้น!!
'เอาวะ!! ยังไงซะการจะก่อตั้งตระกูลขึ้นมาใหม่ ทรัพยากรนั้น สำคัญเหนือกว่าพลังฝีมือ!!'
เล้งซาน ใช้พลังปราณอัคคีแห่งมังกร หล่อหลอมแร่โลหะคงกระพันออกมาส่วนหนึ่ง ซึ่งในความจริงแล้วการจะหล่อโลหะคงกระพันนั้นจำเป็นต้องใช้ความร้อนหลายพันองศา แต่สำหรับอัคคีแห่งมังกรแล้วนับว่าง่ายดายอย่างมากเพียงแต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะเท่านั้นเอง เล้งซาน หลอมแร่โลหะคงกระพันออกมาเป็นรูปแท่งเหล็กขนาดเท่านิ้วก้อย
จากนั้นหยิบลูกแก้วดวงจิตสีแดงออกมาจากแหวนมิติ ผสมกับเลือดของตนใช้วิชาอักขระกำกับลงบนแท่งเหล็กทันที แสงสีแดงจากอักขระสาดส่องสว่างไปทั่วบริเวณถ้ำ แท่งเหล็กนี้มีคุณสมบัติเดียวกับแหวนมิติทั่วไป จะแตกต่างกันก็เพียงรูปร่างเท่านั้น และที่สำคัญแท่งเหล็กนี้ถูกเขียนโดยอักขระชั้นสีแดง มิติที่สามารถเปิดนั้นย่อมเท่ากับ 100,000,000 ลูกบาสก์เมตร!! มันเพียงพอให้เล้งซาน ยกคฤหาสน์ไปไหนมาไหนได้เสียด้วยซ้ำ
จากนั้นเล้งซาน กรีดแผลลึกที่ด้านในของแขนซ้ายเป็นแผลยาว แล้วก็เอาแท่งเหล็กนี้ยัดเข้าไปในบาดแผลนั้น!! นับว่าเป็นภาพที่ไม่น่าดูชมแม้แต่น้อย ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นย่อมสุดพรรณนา แต่สีหน้าของเล้งซานกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยในขณะที่กระทำการเช่นนั้น นั่นเพราะว่าความเจ็บปวดระดับนี้หากเทียบกับการลงบ่อโลหิตอสูรแล้ว ย่อมไม่ต่างจากการโดนยุงกัด เมื่อฝังเข้าไปจนมิดชิด มันก็ทำการปิดปากแผลทันที พลางทดลองยกแขนขึ้นโบกสะบัดเล็กน้อย
'รู้สึกขัดๆนิดหน่อย แต่อีกไม่นานคงจะเคยชินไปเอง'
เหตุผลที่ เล้งซาน จำต้องทำถึงเพียงนี้ก็เพราะว่าเพื่อมิให้แสงสีแดงของอักขระสาดส่องขณะเปิดใช้มิติไม่เช่นนั้นแล้ว แสงของอักขระขั้นสีแดงอาจทำให้ผู้ที่พบเห็นต้องตกใจจนตายก็เป็นได้ กับการที่มีคนโง่งมถึงขั้นนำลูกแก้วดวงจิตชั้นสีแดง มาใช้ทำมิติเพื่อเก็บของ!! หากนำมาทำอาวุธอักขระมันจะกลายเป็นสุดยอดศาสตราวุธชั้นสูงสุด เหตุผลอีกข้อคือมันสามารถป้องกันการช่วงชิงจากศัตรูได้ เมื่อถูกฝังอยู่ในร่างกายย่อมมิใช่เรื่องง่ายที่จะมีใครขโมยไปจากมัน
เมื่อเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้น เล้งซานก็กวาดแร่โลหะคงกระพันภายในถ้ำใส่ลงมิติของมันในทันที จากนั้นก็ขึ้นไปบนหน้าผา และนำเถาวัลย์มาต่อกันเรื่อย ๆ จนสามารถลงมาที่ชายฝั่งด้านล่างสุดของเหวลึกนี้ เล้งซานโดดลงไปในมหาสมุทรทันที และค่อยๆดำลงไปเพียงไม่กี่อึดในก็พบกับแร่โลหะคงกระพันจำนวนมากมายมหาศาล มากกว่าภายในถ้ำหลายร้อยเท่า!! จากจำนวนที่พบอย่าพูดถึงการสร้างอาวุธอักขระเลย แม้ต้องการสร้างบ้านอักขระยังสามารถสร้างได้หลายสิบหลัง!!
เล้งซานกวาดเอาทั้งหมดลงในมิติของมันโดยทันที จำนวนมหาศาลของแร่โลหะคงกระพันเช่นนี้ รวมกับวิชาอักขระกำกับของมัน หากทำอาวุธอักขระขาย ย่อมสามารถสร้างเงินที่กองเทียบเท่าภูเขาได้อย่างง่ายดาย
ความปลื้มปิติ เอ่อล้นขึ้นภายในจิตใจของเล้งซาน ความหวังที่มันจะก่อตั้งตระกูลจะขยับเข้ามาอีกหลายก้าวใหญ่ๆ ด้วยเงินทองที่มหาศาล มันค่อยๆปีนเถาวัลย์ขึ้นไปจนมาถึงปากถ้ำ เมื่อมองผ่านเข้าไปภายในถ้ำ ใบหน้าของเล้งซานบิดเบี้ยวไปในทันที
'มารดามันเถอะ!! ลูกมังกรมันฟื้นแล้ว!!'
ภาพที่เห็นคือมังกรน้อยกำลังร้องราวกับเด็กทารก ที่พึ่งตื่นนอนโดยมีพ่อและแม่ของมันค่อยๆเลียร่างกายของลูกน้อยอย่างทะนุถนอม เล้งซานไม่หยุดดูต่ออีกต่อไป มันรีบสาวเถาวัลย์ดึงร่างของมันขึ้นไปบนหน้าผาอย่างรวดเร็ว จากนั้นดึงลูกแก้วดวงจิตสีน้ำเงิน 2 เม็ดออกมา จากมิติเขียนอักขระลงบนขาทั้งสองข้างทันที
จากนั้นโกยอ้าวด้วยพลังสิบส่วนเต็ม!!
...........................................