ตอนที่แล้วภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 299 เจ้าสำนักแห่งสำนักเต๋าลี่ฉุ่ยเหวิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 301 อาสาสมัคร

ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 300 แทรกซึม (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

หากใช้เหตุผลในการมองเหตุการณ์นี้ เขาควรจะหนีไปตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าอ่อนแอกว่าศัตรู การเก็บเทพอสูรไว้ให้มีชีวิตนั้นดีกว่าในระยะยาว แต่ว่าเมิ่งชวนรู้สึกประทับใจในตัวเหวินฟางมาก

“เจ้าสำนัก?”

“เจ้าสำนักเหวิน” มีคนนับสิบที่กล้าวิ่งเข้ามาหา

เมิ่งชวนกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนัก?”

“ข้าสร้างสำนักเต๋าขึ้นมาในเขาลี่ฉุ่ยและสอนวิชายุทธให้เหล่าเด็กๆขอรับ” เหวินฟางอธิบาย เขาโบกมือให้คนเหล่านั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามา พวกเขายินดีที่ได้เห็นเจ้าสำนักเหวินฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ในเขาลี่ฉุ่ยแห่งนี้ เจ้าสำนักเหวินนั้นมีชื่อเสียงพอสมควร

“ด้วยพลังระดับเจ้า การจะสร้างสำนักเต๋าในเมืองก็คงไม่เป็นเรื่องยากนี่?” เมิ่งชวนถาม

“ในเมืองมีจอมยุทธอยู่แล้วมากมาย พวกเขาไม่ต้องการข้าหรอกขอรับ แต่ที่แห่งนี้ต้องการข้า” เหวินฟางยิ้ม

“เจ้ามีตระกูลหรือครอบครัวหรือเปล่า?” เมิ่งชวนถาม

หายากนักที่เทพอสูรจะยอมปักหลักอยู่ในภูเขาเพื่อมนุษย์แสนคน

เหวินฟางหัวเราะ “ภรรยาและลูกๆของข้าต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เหล่าคนในตระกูลของข้าเองก็อยู่ในเมืองหลวงด้วยเช่นกัน พวกเขาอยู่ดีกินดีไม่มีเรื่องต้องห่วง สิ่งเดียวที่ข้าเสียใจคือ… การที่ข้าไม่สามารถอยู่กับภรรยาและลูกๆได้ พวกเขาเองก็รู้ดีว่าชีวิตของตนนั้นดีกว่ามนุษย์จำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ”

“ในยุคนี้ ราชาอสูรมากมายบุกเข้ามาในโลกมนุษย์ของเรา ไม่ใช่ลือกันว่าราชาอสูรนับล้านจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างนั้นรึ? ข้าเป็นเพียงเทพอสูร แต่ข้าไม่ได้มีส่วนมากนักในแผนการขนาดใหญ่เช่นนี้ หากข้าสามารถปกป้องพื้นที่แห่งนี้ได้ ข้าก็จะทำ” เหวินฟางกล่าว

เมิ่งชวนมองดูผู้คนที่อาศัยอยู่ในหุบเขาและเทือกเขา มีผู้คนมากมายอาศัยอยู่ในเขาแห่งนี้

“เจ้าทำอะไรให้พวกเขาไว้มากเลยล่ะ” เมิ่งชวนกล่าว

“ข้าเพียงอยากมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเท่านั้นขอรับ” เหวินฟางกล่าวยิ้มๆ “แต่ข้าเทียบกับท่านไม่ได้หรอก ท่านช่วยเหลือมวลมนุษย์ไว้มากกว่าอีก เฟิงโหวตงหนิง”

“ฮ่าๆ ข้าเองก็พยายามทำเท่าที่ทำได้ จะว่าไปแล้ว สิ่งของของราชาอสูรตนนั้นอาจช่วยเหลืออะไรเจ้าและเหล่ามนุษย์ในเขาลี่ฉุ่ยนี้ได้ ข้าจะทิ้งมันไว้ให้เจ้าก็แล้วกัน”

เพียงพูดจบ เมิ่งชวนก็หายไปในพริบตา

ชายหนุ่ม เหวินฟาง เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เก็บร่างของราชาอสูรโดยไม่ได้แย้งอะไรออกมา

….

ยามค่ำคืน คลื่นทะเลซัดสาดเบาๆ

เหนือน้ำทะเลมีประตูพิภพเล็กๆที่กว้างประมาณร้อยจั้ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีประตูพิภพขนาดกลางและเล็กจำนวนมากปรากฏขึ้นมา ประตูพิภพขนาดเล็กอันนี้นั้นเกิดขึ้นเมื่อแปดปีก่อน มนุษย์ไม่เคยส่งเทพอสูรมาป้องกัน หากเทพอสูรถูกส่งไปป้องกันประตูพิภพเป็นจำนวนมาก ส่วนมากก็คงจะตายเป็นแน่ ดังนั้นมนุษย์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลิิกป้องกันประตูพิภพจำนวนมาก

ฟุบ

ชายชุดสีเหลืองหน้าตาดูหล่อเหลาพุ่งออกมาจากประตูพิภพขนาดเล็ก มีพลังที่มองไม่เห็นปกคลุมรอบตัวเขา กระทั่งราชันเทพอสูรก็ยังพบตัวเขาได้ยาก เขายิ้มก่อนจะมองไปรอบๆและสูดอากาศเข้าไป

“โลกมนุษย์รึ? ในที่สุดข้าก็มาถึงโลกมนุษย์นี่สักที ข้าต้องหาที่เพิ่มระดับขึ้นเป็นระดับสี่ก่อน จากนั้นค่อยไปหาเก้าอเวจีกับเป่ยกวน” ชายชุดสีเหลืองเดินลงไปยังทะเลอันกว้างใหญ่

สองชั่วยามต่อมา ถ้ำสวรรค์ของราชาอสูรเก้าอเวจี

“พี่หวงเหยา” ราชาอสูรเก้าอเวจีและชายชุดดำต้อนรับเขา “เก้าอเวจี ข้ามาหาที่หลบอยู่กับเจ้า” ชายชุดเหลืองกล่าวยิ้มๆ กระแสพลังของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เข้ามาในโลกมนุษย์มาก หลังจากที่ขึ้นไปถึงระดับสี่ได้สำเร็จ

ราชาอสูรเก้าอเวจียิ้ม “พวกเราเสียเปรียบมากในโลกมนุษย์ พลังที่เรามีในตอนนี้นั้นยังอ่อนแอไป เจ้าช่วยเพิ่มกำลังใจให้พวกเราได้มากกับการที่เข้ามาที่โลกมนุษย์”

“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ช่องว่างพิภพเกิดขึ้นมาแล้วและมันกำลังก่อตัวอยู่” ชายชุดเหลืองกล่าวยิ้มๆ “ผลลัพท์มันเห็นได้ชัดแล้ว ยิ่งสงครามนี้ยื้อออกไปมากแค่ไหน ช่องว่างพิภพก็จะเสถียรมากขึ้นเท่านั้น ความได้เปรียบของแดนอสูรเราก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

“ปราชญ์อสูรจำนวนมากรู้ดีว่าจะหาผลประโยชน์จากสถานการณ์นี้อย่างไรดี ก่อนที่ช่องว่างพิภพจะเกิดขึ้น ปราชญ์อสูรจำนวนมาก มีเพียงแค่เจ้าทั้งสองที่เข้ามายังโลกมนุษย์ผ่านการเปลี่ยนร่าง พอคราวนี้ช่องว่างพิภพปรากฏขึ้นมา ปราชญ์อสูรจำนวนมากคงต้องการเข้ามาในโลกมนุษย์อย่างแน่นอน” ชายชุดเหลืองกล่าว

“จากที่ข้ารู้มา ปราชญ์อสูรหลายตนกำลังหาร่างที่เหมาะสม ข้าแค่เร็วกว่าก็เท่านั้น”

ปราชญ์อสูรเก้าอเวจีและชายชุดดำพยักหน้าน้อยๆ พวกมันเองก็เข้าสถานการณ์ในตอนนี้

“แต่ว่าการจะให้ข้ากลับไปถึงระดับปราชญ์อสูรได้มันก็ยาก” ชายชุดเหลืองกล่าวต่อ “คงจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึง คงจะดีมากหากข้าสามารถกลับไปมีพลังเหมือนดังเก่าหลังจากใช้เวลาอยู่ที่นี่สักร้อยปี”

“ใช้เวลาได้ตามใจ ไม่จำเป็นต้องรีบ” ปราชญ์อสูรเก้าอเวจีกล่าว

เป่ยกวนนั้นโด่งดังในเรื่องวิชาลึกลับมากมาย มันนั้นต่อสู้โดยตรงไม่เก่งนัก แต่หวงเหยานั้นเก่งกาจในการต่อสู้โดยตรงเป็นอย่างมาก ขอบเขตระดับวิชาของมันนั้นสูงมาก แม้ด้วยร่างของราชาอสูรระดับสี่เช่นนี้ มันก็ยังสามารถปล่อยพลังของราชาอสูรระดับห้าออกมาได้ มันจะไร้เทียมทานสำหรับผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับสรรค์สร้างหากมันกลับมามีพลังดังเดิม มันจะไม่ด้อยไปกว่าเก้าอเวจีแม้แต่น้อย

“หลังจากเปลี่ยนมาร่างเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงฟื้นฟูความแข็งแกร่งอย่างช้าๆ แม้ว่าพละกำลังจะลดลงอย่างมหาศาลแต่ก็ยังมีประโยชน์” ชายชุดเหลืองกล่าว แววตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น “พวกเราสามารถไปที่ช่องว่างพิภพได้”

ชายชุดดำกล่าวเรียบ “มีเพียงราชาอสูรระดับห้าและต่ำกว่าเท่านั้นที่สามารถเข้าประตูพิภพได้ แน่นอนว่าหลังจากที่พวกเราเปลี่ยนมาร่างใหม่ เราสามารถเข้าประตูพิภพได้ แต่พวกเราทั้งคู่ยังเป็นระดับสี่อยู่ในตอนนี้ หากพวกเราพบกับราชาเทพอสูรเข้า พวกเราคงจะตายอย่างแน่อน”

“ข้าจะเข้าหลังจากที่ไปถึงระดับที่ห้า” ชายชุดเหลืองกล่าว

“ระบบการฝึกฝนของเทพอสูรนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเอกอาจารย์คังหยวนชู มันแข็งแกร่งกว่าระบบการฝึกฝนของอสูรอย่างเรา” ชายชุดดำกล่าว “หากสู้กับราชันเทพอสูรระดับสูง ถึงเจ้ากับข้าจะกลับไปถึงระดับห้าได้ พวกเราก็อาจเทียบไม่ได้”

“เจ้ากำลังพูดถึงราชันเจินหวู ราชันฉิงยู่ ราชันเฉาเยว่กับคนอื่นๆอยู่อย่างนั้นรึ?” ชายชุดเหลืองกล่าว

ราชันเจินหวูและราชันฉิงยู่นั้นมาจากเขาหยวนชู ราชันฉิงยู่นั้นเป็นเทพอสูรโบราณที่พึ่งตื่นขึ้นมา พวกอสูรยังไม่รู้ว่าเขาหยวนชูมีเทพอสูรโบราณอีกสองคนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าราชันเจินหวูเลยด้วยซ้ำ คนหนึ่งคือเผิงมู่ และอีกคนคือหยุนเจียนไห่ พวกเขานั้นเป็นราชันเทพอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน

ชายชุดดำพยักหน้าและกล่าว “ว่ากันว่าคนเหล่านี้มีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับสรรค์สร้างที่พึ่งถือกำเนิดใหม่ ระบบการฝึกฝนของเทพอสูรเองก็แข็งแกร่งกว่าของพวกเรา แม้เราจะไปถึงระดับห้าได้ พวกเราก็คงเอาชนะพวกนั้นได้ยาก”

“พวกเรามีประสบการณ์มากกว่าและยังมีขอบเขตระดับวิชามากกว่า การจะเอาชีวิตรอดคงไม่ยากหรอก พวกเราอาจสังหารมันเลยก็ได้ หากนับถึงประสบการณ์ของพวกเราในพื้นที่ของช่องว่างพิภพ”

ชายชุดดำพยักหน้า “พวกเราสามารถลองได้ แต่ก็ต้องรอจนกว่าจะไปถึงระดับห้าอีกครั้ง”

“พวกเจ้าทั้งสองสามารถตั้งใจอยู่กับการฝึกฝนได้ที่นี่” เก้าอเวจียิ้ม

…..

หืม? ใต้ดิน เมิ่งชวนที่กำลังพุ่งด้วยความเร็วสูงก็หยุดลง ‘เขาหยิบตราออกมาและขมวดคิ้ว เขาหยวนชูเรียกข้ารึ? ท่านอาจารย์รู้ดีว่าข้าสำรวจใต้ดินทุกวัน หากไม่มีอะไรสำคัญก็จะไม่เรียกข้าไป’

ฟุบ

เขาพุ่งขึ้นสู่พื้นดินในทันทีก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าและมุ่งไปยังเขาหยวนชู

หลังจากมาถึงเขาหยวนชู เมิ่งชวนแวะไปเยี่ยมลูกๆของเขา ลูกชาย เมิ่งอันกำลังฝึกฝนวิชาหอกด้วยตัวคนที่ลานฝึกของจิ้งหมิงเฟิง แต่เขาไม่เจอว่าลูกสาวอยู่ที่ไหน

‘ผ่านมาสองปีแล้วตั้งแต่ที่อันเอ๋อร์เข้ามาที่เขาหยวนชู เหมือนว่ายังอยู่ห่างไกลจากการไปถึงร่างเทพวัฏสังสารนัก’ เมิ่งชวนมองดูลูกชายฝึกฝนอยู่กลางอากาศ เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ เขารู้ความยากลำบากในการฝึกร่างเทพวัฏสังสารเป็นอย่างดี เป็นเรื่องปกติที่อันเอ๋อร์ไม่สำเร็จในสองปี

ฟุบ

จากนั้นเมิ่งชวนก็ทะยานไปยังตำหนักถ้ำสวรรค์ ที่นั่นเขาเห็นชายหน้าตาเย็นชาตัวสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่ นิ่งไม่ไหวติงราวกับภูเขา

‘ราชาตงเหอ’ เมิ่งชวนจำพ่อของเหยียนจินและเชวเฟิงได้ในทันที ย่าทวดของเขาเองก็ทำงานให้ราชาตงเหอมาหลายปีด้วยเช่นกัน

พอเมิ่งชวนเข้าไป ราชาตงเหอไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองที่เขา เขานั่งหลับตานิ่งอยู่กับที่อย่างนั้น เย็นชา และเย่อหยิ่ง

“เฟิงโหวตงหนิง โปรดรอที่นี่ก่อนขอรับ ราชาเทพอสูรและเฟิงโหวเทพอสูรคนอื่นกำลังมาขอรับ” พ่อบ้านชรากล่าว

“ขอบใจ” เมิ่งชวนนั่งลงบนเสื่อและรอเงียบๆ

จากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มชุดสีดำก็เดินเข้ามา ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูกชายคนที่ห้าของราชาตงเหอ เชวเฟิง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนประดับอยู่ เมื่อเข้ามาและพบกับพ่อของตน ราชาตงเหอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะดูเคร่งขรึมขึ้นมา

‘เชวเฟิงก็มาด้วยรึ’ เมิ่งชวนพยักหน้าให้เชวเฟิงเล็กน้อย เชวเฟิงยิ้มและพยักหน้าเบาๆก่อนจะนั่งลง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด