ตอนที่แล้วบทที่ 528 กลับหมางซือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 530 - 531

บทที่ 529 มาถึง(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 529 มาถึง

บนทางด่วน รถสามคันกำลังขับเคลื่อนไปอย่างราบรื่น เสี่ยวอิงขับรถเก๋งหงฉีนำขบวนอยู่ด้านหน้าสุดพร้อมกับบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ตรงกลางเป็นรถ BMW x6 ที่มีจี้เฟิงเป็นคนขับโดยมีแม่ของเขาและถงเล่ยนั่งอยู่ด้วย ส่วนจางเล่ยและบอดี้การ์ดอีกสองคนอยู่ในคันสุดท้าย

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆแล้ว พวกเขานั่งรถมาตลอดช่วงเช้า จางเล่ยรู้สึกเหนื่อยมาก แต่พอเขาเห็นป้ายบอกทางข้างหน้า เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

“เจ้าบ้า... เอ่อ จี้เฟิง! ข้างหน้าเป็นเขตของหมางซือแล้ว!”

เสียงของจางเล่ยดังมาจากวิทยุสื่อสาร เป็นเพราะความเคยชิน พออ้าปากก็เรียกเจ้าบ้าออกมาทันที แต่พอพูดจบ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเซียวซูเหม่ยแม่ของจี้เฟิงก็นั่งอยู่ในรถด้วย คำเรียกแบบนี้ไม่ควรเรียกมั่วซั่วเด็ดขาด

จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม เขาหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา “กระฉับกระเฉงหน่อย อีกครึ่งชั่วโมงนายก็จะถึงบ้านแล้ว ขับรถระวังๆล่ะ!”

จากน้ำเสียงของจางเล่ย จี้เฟิงพอจะฟังออกว่าเขาน่าจะเหนื่อยล้าพอสมควร จี้เฟิงช่วยพูดเตือนสติเขา การขับรถทั้งที่ยังเหนื่อยล้าเป็นอะไรที่อันตรายมาก โดยเฉพาะยิ่งใกล้ถึงหมางซือแล้วยิ่งต้องระวังมากขึ้น

เมืองเล็กๆอย่างเขตหมางซือนั้นต่างจากเมืองใหญ่อย่างเจียงโจว คนในเมืองเล็กๆไม่ค่อยสนใจกฎจราจรกันเท่าไหร่นัก ขอแค่เห็นถนนว่าง ต่อให้ขับรถย้อนศรก็ยังกล้าขับแบบไม่เกรงกลัวอันตรายหรือกฎหมายเลย นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงลอยอยู่ริมถนนเต็มไปหมด แถมกินพื้นที่ถนนมาเกือบจะครึ่งเลน!

ไหนจะข้าวสาลีที่ชาวนาเก็บมากับฟางที่กองอยู่ริมถนนเพื่อให้รถที่สัญจรไปมาช่วยเหยียบให้เมล็ดข้าวหลุดออกจากรวง ดังนั้นบนถนนจึงมีปัจจัยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้มากมาย!

ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าขับรถโดยไม่ตั้งสมาธิดีๆ ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกเมื่อ จี้เฟิงจึงต้องเตือนจางเล่ย

“ฮี่ฮี่ วางใจเถอะ ฉันขับรถด้วยความระมัดระวังเสมอ!” จางเล่ยหัวเราะและพูดว่า “จี้เฟิง นายไปที่บ้านฉันก่อนดีกว่า ยังไงนายก็ต้องจัดหาที่พักให้เรียบร้อยก่อนอยู่ดี ระหว่างนั้นก็ไปพักผ่อนที่บ้านฉันก่อน รอจนจัดการที่พักเสร็จแล้ว จะเอายังไงต่อก็ค่อยว่ากัน โอเค๊?”

จี้เฟิงตอบอย่างลังเล “อืม.. ฉันคงต้องถามแม่ฉันก่อน..”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ แม่ของเขาที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังก็พูดขึ้นว่า “จัดการแบบนี้ดีมาก!”

จี้เฟิงหัวเราะทันที “เล่ยซือ นายได้ยินแล้วใช่มั้ย แม่ของฉันบอกว่าโอเค งั้นก็เอาแบบที่นายว่านั่นแหละ!”

“ได้เลย!”

จางเล่ยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที โชคดีชะมัด มีบอดี้การ์ดมาด้วยตั้งสี่คน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นบอดี้การ์ดที่คอยปกป้องเซียวซูเหม่ย แต่เขาก็พลอยมีหน้ามีตาไปด้วยหากยกขบวนกันไปทั้งแบบนี้

แน่นอนว่าจางเล่ยก็อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงให้คนที่อยู่ในเขตที่พักของทางการได้เห็นว่าแท้จริงแล้วครอบครัวของเขาก็มีภูมิหลังที่ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน!

เขารู้ดีว่าถงไค่เต๋อ พ่อของเขาเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยชอบอวดอ้างบารมีของตัวเองออกมา ที่สำคัญมันอาจจะส่งผลให้สถานการณ์บางอย่างซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีคนรู้ภูมิหลังครอบครัวของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะกลายเป็นหมากให้คนใหญ่คนโตบางกลุ่มใช้ประโยชน์หรืออาจจะถูกแทงข้างหลังโดยกลุ่มคนไม่ดี

ดังนั้นตั้งแต่ที่ถงไค่เต๋อมาที่เขตหมางซือ เขาก็อาศัยความสามารถของเขาในการทำสิ่งต่างๆ และไม่เคยพูดถึงภูมิหลังของตัวเองกับใครเลย

อย่างไรก็ตาม หากพวกจี้เฟิงไปบ้านพักของถงไค่เต๋อโดยตรง ผลลัพธ์ที่ได้มันจะแตกต่างกันมาก

เซียวซูเหม่ยและจี้เฟิงเป็นคนตระกูลจี้ ถ้าพวกเขาไปกันแค่สองคน ก็อาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่พอข้างกายของเซียวซูเหม่ยมีบอดี้การ์ดคอยติดตามไปด้วย  หลายคนที่พบเห็นก็จะรู้ได้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้หลังจากนี้ ถงไค่เต๋อย้ายออกไปจากเขตหมางซือ คนของเขตหมางซือก็จะไม่กลายเป็นคนแปลกหน้าเร็วจนเกินไปนัก แม้ว่าหลังจากนี้จะมีการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงานต่างๆ แต่สำหรับถงไค่เต๋อที่ได้ทิ้งความน่าเกรงขามไว้ที่นี่ เจ้าหน้าที่ราชการหลายคนจึงยังมีความเกรงกลัวเขาอยู่ ถึงตอนนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็สามารถยื่นมือมาจัดการได้สะดวก

นอกจากนี้จางเล่ยยังมีความหมายแฝงอีกชั้นหนึ่ง บ้านเกิดของจี้เฟิงอยู่ในหมางซือ หากถงไค่เต๋อฝากฝังเจ้าหน้าที่ข้าราชการหลายคนให้ช่วยดูแลคนของจี้เฟิง เขาก็เชื่อว่าคนเหล่านั้นจะทำงานกันอย่างเต็มที่!

ดังนั้นการไปที่บ้านของถงไค่เต๋อก่อนจึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

จี้เฟิงไม่สนว่าจางเล่ยกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้แค่ว่าพี่ชายของเขาคนนี้จะไม่มีวันหลอกเขาและจะไม่ทำร้ายเขา เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จริงแล้วต่อให้จี้เฟิงรู้ถึงแผนการของจางเล่ยจริงๆ เขาก็ได้แค่ยิ้มบางๆ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

แม้ว่ารถจะชะลอตัวลงมาก แต่ไม่ถึง 20 นาที พวกเขาก็เข้าไปในตัวเมืองหมางซือ

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำลึกความหลังอันคุ้นเคยเมื่อมองไปยังฝูงชนที่พลุกพล่านและบรรยากาศที่วุ่นวายบนท้องถนน ที่นี่คือที่ที่เขาเกิดและเติบโต แม้ว่าจะมีความทรงจำที่เจ็บปวด แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นความทรงจำที่ทำให้เขาเป็นเขาในทุกวันนี้

“ฟู่~!” จี้เฟิงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและพูดว่า “เสี่ยวอิง เธอลดความเร็วลงหน่อย ฉันจะนำทางเอง! เธอไม่รู้จักถนนแถวนี้”

แม้ว่าระบบนำทางจะมีประโยชน์มาก แต่ในเมืองเล็กๆอย่างอำเภอหมางซือ ถนนหลายสายไม่ได้มีการระบุชื่อถนนเอาไว้ และเมื่อต้องพูดถึงถนนเส้นหนึ่ง คนในพื้นที่ส่วนใหญ่มักจะพูดถึงอาคารหรือสถานที่ที่มีชื่อเสียงใกล้กับถนนเส้นนั้น

ยกตัวอย่างเช่น ด้านหลังโรงเรียนมัธยมปลายที่ 2 จะมีถนนที่ชื่อว่าถนนเหรินหมิน แต่หากถามคนในหมางซือ จะมีไม่กี่คนที่รู้ แต่ถ้าหากพูดว่าถนนด้านหลังโรงเรียนมัธยมปลายที่ 2 แล้ว ขอแค่เป็นคนในอำเภอนี้ พวกเขาจะต้องรู้จักอย่างแน่นอน

“ได้ค่ะ!”

เสี่ยวอิงตอบก่อนจะชะลอความเร็วลง เธอขับชิดไหล่ทางเล็กน้อยและปล่อยให้รถของจี้เฟิงแซงหน้าไป

“เล่ยเล่ย ได้กลับมาบ้านทั้งที หนูดีใจมั้ย?” เซียวซูเหม่ยที่นั่งอยู่เบาะหลังหันไปถามถงเล่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“ดีใจค่ะ แต่ก่อนหน้านี้หนูกลับมาแล้วครั้งหนึ่งค่ะ ก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว!” ถงเล่ยพูดอย่างกระฉับกระเฉง

เซียวซูเหม่ยหัวเราะเบาๆ เธอรู้สึกพอใจกับลูกสะใภ้ในอนาคตคนนี้มาก หน้าตางดงามไร้ที่ติ ราวกับเทพธิดาใส่ซื่อบริสุทธิ์ การที่ลูกชายหาแฟนแบบนี้ได้ ช่างเป็นวาสนาของเขาจริงๆ

หากเป็นเมื่อก่อน เซียวซูเหม่ยก็หวังเพียงว่าลูกชายของเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และหลังจากเรียนจบ ค่อยหาลูกสะใภ้ที่ซื่อสัตย์มีคุณธรรมในหัวใจ และใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมั่นคง แค่นั้นเธอก็พอใจแล้ว

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากที่จินตนาการไว้ และในที่สุดตอนนี้เธอก็ได้กลับบ้านที่เธอจากไปนานกว่าสิบปีอีกครั้ง

ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ลูกชายของเธอที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับความอัปยศอดสู แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลากเขาเข้ามาและกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านเกิดของเขาอีกครั้ง บ้านเกิดที่ทำให้เขามีความทรงจำที่เจ็บปวดอย่างที่สุด… ไม่สิ! นั่นไม่ใช่บ้านเกิดของลูกชาย!

เสียงในหัวบอกกับเธอว่า สถานที่แบบนั้นไม่ใช่บ้านเกิดของลูกชายของเธออย่างแน่นอน เพราะถ้าหากเป็นบ้านของเขา แล้วคนในครอบครัวจะทำแบบนั้นกับลูกชายของเธอได้อย่างไร?

เมื่อนึกถึงตอนที่ลูกชายของเธอยังเด็ก ไม่รู้จะเรียกว่าดื้อรั้นหรือมีหัวใจที่เด็ดเดี่ยวดี เพราะหัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่ก้าวเข้าไปในหมู่บ้านนั้นอีกเลย กระทั่งตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่เคยพูดถึงหมู่บ้านนั้นอีกเลย ราวกับว่าเขาได้ลืมเรื่องราวเมื่อในอดีตไปหมดสิ้นแล้ว

แต่เซียวซูเหม่ยนั้นรู้ดีว่าลูกชายของเธอไม่ได้ลืม แต่กลับจำมันได้อย่างลึกซึ้ง เรียกว่าจำฝังใจจะเหมาะกว่า การที่บอกว่าลืมเรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวดไปหมดแล้วนั้นแท้จริงแล้วมันกลับเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ!

เซียวซูเหม่ยอดส่ายหัวไม่ได้และได้แต่ลอบถอนหายใจเบาๆ แม้ว่าเธอจะหวังมาตลอดว่าลูกชายของเธอจะสามารถปล่อยวางความแค้นเมื่อในอดีตลงได้  แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคนในครอบครัวนั้นจะไม่ทำร้ายจิตใจลูกชายของเธออีก ดังนั้นด้วยนิสัยของลูกชายเธอ แม้ว่าเขาจะเห็นแก่หน้าเธอ แต่ถ้าหากคนในครอบครัวนั้นยังทำไม่ดีกับเขาอีก ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน!

‘ฉันหวังว่าคนเหล่านั้นจะไม่ทำอะไรที่มันเกินไป ไม่อย่างนั้นต่อให้ลูกชายของฉันไม่โกรธ แต่ฉันก็คงอดที่จะปล่อยมือเขาไปไม่ได้’ เซียวหยูซวนกล่าวอยู่ในใจ

สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดก็คือคนในครอบครัวไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พวกเขาอาจจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างถอยหลังกลับไม่ได้อีกต่อไป และถ้าหากเป็นกรณีนี้ การรักษาอาการป่วยของชายชราก็จะล่าช้าอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ และในที่สุดเขาก็อาจจะ..

“แม่ครับ บ้านลุงถงอยู่ข้างหน้า อีกนิดก็จะถึงแล้วครับ!” เสียงของจี้เฟิงทำให้เซียวซูเหม่ยดึงสติกลับมา เธอรวบผมโดยไม่รู้ตัว

“ไปจอดข้างหน้านั่นเถอะ ครั้งนี้พวกเรารีบมาจนไม่ทันได้เตรียมของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วย เลยต้องไปหาซื้อเอาดาบหน้า!” เซียวซูเหม่ยกล่าว

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “เอางี้แล้วกันครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อเอง ถ้าแม่ลงไป เสี่ยวอิงกับบอดี้การ์ดพวกนั้นก็ต้องตามไปด้วย ยกโขยงกันไป จะดึงดูดความสนใจซะเปล่าๆ!”

เซียวซูเหม่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ได้ เลือกดีๆหน่อยล่ะ อย่าซื้ออะไรไร้สาระนะ!”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “โธ่แม่ครับ! ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ผมรู้ว่าควรซื้ออะไร!”

แม้ว่าอำเภอหมางซือจะมีขนาดเล็ก แต่ประชากรค่อนข้างหนาแน่น และเมื่อมีกำลังซื้อที่สูง ย่อมมีซุปเปอร์มาเกตขนาดใหญ่เป็นธรรมดา ซึ่งซุปเปอร์มาเกตใหญ่นั้นตั้งอยู่ที่ทางแยกที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดและคึกคักที่สุดในอำเภอหมางซือ

จี้เฟิงคิดอยู่ในใจ อันที่จริง การจะไปบ้านของถงไค่เต๋อ เขาไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญอะไรไปเลย เพียงแค่การไปเยี่ยมเยียน ก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากมารยาทเป็นสิ่งสำคัญ แน่นอนว่าต้องมีของขวัญไปด้วย

ดังนั้นจี้เฟิงจึงตัดสินใจเลือกไวน์ราคาแพงมาหนึ่งขวดกับบุหรี่อย่างดีสองซอง หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินออกจากซุปเปอร์มาเก็ต

จากนั้นจี้เฟิงและเซียวซูเหม่ยก็มาถึงบ้านของถงไค่เต๋อพร้อมของขวัญ

เมื่อถงไค่เต๋อเห็นทั้งสองคนมาถึง เขาก็ดีใจมาก แต่จี้เฟิงแค่ทักทายและไปหาจองโรงแรม

หลังจากตัดสินใจตามใจแม่ของเขากลับมาที่อำเภอหมางซือ จี้เฟิงก็ไม่เคยคิดที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น เพราะถ้าหากเขาอาศัยอยู่ที่นั่นจริงๆ เขากลัวว่าเขาจะตื่นมากลางดึกหรือไม่ก็ละเมอบีบคอคนพวกนั้นจนตาย!

หลังจากจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็กลับมาที่บ้านของถงไค่เต๋ออีกครั้ง ตอนนี้เซียวซูเหม่ยได้ออกมายืนอยู่หน้าประตูบ้านพักของถงไค่เต๋อแล้ว ก่อนหน้านั้นถงไค่เต๋อและภรรยาของเขาอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนเซียวซูเหม่ยด้วยตัวเอง

“ลุงถง แล้วพบกันใหม่นะครับ!” จี้เฟิงนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับและโบกมือด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าหนู ทำไมต้องพูดจาห่างเหินกับฉันขนาดนั้นด้วยล่ะ? ขับรถช้าๆล่ะ แม่ของเธอนั่งรถเป็นเวลานาน น่าจะปวดเมื่อยน่าดูเลย!” ถงไค่เต๋อพูดอย่างเป็นกันเอง ด้วยวิสัยทัศน์ของเขา เขาย่อมมองเห็นความรักระหว่างลูกสาวของเขากับจี้เฟิงได้ นอกจากนี้ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็เคยเจอหน้ากันมาหมดแล้ว ดังนั้นจี้เฟิงจึงเป็นว่าที่ลูกเขยของเขา ดังนั้นเขาจึงกระตือรือร้นมาก

จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า หลังจากที่แม่กล่าวลาสองสามีภรรยาตระกูลถงเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็เหยียบคันเร่งและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่เขาไม่เคยลืม บ้านตระกูลเซียว!

.....จบบทที่ 529 ~

-------------------------

คุยกันท้ายบท

สวัสดีค่าคุณผู้อ่านทุกท่าน หวังว่าจะสบายดีกันนะคะ

ตอนนี้จี้เฟิงกำลังจะเดินทางกลับไปที่บ้านตระกูลเซียวแล้ว อยากรู้จังว่าพวกเขาจะมีนิสัยยังไงกันนะ ทำไมจี้เฟิงถึงได้จำไม่ลืมขนาดนั้น

และทั้งนี้ทั้งนั้นทางผู้แปลขออนุญาตชี้แจงเพื่อที่เราจะได้เข้าใจตรงกันนะคะ อำเภอหมางซือ อำเภอของเขา ผู้แปลอยากให้นึกภาพว่าเป็นจังหวัดหนึ่งของไทยเราได้เลยล่ะค่ะ มันกว้างใหญ่กว่าของเรามากทีเดียว ส่วนหมู่บ้านของเขาก็คงจะเกือบๆเขตๆหนึ่งในกรุงเทพได้เลยละมั้งคะ

สุดท้ายนี้หากต้องการติชมพูดคุย คุณผู้อ่านทุกท่านสามารถไปคอมเม้นในเพจของไทยโนเวลได้เลยนะคะ

ด้วยรักและห่วงใย

เนตรนารีสีชมพู

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด