ตอนที่ 48 หนึ่งนัดกลางแสกหน้า(อ่านฟรี)
ตอนที่ 48 หนึ่งนัดกลางแสกหน้า
ถัดมาจากห้องเก็บเลือดราว ๆ สามห้อง มันคือห้องเก็บของจิปาถะผสมกับห้องเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า เรย์กำลังยื่นมองจ้องวิทยุสื่อสารขนาดพกพา ซึ่งมีอยู่สามตัว ซึ่งถูกนำมาวางชาร์จไฟทิ้งไว้
เรย์ไม่คิดอะไร เขาหยิบหนึ่งในวิทยุขึ้นมาลองเปิดในทันที เรย์มองดูช่องสัญญาณในวิทยุมันถูกตั้งค่าไว้ที่ ช่อง 8 เรย์ปรับไปยังช่องสัญญาณพิเศษของทีมเขาในทันที
หวังว่ามันจะใช้ได้...เรย์จับวิทยุอย่างคาดหวัง
“หัวหน้า โบเวน ฟาริส สวัสดีมีใครได้ยินไหม”
“หัวหน้า โบเวน ฟาริส สวัสดีมีใครได้ยินไหม”
“หัวหน้า โบเวน ฟาริส สวัสดีมีใครได้ยินไหม”
เรย์ติดต่อย้ำไปสามรอ แต่ไร้ซึ่งวี่แววการตอบกลับมา
เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีการตอบกลับ หรือว่าไม่มีใครรอดมาได้จริง ๆ บ้าน่า ไม่น่าเป็นอย่างนั้น แม้การถล่มจะรุนแรง แค่ขนาดเรายังรอดมาได้ คนอื่น ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าปัญหาไม่ได้อยู่ที่หัวหน้า โบเวน ฟาริส อย่างนั้นมันอยู่ที่อะไร
เรย์ก้มมองดูวิทยุสื่อสารในมือของตัวเอง ก่อนที่ชายหนุ่มจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
จริงสิ! เราลืมไปวะสนิทเลยว่ายังอยู่ในฐานทัพใต้ดินของพวกลัทธิมืด ที่นี่คงสร้างมาจากปูนและเหล็กยากที่สัญญาณจะผ่าน แค่ต่อให้ผ่านได้ ด้านบนก็ยังมีชั้นดินที่เต็มไปด้วยแร่โลหะและทองแดงขวางกั้นอีกเกือบสิบเมตร
ดังนั้นต่อให้เป็นวิทยุคลื่นสั้นที่ทรงพลังก็ยากจะติดต่อไปหาหัวหน้ากับทุกคนได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง
เมื่อรู้ถึงปัญหาเรย์ก็ตัดสินใจปืนกลับขึ้นไปด้านบน แต่เขาต้องใช้ของอย่างหนึ่งด้วย เรย์หันไปมองรอบ ๆ ห้องเก็บของก่อนจะคว้าเอาบันไดมาด้วย เพราะเพดานทางเดินจุดนั้นอยู่สูงจากพื้นถึง 3 เมตร มันยากที่เรย์ซึ่งสูง 1.7 เมตรจะปืนกลับขึ้นไปได้
เรย์หยิบบันไดก่อนจะมองซ้ายขวาเดินออกมาในทันที
เขาเดินมาจนถึงทางแยก เรย์ไม่คิดประมาท ในมือข้างซ้ายถือบันไดเหล็ก มืออีกข้างขวาถือปืนพก M1911A1 นำหน้าไป
เรย์เดินอย่างรวดเร็ว เพราะไม่รู้ว่าพวกสาวกลัทธิมืดด้านนอกจะเปิดประตูเข้ามาตอนไหน
ครั้นเมื่อมาถึงจุดที่เป็นทางแยก เรย์หันหน้าเลี้ยวไปตามทางเดินที่ไปยังทางเชื่อมกับท่อระบายอากาศได้ แต่แล้วในตอนนั้นเรย์ก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เพราะเบื้องหน้าของเขามีสาวกลัทธิมืดคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเดินมาทำอะไรตรงนี้
ชายผู้เป็นสาวกลัทธิมืดคนนี้กำลังถือกระติกน้ำอะลูมิเนียมแบบที่ทหารใช้ กำลังจะเปิดฝาดื่มเพื่อดื่มน้ำ แต่แล้วพอมันเงยหน้ามาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าด้านหน้าห่างไปไม่ถึงเมตรมีคนปริศนาถือบันไดและกำลังจ่อปืนมาที่มันอยู่
ทั้งเรย์และชายสาวกลัทธิมืดต่างยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ต่างฝ่ายต่างจับจ้องกันไม่ขยับ
“ตาย!” สาวกลัทธิมืดขยับตัวมือคว้าหยิบปืนเอ็ม1903 สปริงฟิลด์ ที่มันสะพายมาด้วย คิดจะขึ้นมายิงใส่เรย์
ปัง!!!
แต่มันยังช้าไป เรย์เหนี่ยวไกยิงสาวกลัทธิมืดกลางแสกหน้า ด้วยกระสุนชำระล้างขนาด .45ACP ที่ออกมาจากปากกระบอกปืนพกกึ่งอัตโนมัติ M1911A1 ไอร้อนจากการยิงลอยเป็นควันออกมาเบา ๆ
พร้อมกับร่างไร้วิญญาณของสาวกลัทธิมืดล้มทั้งยืน ดวงตามีแต่ความงุนงง ตายไปโดยที่มันก็ยังไม่ทันรู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว
เคล้ง!
หลังสิ้นเสียงปืน ก็มีเสียงกระติกน้ำอะลูมิเนียมแบบที่ทหารใช้ ซึ่งอยู่ในมือของสาวกลัทธิมืดก่อนหน้าหล่นลงพื้น
“บ้าเอ๊ย!” สบถออกมาอย่างโมโห มันไม่ได้โมโหที่ใช้กระสุนชำระล้างสังหารชายตรงหน้า แต่มันกำลังโมโหตัวเองที่ดันมาพลาดซะได้
เสียงเมื่อครู่พวกมันคงได้ยินกันหมดแล้ว ต้องรีบหนี
แต่ก่อนที่เรย์กำลังจะวิ่ง ตอนนั้นเองเขาก็หยุดมองไปที่ข้าง ๆ ศพของศพสาวกลัทธิมืด เรย์รีบเก็บกระติกน้ำอะลูมิเนียมที่มีน้ำอยู่เต็มไปด้วย
...
ด้านนอกประตูที่โกดัง สาวกลัทธิมืดกำลังช่วยกันยกกล่องไม้ชุดสุดท้ายขึ้นไปบนรถบรรทุก
ปัง!
สาวกทั้งหมดหยุดทำงานในทันที
“ได้ยินไหม”
“เสียงปืนจากในฐานทัพ”
“เวรแล้วไง รีบไปดุเร็ว”
พวกมันต่างพากันหยุดมือในงานที่ทำทั้งหมด ต่างพากันจับอาวุธวิ่งเข้าไปในฐานทัพ
“แยกกันหา”
มันแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปทางห้องเก็บเลือดและพวกห้องอุปกรณ์ ส่วนอีกกลุ่มมุ่งหน้าไปที่ทางเดินที่กายเข้ามา
“เจอแล้ว บ้าเอ๊ยมีใครแอบเข้ามาในฐานทัพโดยที่เราไม่รู้”
หนึ่งในสาวกลัทธิมืดเดินเข้าไปดูศพสหายร่วมลัทธิที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดสีแดงสดกำลังไหลออกมาไม่หยุด
“เลือดยังอุ่นอยู่ มีรอยเท้าด้วย ผู้บุกรุกน่าจะเข้าไปทางนี้ของฐาน”
“พวกมันน่าจะเป็นคนพวกหมาล่าเนื้อที่รอดตายมาได้”
“รีบตามไป ส่วนแกรีบไปบอกกับคนอื่นและรายงานเจ้านาย”
สาวกลัทธิมืดคนหนึ่งวิ่งกลับหลังไป ส่วนอีกสามคนมุ่งหน้าไปด้านหน้า
เรย์ที่มาถึงยังท่อระบายอากาศที่คุ้นเคย เขารีบกางบันไดออกมา และปีนขึ้นไปในช่องขนาด 1 เมตร ก่อนจะดึงบันไดที่ใช้หนีขั้นมาด้วย ซึ่งขาของบันไดถูกดึงขึ้นพ้นพอดีก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวกลัทธิมืดวิ่งพ้นโค้งบังตาของเส้นทางมาถึงตรงนี้พอดี
ซวยแล้วไง...เรย์ถึงกับหยุดการกระทำทั้งหมด เฝ้ารออย่างเงียบ ๆ
“เร็วมันน่าจะยังไปไม่ไกล”
สาวกลัทธิมือวิ่งดังตุบ ๆ ผ่านเรย์ที่หลบอยู่เหนือหัวพวกมันไป
เกือบไปแล้ว เรย์พึมพำออกเบา ๆ ก่อนจะยกฝาตะแกรงเหล็กมาปิดช่องทางไว้ตามเดิมและวางบันไดลงไปบนนั้นอีกที
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างถูกซ่อนไว้อยู่ในนี้แล้ว เรย์ก็ปีนขึ้นไปจนไปถึงอุโมงค์ท่อระบายอากาศหลักที่กว้างกว่าสามเมตร ก่อนจะวิ่งสุดฝีเท้าไปจนถึงพัดลมที่ตอนนี้มีเสียงดังจากการทำงานของใบพัดอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เรย์อยู่ด้านในแล้ว แต่ก็ไม่ใช้วิธีการตัดสายไฟให้พัดลมระบายอากาศตัวใหญ่นี้หยุดทำงาน เพราะนั้นจะทำให้สาวกลัทธิมืดรับรู้ความผิดปกติอย่างรวดเร็ว บวกกับที่พวกนั้นหาเขาไม่เจอข้างล่าง นั้นจะทำให้สาวกลัทธิมืดที่ตามล่าตัวเขาเชื่อมโยงเรื่องนี้เข้าด้วยกัน จนรู้ว่าเขาหนีมาทางท่อระบายอากาศได้อย่างรวดเร็ว
เรย์ใช้หนังสือเวทมนตร์ของตนทำแบบเดินเหมือนตอนที่ข้ามมาตอนขาเข้า
เมื่อหยุดการหมุนของพัดลมได้แล้ว เรย์ก็รีบข้ามออกไปอีกด้านในทันที ก่อนจะดึงหนังสือเวทมนตร์ที่ขัดการหมุนของพัดลมออก
หลังเอาหนังสือออกเรย์รู้สึกว่าใบพัดของพัดลมหมุนช้าลงมาก ซึ่งน่าจะเกิดจากที่มอเตอร์พัดลมมีปัญหา
แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่เรย์ต้องใส่ใจ
หวังว่าตรงนี้น่าจะส่งสัญญาณถึงทุกคนได้...เรย์ยืนอยู่สุดท่อระบายอากาศตรงขอบหุบเหวที่ไม่มีตะแกรงเหล็กกันเพราะของเดิมมันนั้นเรย์ทำตกหล่นลงไปในหุบเหวแล้ว
เขาใช้มือจับไปที่กำแพงของท่อระบายอากาศยื่นหน้าและมือที่ถือวิทยุสื่อสารออกไปและเริ่มตัดต่อไปหาทุกคนในทันที
“หัวหน้า โบเวน ฟาริส สวัสดีมีใครได้ยินไหม”
“หัวหน้า โบเวน ฟาริส สวัสดีมีใครได้ยินไหม”
“หัวหน้า โบเวน ฟาริส สวัสดีมีใครได้ยินไหม”
เรย์พยายามติดต่อย้ำ ๆ หลายครั้งอย่างอดทน
...
ขณะเดียวกันที่ด้านล่างหลังจากที่สาวกลัทธิมืดทั้งสามวิ่งผ่านท่อระบายอากาศที่เรย์แอบไป ทั้งสามวิ่งมาลึกเรื่อย ๆ จนถึงกับประตูที่ถูกล็อกอย่างหนาแน่นยากจะเปิด
“เป็นไปไม่ได้” หนึ่งในสาวกชายร่างสูงกล่าว ก่อนที่อีกสองจะหยุดและหันมามองหน้า
“มีอะไร”
“หมาล่าเนื้อนั้นไม่น่าจะหนีมาตรงนี้ เพราะประตูนี่ล็อกปิดอย่างแน่นหนา พวกเรายังไม่มีกุญแจเปิดเข้าไปเลย ดังนั้นมันไม่น่าจะหนีเข้าไปในนั้น” สาวกร่างสูงกล่าว
“หืม เจ้านายบอกว่าพวกหมาล่าเนื้อมีพลังที่สามารถปลดล็อกกุญแจได้ มันก็ไม่แน่” สาวกอีกคนบอกกล่าว
“แล้วแกคิดว่าเวลาแค่ไม่ถึงนาทีมันจำปลดล็อกกุญแจที่แน่นหนาขนาดนี้ เข้าไปด้านในแล้วก็ใส่กลับไปที่เดิมให้เหมือนเดิมได้หรือยังไง อีกอย่างพวกเราลืมอะไรไปหรือเปล่า” สาวกร่างสูงกล่าว
“ลืมอะไร”
“รอยเท้ามันหายไปสักพักแล้ว”
สาวกลัทธิมืดอีกสองคนยิ่งฟังก็ยิ่งคิ้วขมวด
“พวกเราน่าจะมาผิดที่แล้ว เพราะมันไม่มีรอยเท้าหรือเสียงตอนที่มันวิ่งหนีมาเลย”
“เราพลาดตรงไหนไป”
“...?”
ทั้งเหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ต่างพากันวิ่งย้อนกลับไปตามทางเดินในทันที
“เปิดดู”
สาวกลัทธิมืดสามคนต่างหยุดยืนอยู่ใต้ท่อระบายอากาศ พวกมันต่างต่อตัวกันสองคนให้อีกคนเอื้อมมือขึ้นไปเปิดตะแกรงเหล็กดูในทันที
พอตะแกรงถูกเปิดบันไดที่กายซุกซ่อนเอาไว้ก็หล่น โครม! ลงมาใส่สาวกลัทธิมืดทั้งสามในทันที
“ว่าแล้ว มันหนีไปทางท่อระบายอากาศที่ต่อไปที่อุโมงค์ระบายอากาศ รีบตามขึ้นไปเร็ว”
สาวกลัทธิมืดรีบลุกขึ้นก่อนจะใช้บันไดที่หล่นลงมาตั้งขึ้นและปีนขึ้นไปด้านบน ก่อนจะรีบเดินไปตามทางเดิน
เรย์ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ปากทางของท่อระบายอากาศและพยายามติดต่อทุกคนอยู่ ตอนนั้นเองเรย์ก็หยุดพูดและเงี่ยหูฟัง
เสียงนี่มัน...เสียงฝีเท้า มีคนกำลังตรงมาที่นี่
ด้วยความที่พัดลมทำงานเบาลงเรย์จึงได้ยินเสียงรอบ ๆ ได้มากขึ้น ตอนนี้ไม่ต้องเดาแล้วว่าเสียงฝีเท้าพวกนั้นน่าจะเป็นสาวกลัทธิมืด
พวกมันหาเจอไวไปแล้ว เอายังไงดี
เรย์มองด้านหลังสลับด้านหน้าไปมาก่อนจะเก็บวิทยุไว้ในกระเป๋าเวทมนตร์ และลงมือทำบางอย่างในทันที