ตอนที่ 165+166 ผู้จัดการของไห่หรุนกรุ๊ป
ตอนที่ 165 ผู้จัดการของไห่หรุนกรุ๊ป
ดังนั้นจางซีชิงจึงกัดฟันและตัดสินใจพูดเกี่ยวกับประวัติชีวิตของตนเอง เธอพูดถึงสิ่งที่เธอเรียนรู้ในวัยเด็ก คนที่ยกย่องเธอ และรางวัลที่เธอได้รับ รวมไปถึงการคุยโวเรื่องการเล่นเปียโนเก่งขนาดไหนและเธอชอบเล่นเปียโนมากแค่ไหน ในตอนท้ายของสุนทรพจน์ หัวข้อทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยประสบการณ์การเรียนรู้วิธีการเล่นเปียโนของเธอ
จริง ๆ แล้ว หากจางซีชิงไม่หยิ่งทะนงตนและก้าวลงเวทีทันทีหลังจากพูดจบสิบห้านาที เธอคงไม่รู้สึกอับอายอะไร ทว่าเธอยืนยันที่จะใช้เวลาที่เจียงเหยาเหลือทิ้งไว้ให้
สคริปต์ที่เลขานุการของบริษัทเขียนให้เธอนั้นไร้ที่ติ แต่เธอกลับเลือกที่จะพูดถึงชีวิตของตนเอง จึงไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น โดยเฉพาะน้ำเสียงที่เธอใช้ขณะพูดและการแสดงออกทางสีหน้าของเธอ ราวกับว่าเธอกำลังคุยโวเรื่องนี้ จึงทำให้ผู้ชมหมดความอดทน ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ชมจึงเพิกเฉยต่อเธอและหันไปพูดคุยกับเพื่อน ๆ รอบข้าง เสียงของจางซีชิงจมอยู่ในเสียงของผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวที
เจียงเหยาเช่นฉากนั้น เธออยากจะปรบมือและเชียร์เสียเหลือเกิน!
ทั้งหมดนี้ที่เธอต้องการทำให้จางซีชิงอับอายและปล่อยให้เธอกลายเป็นตัวตลกที่สุดบนเวทีที่เธอยืนกรานจะใช้เวลาจนเต็มเวลา
ในที่สุด พิธีกรก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเดินขึ้นไปบนเวทีและเชิญจางซีชิงผู้ซึ่งดวงตามีน้ำตาคลอเบ้าด้วยความโกรธ ให้ก้าวลงจากเวที จางซีชิงแทบจะบ้าในตอนนี้ ก่อนลงเวที เธอคว้าไมโครโฟนและข่มขู่เจียงเหยา “เจียงเหยา ฉันจะแก้แค้น! ฉันจะแก้แค้นให้สาสม!”
คำพูดของจางซีชิงได้รับการตอบรับด้วยเสียงโห่ของผู้ชม ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจาง อาจมีคนขว้างรองเท้าขึ้นไปบนเวทีในตอนนี้ก็เป็นได้
หวงเฉิงจิ้งและอธิการบดีเวินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับพิธีกร พิธีกรกล่าวสองสามคำเพื่อทำให้ผู้ชมสงบลง และส่งไมโครโฟนให้กับอธิการบดีเวิน หลังจากที่อธิการบดีเวินรับช่วงต่อไมโครโฟน เขาเพียงแนะนำตัวตนของชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และส่งไมโครโฟนให้กับคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา
นักศึกษาใหม่ส่วนใหญ่เป็นคนเมืองหนานเจียง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขาเป็นผู้จัดการของไห่หรุนกรุ๊ป ผู้ชมต่างพากันตะลึง
“ผมเชื่อว่าทุกคนที่นี่คงรู้ข่าวเรื่องของนักศึกษาใหม่ที่ช่วยชีวิตไว้ใช่หรือไม่? เหตุผลที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อแสดงความขอบคุณคุณเจียงเหยาเป็นการส่วนตัว ชายชราที่คุณเจียงได้ช่วยชีวิตในตอนนั้นคือพ่อของผมเอง” เมื่อหวงเฉิงจิ้งกล่าวจบ ดวงตาของเขาก็มองไปยังเจียงเหยา และสบตาพร้อมกับยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “เพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่คุณเจียงได้ช่วยพ่อของผม และเพื่อขอบคุณมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียงที่สามารถปลูกฝังนักศึกษาเช่นเธอที่ทั้งกล้าหาญและเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น ทางไห่หรุนกรุ๊ปจะสนับสนุนโครงการขยายพื้นที่ก่อสร้างอาคารที่ฝั่งตะวันตกของมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง นอกจากนี้ อาคารใหม่ในเขตตะวันตกจะใช้ชื่อว่า อาคารแทนคำขอบคุณ เพื่อระลึกถึงความใจดีของคุณเจียงเหยาและมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง ในนามของไห่หรุนกรุ๊ปและครอบครัวหวง
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น ผู้ชมต่างพากันปรบมือให้ “ตอนนี้ ผมคิดว่าผมต้องการจะแก้ไขคำพูดของเจียงเหยาในตอนนี้ เจียงเหยาสมควรได้รับตำแหน่งตัวแทนนักศึกษาใหม่ เธอมีส่วนร่วมในมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง และสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเงินทอง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกคุณสามารถเรียนรู้จากเธอได้ และมันจะเป็นประโยชน์ไปตลอดชีวิตหากพวกคุณเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ นั่นคือประสบการณ์ที่พวกคุณไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน”
เจียงเหยาที่นั่งอยู่ใต้เวที ก้องจ้องมองหวงเฉิงจิ้งจากที่ไกล ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นผู้จัดการของไห่หรุนกรุ๊ป เขาคุ้นเคยกับการพูดในงานพิธีการในฐานะบุคคลสำคัญ เขามีวิธีพูดที่มีไหวพริบและลื่นไหลมาก
ตอนที่เธอล้อเลียนจางซีชิง เธอต้องระมัดระวังคำพูดของเธอเป็นอย่างมาก สำหรับหวงเฉิงจิ้งเขากลับพูดได้อย่างตรงไปตรงมา และตบหน้าตระกูลจาง เขาพูดอย่างเปิดเผยในขณะที่อ้างว่าตระกูลจางใช้เงินเพื่อให้ได้รับตำแหน่งตัวแทนของนักศึกษาใหม่ของจางซีชิง ทว่าเจียงเหยาเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่เพียงคนเดียวในสายตาของหวงเฉิงจิ้ง มีเพียงเธอเท่านั้นที่สมควรได้รับตำแหน่งและนั่นคือวิธีที่หวงเฉิงจิ้งถ่ายทอดข้อความถึงทุกคน โดยกล่าวว่าตระกูลหวง ของไห่หรุนกรุ๊ป ได้เจียงเหยาช่วยเหลือไว้
__
ตอนที่ 166 ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?
ก่อนพิธีเปิดจะสิ้นสุด เจียงเหยาเดินออกจากห้องประชุมข้าง ๆ กับอธิการบดีเวินและหวงเฉิงจิ้ง เพราะเหตุผลที่หวงเฉิงจิ้งมาที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่แค่การมาแสดงความขอบคุณ แต่เขาต้องการพาเจียงเหยาไปที่โรงพยาบาลด้วย
“อาการของพ่อเริ่มคงที่มากขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เช้านี้เขาดีมากทีเดียว เขาอาจจะพบคุณและขอบคุณ คุณเป็นการส่วนตัว” หวงเฉิงจิ้งกลัวว่าเจียงเหยาจะกังวลจึงอธิบายทันทีว่า “พ่อของผมเป็นคนใจดี ไม่จำเป็นต้องกังวล อีกอย่างอธิการบดีเวินก็จะไปกับคุณด้วย”
“ค่ะ” เจียงเหยาตกลงหลังจากที่เธอคิดอะไรบางอย่าง และยินดีตามเขาไปที่โรงพยาบาล อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะหวงเฉิงจิ้งได้ช่วยพูดแทนเธอเมื่อสักครู่ด้วย
วันนี้จางซีชิงไม่ได้ทำให้ตัวเองอับอายที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่เธอยังทำให้ตระกูลจางอับอายอีกด้วย
เจียงเหยาถือว่าครั้งนี้เธอได้ช่วยแก้แค้นแทนเวินเสวี่ยฮุ่ยในชีวิตก่อนหน้านี้ต่อจางซีชิงแล้ว
หวงเฉิงจิ้งไม่ได้ขับรถมาที่นี่ด้วยตนเอง คนขับรถของเขากำลังรอเขาอยู่ด้านนอก เจียงเหยาจึงอาศัยรถของอธิการบดีเวินโดยสารไปยังโรงพยาบาล
เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงที่นั่น อธิการบดีเวินยังคงกังวลว่าเจียงเหยาจะประหม่า เขาจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับประธานของไห่หรุนกรุ๊ปให้เธอฟัง แล้วบอกว่าประธานเป็นคนที่เป็นมิตร
ทั้งสามคนหยุดรอกันจนครบที่ทางประตูทางเข้าโรงพยาบาล หลังจากที่พวกเขาลงจากรถ เจียงเหยาเดินตามอธิการบดีเวินและหวงเฉิงจิ้งเข้าไปในห้องพักคนไข้
เจียงเหยาไม่คาดหวังว่าตัวเองจะได้เจอกับร่างที่คุ้นเคยเดินลงมาจากบันไดมุ่งไปยังโซนผู้ป่วย เมื่อเธอเดินข้ามาในโรงพยาบาล เขากำลังเดินอย่างรวดเร็วและจดจ่อกับการก้าวเดินของตัวเอง ราวกับจะรีบออกจากแผนกห้องพักฟื้นของผู้ป่วยอย่างไรอย่างนั้น
“ลู่ชิงสี!” เจียงเหยาตะโกนชื่อชายคนนั้นจากระยะไกล ๆ เธอตื่นเต้นและดันอธิการบดีเวินและหวงเฉิงจิ้ง ออกเล็กน้อย เธอไม่สนใจว่าลู่ชิงสีจะสังเกตเห็นเธอหรือไม่ หรือชายคนนั้นกำลังรีบแค่ไหน เธอรีบพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ชิงสีทันที โดยไม่คำนึกว่าเขาจะประคองการโผล่เข้ากอดที่รุนแรงของเธอได้หรือไม่
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” เจียงเหยาโอบแขนของเธอไว้รอบเอวของลู่ชิงสีด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นที่ตกตะลึงของลู่ชิงสีเมื่อเขาได้พบกับเธอ เธอยังคงยิ้มให้เขา “เร็วเข้า! บอกฉันมา! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เมื่อเธอเห็นร่างของลู่ชิงสีครั้งแรก เธอคิดว่าตัวเองตาฝาด ทว่าเมื่อมองตรงเข้าไปและตัดสินจากรูปร่างของเขา รวมถึงวิธีการเดิน เธอมั่นใจว่าชายที่เธอเห็นคือลู่ชิงสี ผู้ซึ่งน่าจะอยู่ในกองทัพเวลานี้
ลู่ชิงสีได้รีบมาที่เมืองนี้เมื่อคืนโดยเครื่องบิน และรีบตรงมาที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่หยุดพัก เขากำลังจะรีบไปเซอร์ไพรส์เจียงเหยาที่มหาวิทยาลัย โดยไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเธอที่โรงพยาบาล
เมื่อเขาเห็นศีรษะเล็ก ๆ ของเจียงเหยาที่พิงหน้าอกของเขา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ผุดขึ้นในใจของเขา นั่นก็คือความสุข จิตวิญญาณที่โหยหาตลอดทั้งคืนของเขาในที่สุดก็จางหายไป
“ผมมาจัดการอะไรบางอย่าง” ลู่ชิงสีอธิบายด้วยประโยคสั้น “แม่ของเพื่อนเข้าโรงพยาบาลน่ะ ผมแวะมาเยี่ยมเขา แล้วคุณล่ะ?”
ลู่ชิงสีเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเจียงเหยาทันทีที่เขาพูดจบ เขาคาดว่าเธออาจจะป่วย
“อา!” เจียงเหยานึกขึ้นได้ถึงจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ ก็ตอนที่ชายหนุ่มถามเขา เมื่อนึกขึ้นได้ เธอผลักเขาออก และหันไปทางอธิการบดีเวินและหวงเฉิงจิ้งที่จ้องมองเธอ
“ฉันมาที่นี่กับอธิการบดีค่ะ มาเยี่ยมประธานของไห่หรุนกรุ๊ป” จากนั้นเจียงเหยาก็ผละออกจากอ้อมแขนของลู่ชิงสี รู้สึกรังเกียจตัวเองนัก หัวใจของเธอไม่สามารถปิดกั้นความรู้สึกได้เลยเมื่อเธอได้พบกับลู่ชิงสี
“เจียงเหยา เขาเป็นสามีของคุณเหรอ?” อธิการบดีเวินเป็นคนแรกที่พูดอะไรขึ้น เขาสันนิษฐานว่าชายผู้นี้น่าจะเป็นสามีของเจียงเหยา เมื่อเขาเห็นเครื่องแบบทหาร และท่าทางมั่นคงและแน่วแน่นั่น
“ใช่ค่ะ อธิการบดีเวิน ผู้จัดการหวง เขาเป็นสามีของฉัน ลู่ชิงสี เขาเป็นทหารค่ะ” เจียงเหยาแนะนำให้เขารู้จักกับสามีของเธอ ด้วยความรู้สึกเขินอาย ยังไงเสียเธอเองก็ทำตัวบ้าไปหน่อยที่พึ่งตรงเข้าไปกอดลู่ชิงสี เมื่อย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เธอรู้สึกว่าตัวเธอเอง... อืม ควบคุมตัวเองไม่ได้นิดหน่อย