Dual Cultivation บทที่ 800 เจ้าพยายามจะขู่พวกเราให้ตายงั้นรึ (ฟรี)
"ให้ข้าลอง หมัดพิโรธ”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันอีกคนที่นั่นพลันรีบวิ่งไปที่ซูหยางก่อนจะชกหมัดอันทรงพลังไปที่ค่ายกล
บูม
ช่วงเวลาที่หมัดของนักสู้สัมผัสค่ายกล ก็ราวกับว่าเขาชกตัวเอง เขาถูกส่งตัวปลิวไปหาผู้ชม
ในขณะเดียวกัน ผู้ชมต่างก็กระซิบกระซาบกันด้วยน้ำเสียงงุนงง
"สวรรค์…ข้ามิเคยเห็นใครสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ในเวลาเพียงมิกี่นาที…"
"ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน เขามิเพียงแต่ใช้สำนึกกระบี่ได้ เขายังสามารถสร้างค่ายกลได้อีกด้วย…"
"ถึงแม้จะค่อนข้างทรงพลัง แต่ข้าก็ยังสงสัยอย่างมากว่ามันจะสามารถต้านทานการโจมตีต่อเนื่องได้ตลอด 24 ชั่วโมงข้างหน้าหรือไม่"
"มีใครอยากลองอีกหรือไม่ พวกเจ้ามีเวลา 24 ชั่วโมงในการทะลวงค่ายกลนี้ จนกว่าจะถึงเวลานั้น…" ซูหยางพลันนั่งลงในท่าขัดสมาธิดอกบัวแล้วหลับตา เริ่มการฝึกวิชา
"อ-ไอ้สารเลวนี่ เขาดูหมิ่นพวกเรา"
"ข้ามิเชื่อว่าเราจะทำลายค่ายกลนี้มิได้"
"ทุกคน จัดการเขา"
อย่างรวดเร็ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันหลายร้อยคนเริ่มใช้การโจมตีระยะไกลไปที่ค่ายกล เนื่องจากพวกเขาได้เรียนรู้จากเหยื่อสองคนก่อนหน้านี้ว่าค่ายกลมีคุณสมบัติในการสะท้อนกลับ ทำให้การสัมผัสทางกายภาพเป็นอันตรายมาก
บูม บูม บูม
การระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้ง เมื่อวิชานับร้อยรวมกันโจมตีค่ายกล ทำให้เวทีสั่นเล็กน้อย
##พี่ชาย อาา ข้าทนไม่ไหวแล้ว มาหาข้าที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com หน่อยนะ
"อย่างน้อยก็ต้องทำให้ค่ายกลร้าว"
"มิมีทางที่ค่ายกลจะมิได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น"
ผู้ชมต่างโห่ร้องอย่างตื่นเต้น และผู้นำตระกูลทั้งเก้าต่างก็กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้สึกตัว
สองสามอึดใจต่อมา เมื่อควันและฝุ่นหายไป ค่ายกลที่สวยงามและสมบูรณ์ก็ยังคงล้อมรอบซูหยางโดยไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
"อะไรกัน มิมีแม้แต่รอยขีดข่วนบนค่ายกล เป็นไปได้อย่างไร"
ผู้นำตระกูลงงงันกับผลลัพธ์ ค่ายกลนี้มีความทนทานเพียงใด และซูหยางสร้างสรรค์สิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีได้อย่างไร
"อ-อีกครั้ง พวกเรามาทำกันอีกครั้ง เรามีเวลาทั้งวัน"
นักสู้บนเวทีต่างเปิดฉากโจมตีอีกครั้งไปที่ซูหยาง โดยคราครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการจู่โจมมากขึ้นอีก แต่อนิจจาค่ายกลยังคงไม่มีการบุบสลาย
อย่างไรก็ตาม นักสู้เหล่านี้ก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้และโจมตีซูหยางต่อด้วยวิชาปราณของพวกเขา
เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีคนเข้าร่วมการโจมตีค่ายกลมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขากลัวว่าซูหยางอาจพลันโจมตีพวกเขาจากด้านในค่ายกลในตอนเริ่มต้น แต่เมื่อพวกเขามั่นใจว่าซูหยางจะไม่พลันโจมตี ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจเข้าร่วมสนุก
อย่างไรก็ตาม สนามประลองสามารถรองรับคนได้จำนวนจำกัด ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งกลุ่มและผลัดกันโจมตีค่ายกลขณะที่กลุ่มอื่นๆไปฟื้นฟูพลังวิญญาณของตนเอง
สี่ชั่วโมงต่อมา นักสู้ก็หยุดโจมตีชั่วขณะเพื่อดูผลลัพธ์ของการทำงานหนักของตนเอง
"น-นี่มันบ้าบอเกินไปแล้ว มันมิมีแม้แต่รอยขีดข่วน"
"เป็นไปได้อย่างไรกัน”
"เชี่ย เราจัดการมันมาหลายชั่วโมงแล้ว ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามันแข็งแกร่งจริงๆต้องมีความลับอยู่เบื้องหลังค่ายกลนี้แน่"
"เรามาหยุดโจมตีสักครู่แล้วมาลองวิเคราะห์มันแทน" หนึ่งในนักสู้พลันเสนอแนะ
อย่างไรก็ตาม มีจุดอ่อนขนาดใหญ่ภายในความคิดนั้น
"ใครจะทำล่ะ" อีกคนพลันถาม
"ควรให้ผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านค่ายกล ไม่ว่าอย่างไร มิควรถามมือกระบี่เกี่ยวกับคันธนู"
"ใครที่นี่ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับค่ายกลบ้าง ขึ้นมาที่นี่"
สองสามนาทีให้หลัง ผู้คนนับสิบก็มายืนอยู่ข้างค่ายกลของซูหยาง
"เขาจะมิโจมตีเราในขณะที่เราวิเคราะห์ค่ายกล ใช่หรือไม่" คนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
"อ-อย่าพูดอะไรเช่นนั้น"
"เอาหละ มาเริ่มวิเคราะห์ค่ายกลกันเถอะ"
ดังนั้น คนเหล่านี้จึงเริ่มใช้จิตสัมผัสเพื่อวิเคราะห์ค่ายกล
เมื่อผู้ชมสังเกตเห็นสิ่งที่พวกเขาพยายามจะทำ ทั่วทั้งสถานที่ก็เงียบสงัด เนื่องจากพวกเขาต้องการให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเหล่านี้มีสมาธิ ไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วยตนเอง แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันนี้ในฐานะที่เป็นคนจากทวีปตะวันตก และพวกเขาทั้งหมดต่างก็กำลังต่อสู้กับซูหยางซึ่งมาจากทวีปตะวันออก
อย่างไรก็ตาม หลายนาทีต่อมา เมื่อสถานที่นั้นเริ่มสบายขึ้นด้วยบรรยากาศที่เงียบสงัด และผู้เข้าร่วมการแข่งขันต่างก็หมกมุ่นอยู่กับค่ายกล ซูหยางก็พลันก็ลืมตาขึ้นและปล่อยกระแสพลังที่กดดันอย่างรุนแรงของเขาออกมา พร้อมกับตะโกนออกมาดังๆ
"อ๊ะ"
ปฏิกิริยากะทันหันจากซูหยางนี้ทำให้ทุกคนที่นั่นตกใจกลัว หัวใจของพวกเขาเต้นรัวแทบพุ่งออกจากอก โดยเฉพาะผู้เข้าแข่งขันที่กำลังหมกมุ่นอยู่แต่ค่ายกล จนทำให้พวกเขาฉี่ราดกางเกงด้วยความตกใจกลัว ก่อนจะล้มลงบนเวทีพร้อมกับมีฟองออกมาจากปากในเวลาหลังจากนั้น
"เชี่ย เจ้าพยายามจะขู่พวกเราให้ตายงั้นรึ อะไรคือจุดประสงค์ในการกระทำของเจ้าเมื่อกี้นี้" ผู้นำตระกูลลุกขึ้นจากที่นั่งและเริ่มสาปแช่งไปที่ซูหยางเพราะพวกเขาเองก็ยังได้รับผลกระทบจากเรื่องตลกเล็กน้อยของซูหยาง
"เอ๋ ข้าเกือบจะผ่านไปอีกระดับแล้ว แต่ข้าเดาว่ามันเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าขอโทษถ้านั่นทำให้พวกเจ้าตกใจ" ซูหยางพูดกับพวกเขาด้วยเสียงที่ไม่เหมือนการขอโทษ
"แค่ตกใจรึ เจ้าหมายถึงหัวใจวายใช่ไหม เพราะข้าเองยังรู้สึกหัวใจเต้นแทบเป็นบ้า"
ซูหยางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้ามิได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้ามิพอใจคำขอโทษของข้า ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งเก้าเข้าร่วมการแข่งขันนี้และพยายามทำลายค่ายกลนี้ เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”
"จ-เจ้าพูดอะไรเมื่อกี้นี้ เจ้าจะให้เราโจมตีค่ายกลด้วยงั้นรึ" ผู้นำตระกูลและทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างมองซูหยางด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา
ซูหยางพยักหน้ายืนยัน “ถูกต้อง กฎจะยังคงเหมือนเดิม ถ้าพวกเจ้าสามารถสร้างรอยแตกขึ้นได้แม้แต่ครั้งเดียวบนค่ายกลนี้ภายในเวลาที่กำหนด ข้าจะถือว่ามันเป็นชัยชนะของพวกเจ้า ถ้าเจ้าทำมิได้ มันจะเป็นชัยชนะของข้า”