ตอนที่แล้วบทที่ 380 อัพเกรดทักษะอัญเชิญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 382 ความแข็งแกร่งที่ถูกระงับหายไป

บทที่ 381 เย่คนบ้า


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 381 เย่คนบ้า

“รังป้อนอาหารวิเศษ!”

พอเย่จงหมิงวางมือลงบนอุปกรณ์วงรีนี้ ชื่อและหน้าที่ของมันก็เปิดเผยออกมา

อุปกรณ์ระดับสีเขียวนี้ทำหน้าที่คล้ายกับสระอสูร!

เย่จงหมิงมีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ประเภทนี้ ในชีวิตก่อนสามารถพูดได้ว่า อุปกรณ์อย่างสระอสูรเป็นสมบัติที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับกลุ่มนักรบ และกองกำลังขนาดใหญ่จำนวนมาก

สิ่งนี้ไม่เพียงอนุญาตให้เจ้าของสามารถฝึกฝนสัตว์ประหลาดและชีวิตกลายพันธุ์ให้เป็นสัตว์เลี้ยงสงครามได้เท่านั้น มันยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสัตว์เหล่านั้นได้เป็นอย่างมาก และยังทำให้ได้ผลึกวิเศษมาจากสัตว์เหล่านั้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลึกวิเศษระดับต่ำ ในชีวิตก่อน 5 ปีหลังจากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ผลึกวิเศษระดับต่ำเกือบทั้งหมดจึงได้มาจากพืชและสัตว์กลายพันธุ์ระดับต่ำที่ได้รับการปลูกฝังด้วยสระอสูรชนิดนี้

พูดได้เลยว่า สิ่งนี้ค่อนข้างมีบทบาทคล้ายกับความมั่งคั่ง

ดวงตาของเย่จงหมิงเป็นประกาย ในชีวิตก่อนเขาเคยได้ยินว่าขนาดของสระอสูรของกองกำลังหลักหลายแห่งจะคำนวณเป็นลูกบาศก์เมตรสามหลัก แม้เจ้าสิ่งเล็กๆที่มีขนาดไม่เกินสองลูกบาศก์เมตรนี้จะเล็กจนไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับคนอื่นได้ แต่การได้รับสิ่งนี้มาในช่วงต้นของวันโลกาวินาศ ก็นับว่าค่อนข้างดีเช่นกัน

หลังจากลองเล่นอยู่สักพัก เย่จงหมิงก็ตระหนักได้ทันทีว่ารังป้อนอาหารวิเศษนี้แตกต่างจากอุปกรณ์สระอสูรชนิดอื่น สิ่งนี้ไม่สามารถใช้งานได้โดยตรง แต่ต้องจับสัตว์ประหลาดหรือสัตว์กลายพันธุ์ใส่เข้าไปก่อน

แต่ตอนนี้เย่จงหมิงไม่มี และเนื่องจากอุปกรณ์นี้มีลักษณะเป็นรวงผึ้ง จึงสามารถจับสัตว์ประหลาดหรือสัตว์กลายพันธุ์ที่บินได้ขนาดเล็กเท่านั้น

เย่จงหมิงเกาหัวเล็กน้อย สิ่งนี้ค่อนข้างมีข้อจำกัด นี่เป็นอุปกรณ์บนโลกชนิดพิเศษ ไม่ว่าจะใช้งานได้ดีในอาณาจักรลับหรือไม่ มันก็เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะอย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดและสัตว์กลายพันธุ์ของที่นี่ก็ยังคงมีความแตกต่างจากบนโลก

หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน เย่จงหมิงก็ไม่กังวลอีกต่อไป เขาสามารถจับสัตว์ประหลาดที่ตรงตามเงื่อนไขมาลองได้ไม่ใช่หรือ

หลังจากดูข้อกำหนดอื่นๆแล้ว สิ่งที่เย่จงหมิงกังวลมากที่สุดคือปัญหาเรื่องพลังงาน โชคดีที่มันไม่ต้องใช้ผลึกวิเศษ มันแค่ต้องการเลือดของเขา แต่ก็มีปริมาณไม่มากนัก เพียงแค่บางส่วนในช่วงเริ่มต้นที่จำเป็นต้องให้อาหารเพื่อให้มีการวิวัฒนาการเท่านั้น โดยปกติชีวิตกลายพันธุ์ที่อยู่ในรังจะสามารถอยู่รอดและสะสมพลังงานที่จำเป็นเพื่อการวิวัฒนาการได้ โดยการออกล่าหาอาหารด้วยตัวเอง

หลังจากได้รับอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้ว เย่จงหมิงก็ไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ได้ เห็นได้ชัดว่างานแบบนี้ยิ่งทำเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นเขาจึงออกไปพบอาเถากับฮุยซานก่อน เพื่อสอบถามหัวหน้าเผ่าทั้งคู่ถึงเรื่องสัตว์ประหลาดบินได้ขนาดเล็กที่อยู่โดยรอบ

ผู้เฒ่าทั้งสองมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเย่จงหมิงถึงได้ถาม แต่พวกเขาก็ยังไปหาหัวหน้าทีมล่าสัตว์ของเผ่าตนเพื่อสอบถามให้

และแผนที่ของอาเถามีประโยชน์เช่นกัน เขาแผ่มันลงบนโต๊ะ หลังจากพูดคุยกับคนไม่กี่คน ก็สามารถกำหนดตำแหน่งที่มีสัตว์ประหลาดที่ตรงตามเงื่อนไขของเย่จงหมิง

เย่จงหมิงยังคงมองไปที่แผนที่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วขยับนิ้วของเขาต่อไป

“ที่นี่และที่นี่ เป็นเป้าหมายของความร่วมมือครั้งต่อไปของเรา แต่เราจะเลือกที่ไหน?” เย่จงหมิงชี้ไปยังจุดสีดำสองแห่งบนแผนที่ ที่อาเถาทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษ

อาเถาพยักหน้า ฮุยซานเป็นเป้าหมายแรกของพวกเขา และทั้งสองจุดนี้จะเป็นเป้าหมายต่อไป แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองเผ่านี้แข็งแกร่งกว่าฮุยซาน และหนึ่งในสองเผ่านั้นยังแข็งแกร่งกว่าเผ่าต๋าปู้เล็กน้อยอีกด้วย

เย่จงหมิงพยักหน้า ไม่พูด ดูแผนที่อีกครั้ง และถามข้อมูลบางอย่างกับอาเถาเป็นครั้งคราว

ในที่สุดเย่จงหมิงก็ลูบไล้ไปที่จุดเดียว

“ตรงนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดถงหมานใช่ไหม?”

หลังจากได้รับคำตอบจากอาเถาแล้ว เย่จงหมิงก็พูดว่า “และนี่คือกลุ่มสัตว์ประหลาดถงหมานที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณใกล้เคียงใช่ไหม? มันมีมากกว่าพันตัว!”

ตอนนี้ฮุยซานก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่เผ่าอาเถาลงมือบนเส้นทางของการผนวกเผ่าที่แทบไม่อาจหวนกลับได้เลยนั้น เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้ ชายหนุ่มคนนี้มาที่เผ่าอาเถาน้อยกว่าร้อยวันทรายตก แต่กลับมีจุดยืนที่เหนือกว่าอาเถา และกลายเป็นปากเสียงของเผ่า เขาจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อชายหนุ่มคนนี้ได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำถามของเย่จงหมิง ฮุยซานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่า “เย่ เจ้าคงไม่ได้อยากล่าสัตว์ประหลาดถงหมานหรอกนะ? นั่น นั่นมีมากกว่าหนึ่งพันตัวเชียวนะ แล้วจ่าฝูงก็อยู่ที่ระดับ 6 ด้วย!”

เมื่อฮุยซานเห็นว่าเย่จงหมิงไม่ตอบรับ เขาจึงกล่าวต่อไปว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเคยฆ่าสัตว์ประหลาดสองปีกระดับ 6 มาก่อน และเจ้าไม่กลัวการดำรงอยู่ของระดับ 6 แต่สัตว์ประหลาดถงหมานนั้นแตกต่างออกไป พวกมันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่อยู่โดดเดี่ยวเหมือนสัตว์ประหลาดสองปีก แต่พวกมันเป็นสัตว์สังคม ไม่เพียงมีจ่าฝูงที่อยู่ระดับ 6 เท่านั้น พวกมันยังมีระดับ 5 อยู่อีกอย่างน้อย 10 ตัว และระดับ 4 อีกมากกว่า 200 ตัว ระดับ 3 มากกว่า 500 ตัว! นอกนั้นจะเป็นสัตว์ประหลาดถงหมานเด็กที่อยู่ในระดับ 2!”

อาเถาก็พูดขึ้นเช่นกัน

“ใช่แล้ว ฮุยซานพูดถูก แม้นักรบจากสองเผ่าเรารวมกันจะมีมากถึง 300 คนก็ตาม แต่เราก็ไม่สามารถล่าสัตว์ประหลาดถงหมานที่มีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ ระดับ 3 ถึง ระดับ 4 มากกว่า 1,000 ตัว ได้ มันเกินความสามารถของเรา!”

เย่จงหมิงส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ผู้เฒ่าทั้งสอง เราไม่เพียงแต่ต้องล่าสัตว์ประหลาดถงหมานเหล่านี้เท่านั้น ทั้งยังต้องแจ้งให้ทั้งสองเผ่านั้นทราบล่วงหน้าด้วย เพื่อให้พวกเขามาเฝ้าดูการล่าสัตว์ของพวกเราด้วยตาของพวกเขาเอง!”

หา?

ร่างสูงของสองหัวหน้าเผ่าในเต็นท์มองหน้ากัน ในใจก็คิดว่าไม่เพียงไม่สามารถห้ามปรามเจ้าได้แล้ว นี่เจ้ายังต้องการให้คนอื่นมาดูเจ้าล่าสัตว์ด้วยหรือ? นี่…ไม่เท่ากับว่าเจ้าต้องการหาคนมาดูเจ้าตายอย่างงั้นหรือ?

ตี้นั่วกับไคนั่ว สองหัวหน้าทีมล่าสัตว์ของเผ่าอาเถารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเย่จงหมิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตอบสนองต่อเรื่องนี้มากนัก แต่หัวหน้าทีมล่าสัตว์ทั้งสองของเผ่าฮุยซานกลับดูแย่ไปหน่อย

ไม่ต้องพูดถึงว่าการล่าแบบนี้จะเป็นวาระที่ต้องล้มเหลวแล้ว ต่อให้คิดกลับเป็นหมื่นก้าว ว่าในที่สุดการล่าจะประสบความสำเร็จ แต่มันต้องจ่ายขนาดไหน หากมียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ใน 3 พลังชีวิตของทั้งสองเผ่าจะได้รับความเสียหายอย่างมาก แม้จะผ่านทรายตกนับพันวันก็ไม่สามารถเยียวยาได้เลย แล้วจะทำอย่างไร?

เย่จงหมิงรู้ถึงความกังวลของพวกเขา แต่เขาก็มีแผนในใจเช่นกัน

ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงแล้ว แม้เย่จงหมิงจะไม่เคยสัมผัสกับฤดูหนาวของอาณาจักรลับนี้มาก่อน แต่หลังจากได้ฟังการบอกเล่าของมรณาชนแล้ว เขาก็รู้ว่านี่เป็นฤดูที่หนาวสุดขั้ว ในช่วงฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นมรณาชนหรือคนจากอารามรุ่งอรุณ หรือว่าสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรลับปู้หลู่ ล้วนตกอยู่ในสภาวะซุ่มซ่อนตัว มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถเพิกเฉิยต่อสภาพอากาศสุดขั้วนี้ได้

ทุกชีวิตจึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลนี้

แต่เย่จงหมิงไม่เพียงไม่เบื่อหน่ายต่อฤดูหนาว แถมยังยินดีต้อนรับเป็นพิเศษ เนื่องจากในช่วงเวลานี้ จะให้เวลาเขาทำตามแผนได้สำเร็จ

หากไม่มีฤดูหนาวข่าวการทำลายเผ่าต๋าปู้จะรู้ไปถึงเมืองราชามรณาชนอย่างรวดเร็ว ชนเผ่าและเหล่าราชามรณาชนจะไม่อยู่นิ่งเฉย เพราะสิ่งดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น และอาณาจักรลับปู้หลู่ก็ไม่ใช่โลก แม้เย่จงหมิงจะมีระดับวิวัฒนาการที่สูง แต่ก็ไม่สูงเกินไป อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเหล่าราชามรณาชนที่อยู่ที่นี่มานานไม่รู้ว่าจะกี่ปีแล้วนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เย่จงหมิงกับเผ่าอาเถาในปัจจุบันไม่สามารถเปรียบเทียบได้

แต่เนื่องจากฤดูหนาว เย่จงหมิงจะได้รับเวลามากกว่า 100 วันทรายตก ถ้าหากเขาไม่ทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่มีผลตอบแทนสูงในตอนนี้ เมื่อฤดูหนาวสิ้นสุดลง ไม่ต้องพูดถึงการกลับโลก เย่จงหมิงเองก็อาจตายในอาณาจักรลับแห่งนี้

เมื่อเทียบกับเหล่าราชามรณาชนที่น่าสะพรึงกลัวในเมืองราชามรณาชนแล้ว สัตว์ประหลาดถงหมานระดับ 4 มากกว่าพันตัวนี้จะนับเป็นอะไรได้? เย่จงหมิงตัดสินใจแล้ว เขาไม่อาจพึ่งพาแค่ไพ่ในมืออีกต่อไป เขาต้องการใช้เวลาที่สั้นที่สุด ผนวกเผ่าให้ได้มากที่สุด ขยายอาณาเขตครอบครองให้ใหญ่ยิ่งขึ้น ไปจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูหนาว เพื่อให้เหล่าราชามรณาชนต้องหยุดคิด หากต้องการทำลายเขา!

แค่สัตว์ประหลาดถงหมานเหล่านี้จะเป็นอะไรได้!

“ข้อเสนอเสร็จสิ้น ข้าจะไปหาสัตว์ประหลาดบินได้ตัวเล็กๆ ก่อน โปรดแจ้งให้ทั้งสองเผ่านั้นทราบว่าหลังจากนี้ เราจะไปพบกันตรงถิ่นที่อยู่ของสัตว์ประหลาดถงหมาน ถึงเวลานั้นข้าจะทำให้ดีที่สุด” เย่จงหมิงตบโต๊ะและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “จากนั้นข้าจะถามพวกเขาว่าจะเข้าร่วมกับเราไหม ทางที่ดีที่สุดคือพวกเขาตกลง แต่ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย ข้าคิดว่าพวกเราคงจะมีทาสเพิ่มมากกว่านี้!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด