WS บทที่ 331 องค์ชายแปด
เมืองอิมพีเรียลแห่งอาณาจักรแบล็คมูนเต็มไปด้วยผู้คนที่หนาแน่น หากเทียบกับเมืองต่าง ๆ ที่เมอร์ลินเคยไปมาทั้งหมด เมืองเหล่านั้นมีจำนวนคนน้อยกว่าเมืองอิมพีเรียลอย่างเทียบไม่ติด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองอิมพีเรียลเป็นเมืองที่มีคนธรรมดากับนักเวทย์อาศัยอยู่ร่วมกัน ยิ่งทำให้มีบรรยากาศที่แตกต่างออกไป
บนท้องถนน นักเวทย์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสันและออกไปทำธุระ ส่วนคนธรรมดาก็ใช้ชีวิตตามปกติ นอกจากนี้ยังมีนักเวทย์ที่มีลักษณะที่แปลกประหลาดและผิดรูปเหมือนเผ่าสัตว์บนเทือกเขาอัลไพน์ คนโดยรอบไม่แสดงท่าทีแตกตื่นเมื่อเห็นพวกเขา เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ของที่นี่มีความคุ้นเคยกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินเพียงเหลือบมองไปรอบ ๆ เมืองอิมพีเรียลโดยไม่สนใจอะไรมกนัก เนื่องจาก ณ ตอนนี้ เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับการตรวจสอบแม็กซิมแห่งไฟในจิตใต้สำนึกของเขา
ที่นอกเมืองอิมพีเรียล เมอร์ลินรู้สึกว่าหอคอยแบล็คมูนได้สะกดพลังของแม็กซิมแห่งไฟ อาจเป็นได้ว่าหอคอยแบล็กมูนมีพลังลึกลับซึ่งสามารถปราบปรามแม็กซิมแห่งไฟได้
ดังนั้น เมอร์ลินจึงกลัวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับมัน ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจแม็กซิมแห่งไฟอย่างใกล้ชิด
แม้ว่าตัวของแม็กซิมแห่งไฟจะถูกสะกดมากขึ้นเพิ่มขึ้นหลังจากที่เขาเข้าไปในเมืองอิมพีเรียลแต่โชคดีที่แม็กซิมก็ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังคงนิ่งสงบอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา
หอคอยแบล็กมูนขนาดมหึมาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากทุกที่ในเมืองอิมพีเรียล เมอร์ลินคอยมองดูหอคอยแบล็คมูนเป็นครั้งคราว ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของแรงกดดันที่มันปล่อยออกมา
ผู้เฒ่างูเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่มากกว่าหนึ่งคนคอยเฝ้าดูอยู่ในหอคอยแบล็คมูน ตัวหอคอยทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับราชวงศ์ของอาณาจักรแบล็คมูน ด้วยการคุ้มครองของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่มากกว่าหนึ่งคน พวกเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีใด ๆ ที่จะเข้ามาในเมืองอิมพีเรียลได้
นอกจากนี้ ด้วยการมีอยู่ของหอคอยแบล็ฏมูน ทำให้ไม่มีองค์กรนักเวทย์หรือนักเวทย์คนไหนกล้าที่จะโจมตีเมืองอิมพีเรียล แม้แต่ออสมูที่หยิ่งผยองก็ไม่เคยเคลื่อนไหวในเมืองอิมพีเรียลเช่นกัน
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ เดินไปตามถนนและหลังจากการเดินทางอย่างเงียบ ๆ ในที่สุด มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่โตอลังการซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด ทหารยามชั้นยอดคอยเฝ้าระวังอยู่นอกคฤหาสน์และบางครั้งนักเวทย์ก็จะสำรวจรอบ ๆ ด้วยพลังจิตจากข้างใน
ขณะที่เมอร์ลินและคนอื่น ๆ มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์ พลังจิตอันทรงพลังหลายสายก็ไหลผ่านเมอร์ลินอย่างโจ่งแจ้ง พลังจิตส่วนใหญ่สามารถเทียบได้กับนักเวทย์ระดับหก
“การรักษาความปลอดภัยที่นี่เข้มงวดมาก!”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่ดีกับการตรวจสอบของพลังจิตจากภายในคฤหาสน์
การที่นักเวทย์มาตรวจสอบด้วยพลังจิตของพวกเขาอย่างเปิดเผยจะทำให้พวกนักเวทย์ด้วยกันขุ่นเคือง บางครั้งก็ผิดใจกันด้วยสาเหตุนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้เฒ่างูพูดอย่างเร่งรีบ “พ่อมดเมอร์ลิน ได้โปรดอดทนรอก่อน คฤหาสน์ขององค์ชายแปดไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเหตุว่าทำไมการรักษาความปลอดภัยจึงเข้มงวดมาก”
แน่นอน เมอร์ลินรู้ดีว่าผู้เฒ่างูหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ฉันหวังว่าจะได้พบกับองค์ชายแปดโดยเร็วที่สุด”
“โปรดรอสักครู่ พ่อมดเมอร์ลิน หลังจากที่เราได้พบกับองค์ชายแปดแล้ว เราจะเชิญท่านไปพบกับพระองค์!”
ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่างู, พ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซคราจึงรีบเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ โดยปล่อยให้เมอร์ลินอยู่ในห้องโถงที่เงียบสงบ
มีรูปปั้นที่มีรายละเอียดประณีตอยู่ภายในห้องโถง งานแกะสลักเหล่านี้เป็นงานเลียนแบบที่สมบูรณ์แบบ ใคร ๆ ก็บอกได้ว่าเป็นผลงานของปรมาจารย์ ร่างมนุษย์นั้นเหมือนจริงมาก เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงประติมากรรมนูนลึกลับที่เขาได้รับมา มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาได้พวกมันมา
ปัจจุบันเขามีคุณลักษณะทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมแต่เนื่องจากเวลาที่จำเป็นในการฝึกฝนกระบวนท่าลึกลับทั้งสี่นั้นนานเกินไป การพัฒนาร่างกายของเขาจึงเปลี่ยนแปลงมากนัก
เมอร์ลินรู้ว่ามีรูปปั้นลึกลับมีอยู่มากกว่าสี่รูป อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้รับพวกมันมาด้วยความโชคดี ดังนั้นคงเป็นการยากที่จะหาพวกมันมาเพิ่ม
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมอร์ลินรู้สึกว่ากระแสพลังจิตที่ตรวจสอบเขาดูเหมือนจะหายไป พวกเขาคงตระหนักได้ว่าเมอร์ลินไม่มีอันตรายใด ๆ และด้วยเหตุนี้จึงหยุดการสอดแนมของพวกเขา
ตอนนี้เมื่อไม่มีใครแอบดูเขา เมอร์ลินก็รู้สึกผ่อนคลาย ตอนนี้เขาว่างและไม่รู้จะทำอะไร เขาจึงหลับตาและเริ่มทำบางสิ่งที่ไม่ค่อยได้ทำ นั่นคือการทำสมาธิ
...
ในห้องที่วิจิตรงดงาม ร่างที่หล่อเหลามีสัดส่วนดียืนตัวตรง ผมลอนยาวไหลไปทางด้านหลังศีรษะของเขาจนถึงไหล่และใบหน้าที่ขาวใสของเขาเต็มไปด้วยความสง่างาม อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเขามีความลึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ราวกับว่ามีพลังประหลาดอย่างในแววตาและไม่มีใครกล้ามองตรงมาที่เขา
บุรุษผู้สง่างามด้วยกิริยานี้ นุ่งห่มผ้าเนื้อดี เขาเป็นองค์ชายแปด ข้างหน้าเขามีผู้เฒ่างู, พ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซาครายืนอยู่ ทั้งสามคนก้มศีรษะลงพร้อมแสดงความเคารพ
ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละอาย ผู้เฒ่างูกล่าวว่า “ฝ่าบาท เนื่องจากมีเหตุจำเป็นทำให้ทางกระหม่อมต้องเลื่อนเดินทางออกไปเป็นเดือนกว่าและระหว่างทางกลับ กระหม่อมถูกพ่อมดโอเดนขององค์ชายสี่ซุ่มโจมตีแต่กระหม่อมสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”
การแสดงออกขององค์ชายแปดยังคงไม่เปลี่ยนแปลงราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นความตื่นเต้นหรือความผิดหวังของเขาได้ มีความรู้สึกมั่นคงและมั่นใจอยู่เสมอเกี่ยวกับตัวเขา
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน องค์ชายแปดก็เริ่มพูดช้าๆ “ผู้เฒ่างู คุณบอกว่าเมอร์ลินมอบของขวัญอันใจกว้างสามอย่างให้ฉัน? นักเวทย์ระดับสองสามารถทำลายเมืองได้สามแห่งติดต่อกันและแม้แต่ฟิเนลโลซึ่งเป็นปรมาจารย์แห่งอักษรรูนก็ยังตาย เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
ผู้เฒ่างูพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ เราประเมินความสามารถของเมอร์ลินต่ำไป อันที่จริง พลังของเขาช่างน่ากลัว และสามารถเทียบได้กับนักเวทย์ระดับหก! ระหว่างทางกลับครั้งนี้ เราได้พบกับพ่อมดลำดับเก้าโอเดนและแม้แต่ลูกน้องของกระหม่อมก็ถูกฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อมดเมอร์ลินที่เคลื่อนไหวในจุดสำคัญที่ทำให้โอเดนหนีไปด้วยความกลัว กระหม่อมเกรงว่าสิ่งต่าง ๆ จะเลวร้ายลงกว่านี้มากพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซาคราพยักหน้าซ้ำ ๆ พวกเขาได้เห็นกับตัวเองว่าโอเดนเริ่มวิตกกังวลและจากไปหลังจากที่เมอร์ลินโจมตี ทำให้พวกเขากลับไปยังเมืองอิมพีเรียลได้อย่างปลอดภัย พวกเขาทำไม่ได้หากปราศจากการช่วยเหลือของเมอร์ลิน
องค์ชายแปดก็ยิ้มเช่นกัน "เข้าใจแล้ว ฉันดีใจที่พวกคุณกลับมาได้อย่างปลอดภัยและที่สำคัญกว่านั้น คุณได้พาเมอร์ลินมาด้วย สำหรับเมอร์ลิน ฉันมีแผนการสำหรับเขา”
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ รู้สึกอุ่นใจ องค์ชายแปดให้ความเคารพต่อเหล่านักเวทย์มาโดยตลอด แม้ว่าจะเป็นเผ่างูอัลไพน์ก็ตาม มีหลายคนที่ดูถูกเผ่างูอัลไพน์ลึกลงไปในหัวใจของพวกเขา แต่ผู้เฒ่างูสามารถเห็นได้ว่าองค์ชายแปดปฏิบัติต่อเผ่างูเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป
นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมผู้เฒ่างูจึงตั้งใจที่จะติดตามองค์ชายแปด ส่วนทางเผ่าหมาป่าอย่าง เยเลน่าผู้ซึ่งได้ให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อองค์ชายสี่ พวกเขาถูกใช้เพื่อบุกทะลวงแนวหน้าในการโจมตีเท่านั้น ตำแหน่งของเธอจึงดีกว่าทาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ฝ่าบาท ความสงบสุขของอาณาจักรถูกทำลายไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? ทำให้องค์ชายสี่จึงกล้าพอที่จะส่งคนมาฆ่าพวกกระหม่อม…”
ก่อนที่ผู้เฒ่างูจะพูดจบ องค์ชายแปดก็โบกมือให้เขาขัดจังหวะ ใบหน้าของเจ้าชายค่อย ๆ มืดลงและนิ้วชี้ยาวของเขาก็เคาะโต๊ะเบา ๆ นี่เป็นนิสัยของเขาที่มีมาช้านานซึ่งเขาจะทำก็ต่อเมื่อรู้สึกวิตกกังวลและไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง แสงสว่างที่แน่วแน่ก็ส่องประกายในดวงตาขององค์ชายแปดขณะที่เขาพูดเบา ๆ ว่า “เรื่องนั้นช่างมันก่อน เราไปพบกับพ่อมดเมอร์ลินกันก่อน สำหรับพี่สี่…ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!”
ผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ โค้งทำความเคารพ จากนั้นพวกเขาก็เดินตามองค์ชายแปดไป ขณะพวกเขาเดินออกจากห้องไปที่ห้องโถง
…
“ไวเคานต์เมอร์ลิน องค์ชายแปดเชิญท่านเข้าเฝ้าพระองค์!”
เมอร์ลินกำลังนั่งสมาธิอยู่เมื่อมีทหารยามในชุดเกราะสีเงินมาอยู่ข้าง ๆ เขาและกล่าวออกมาเบา ๆ
แม้ว่าเขากำลังนั่งสมาธิ แต่เมอร์ลินก็ไม่เคยคลายการรับรู้ถึงโลกภายนอกของเขา ดังนั้นเขาจึงลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและเหลือบมองที่ยามเกราะเงินและพูดอย่างใจเย็นว่า
“นำทางไป”
ต่อจากนั้น เมอร์ลินก็เดินตามหลังทหารยามชุดเกราะเงินและเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์
ภายในห้องโถงมีแสงสว่างเพียงพอและสามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ภายในมีทั้งหมดสี่คน สามคนเป็นผู้เฒ่างู, พ่อมดฮาสโบรและพ่อมดซาคราซึ่งเป็นคนที่เมอร์ลินรู้จักทั้งหมด
ตรงกลางเป็นขุนนางที่เพรียวบางและหล่อเหลาซึ่งมีท่าทางที่แน่วแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือองค์ชายแปด
เมอร์ลินประพฤติตนตามมารยาทมาตรฐานของชนชั้นสูงในทันทีและโค้งคำนับต่อองค์ชายแปด ท้ายที่สุด นอกจากเขาจะเป็นนักเวทย์แห่งดินแดนมนต์ดำแล้ว ตอนนี้เขายังเป็นไวเคานต์ ขุนนางในอาณาจักรแบล็คมูนอีกด้วย!
“องค์ชายแปดผู้ทรงเกียรติ กระหม่อมขอขอบพระคุณที่พระองค์ส่งผู้เฒ่างูไปที่ปราสาทวิลสันและช่วยตระกูลวิลสันให้พ้นจากภัยพิบัติพ่ะย่ะค่ะ!”
ไม่ว่าเจตนาขององค์ชายแปดจะเป็นอย่างไรแต่การส่งผู้เฒ่างูขององค์ชายแปดได้ปกป้องตระกูลวิลสันอย่างแท้จริง ทำให้พวกเขารอดพ้นจากการรุกรานของเหล่านักเวทย์ เมอร์ลินแสดงความขอบคุณจากใจจริง
รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์ชายแปด และเขาพูดอย่างอบอุ่นว่า “ไวเคานต์เมอร์ลิน การส่งผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ไปที่ปราสาทวิลสันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ของขวัญสามชิ้นของคุณมีค่ากว่าเรื่องพวกนั้นมาก!”
เมอร์ลินรู้ว่าองค์ชายแปดกำลังพูดถึงเมืองทารัน เมืองควินโนมิและเมืองฟรานย่า เมอร์ลินได้สังหารเหล่านักเวทย์จากทั้งสามเมืองนี้ตลอดการเดินทางและบังคับให้พวกเขาให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อองค์ชายแปด
ด้วยเหตุนี้ เมืองทั้งสามจึงสามารถรวมเข้ากับเมืองปรากาชได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์ชายแปด ดังนั้นจึงเป็น ‘ของขวัญที่ล้ำค่า’ สำหรับพระองค์
เมอร์ลินเฝ้าสังเกตองค์ชายแปด ดูเหมือนเขาจะอายุไม่มากนักแต่เมอร์ลินรู้ดีว่าองค์ชายแปดที่จริงแล้วมีอายุมากกว่าสี่สิบปี ในบรรดานักเวทย์ อายุ 40 ปีถือว่ายังเด็ก องค์ชายแปดเป็นนักเวทย์ด้วยและทรงอานุภาพมากด้วยเช่นกัน
เมอร์ลินค่อนข้างมั่นใจว่าองค์ชายแปดแข็งแกร่งกว่าพ่อมดโอเดนที่พยายามจะฆ่าผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ระหว่างทางมาที่นี่
สิ่งที่เมอร์ลินคิดย่อมมีความเป็นไปได้ ราชวงศ์ทั้งหมดของอาณาจักรแบล็คมูนเปรียบได้กับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ ในฐานะเจ้าชายจากราชวงศ์ ผู้แข่งขันชิงบัลลังก์ พรสวรรค์ในการเป็นนักเวทย์จะไม่สูงล้ำกว่าคนอื่นได้อย่างไร
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะอายุเพียง 40ปี แต่องค์ชายแปดก็เป็นนักเวทย์ระดับหกอยู่แล้ว สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่น แต่สำหรับเจ้าชายจากราชวงศ์ นี่เป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครเทียบได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เผยให้เห็นโดยอ้อมว่ามรดกของราชวงศ์แบล็กมูนเป็นสิ่งที่ดินแดนมนต์ดำไม่สามารถเปรียบเทียบได้!
“ฝ่าบาทได้ส่งผู้เฒ่างูและคนอื่น ๆ ไปที่ปราสาทวิลสัน แน่นอน กระหม่อมจะไม่ลืมความเมตตาของพระองค์! อย่างไรก็ตาม พระองค์จะไม่ส่งคนเหล่านั้นไปปกป้องตระกูลวิลสันโดยไม่มีเหตุผล ใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ?”
ทันทีที่เขาพูดจบ เมอร์ลินก็หรี่ตาและมองตรงไปทางองค์ชายแปดโดยไม่หวั่นไหว