บทที่ 30 หนูต้องการป๊ะป๋าเท่านั้น
“ถ้าลูกอยู่กับป๊ะป๋า ลูกจะไม่มีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน” ซูเชิ่งจิ่งนั่งยองๆ แล้วจับไหล่ของเธอและพูดต่อ “ลูกยังจำลุงที่มาบ้านของเราได้ไหม? ลูกไม่ได้บอกเหรอว่าเขาหล่อ และลูกก็ชอบเขามาก?”
“ครอบครัวของเขารวยมาก ถ้าลูกไปอยู่กับเขาก็จะได้กินอาหารอร่อยๆ และพวกเขาจะดีกับลูก พวกเขาจะซื้อเสื้อผ้าสวยๆและของเล่นให้ลูกด้วย แต่ถ้าลูกยังอยู่กับป๊ะป๋า ลูกจะไม่มีอะไรเลย”
ซูจิ่วปฏิเสธทันที “หนูมีป๊ะป๋าก็พอแล้ว!”
“......” ซูเชิ่งจิ่งตกใจ
เด็กหญิงตัวน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วพูดอย่างจริงจัง “เสี่ยวจิ่วไม่ต้องการกินอาหารอร่อยๆ ไม่ต้องการเสื้อผ้าสวยๆหรือของเล่น หนูแค่อยากอยู่กับป๊ะป๋าเท่านั้น แต่ป๊ะป๋าไม่ต้องการหนูแล้ว…”
ลำคอของซูเชิ่งจิ่งดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยน้ำเปรี้ยวขมฝาด
เมื่อเกี๊ยวน้อยเรียกเขาว่าป๊ะป๋า เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย และก่อนหน้านี้ เขากําลังคิดหาวิธีใช้จิตวิทยาให้กับเธออยู่ แต่ตอนนี้ จิตใจและสมองของเขาสับสนไปหมด เหลือไว้เพียงน้ำตาของเด็กหญิงตัวน้อย และเสียงที่ยังไม่หย่านมที่น่าสงสารเท่านั้น
ซูจิ่วดึงกางเกงของเขา และอ้อนวอนอีกครั้ง “ป๊ะป๋า อย่าทิ้งเสี่ยวจิ่ว...เสี่ยวจิ่วจะเชื่อฟัง! ป๊ะป๋าได้โปรด…”
## เรื่องใหม่มาแล้ว รับรองสนุกไม่แพ้ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ
เกี๊ยวน้อยกำลังขอร้องเขาด้วยตัวเอง และความคิดที่จะให้เธอไปเป็นลูกบุญธรรมก็พังทลายลงในพริบตา จากนั้น ซูเชิ่งจิ่งก็อุ้มซูจิ่วไว้ในอ้อมแขนของเขา “เด็กคนนี้นี่โง่จริงๆ ไม่อยากมีชีวิตที่ดีงั้นเหรอ?”
ซูจิ่วกอดคอของเขาแน่น และซบหน้าของเธอไว้ที่ไหล่ของเขา เหมือนลูกแมวตัวหนึ่งที่ต้องพึ่งพาเจ้าของเท่านั้น “หนูต้องการป๊ะป๋าเท่านั้น”
ซูเชิ่งจิ่งกอดเกี๊ยวน้อยแน่น จนได้กลิ่นนมจากร่างกายของเด็กน้อย ซึ่งเขารู้สึกถึงการพึ่งพาของเธอ และลำคอของเขาดูเหมือนจะสำลักน้ำเปรี้ยวขมฝาดออกมาอีกรอบ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ป๊ะป๋าผิดไปแล้ว ป๊ะป๋าไม่ควรทิ้งลูก”
เชิ่งเทียนสื่อใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่นี่ และเขาก็นําของอร่อยๆ และของเล่นมามากมาย ซึ่งมีทั้งถุงใบใหญ่และถุงใบเล็กที่เขาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง
หลังจากเข้าประตูมา เขาก็เห็นซูจิ่วที่กำลังจับมือซูเชิ่งจิ่งเพื่อมาเปิดประตู และดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นทันที “สาวน้อย เราพบกันอีกแล้ว หนูคิดถึงลุงบ้างไหม?”
ซูจิ่วยิ้มหวานให้เขา “ลุงสุดหล่อ!”
เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกดีใจ และดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้จะมีความประทับใจในตัวเขามาก แต่เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการจะไปกับเขาไหม?
เชิ่งเทียนสื่อยื่นอมยิ้มและของเล่นให้กับซูจิ่ว เพื่อพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ จากนั้นเขาก็ดึงซูเชิ่งจิ่งไปด้านข้างและกระซิบด้วยเสียงเบา “เป็นยังไงบ้าง สาวน้อยอยากไปอยู่กับฉันไหม?”
ซูเชิ่งจิ่งถอนหายใจ “เธอบอกฉันว่าเธอไม่ต้องการ และยังบอกอีกว่าไม่ต้องการอาหารอร่อยๆ ไม่ต้องการเสื้อผ้าหรือของเล่น ตราบใดที่ฉันเป็นป๊ะป๋าของเธอ จากนั้นก็ร้องไห้ และบอกว่าอย่าให้เธอไปอยู่กับคนอื่น”
เชิ่งเทียนสื่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างอาราณ์เสีย “ไอ้บ้าเอ้ย! นายไปหยิบลูกสาวที่เหมือนนางฟ้าแบบนี้ที่ไหนมา เธอไม่รังเกียจนายที่เป็นแบบนี้ ซึ่งเธอดูเหมือนเสื้อแจ็คเก็ตบุนวมผ้าฝ้ายตัวเล็กๆเลย และที่สำคัญ ตอนนี้ฉันรู้สึกอิจฉานายมาก นายคิดว่าฉันควรทำอย่างไรดี?”
เขารีบวิ่งมาอย่างมีความสุขและคาดหวัง แต่เด็กหญิงตัวน้อยไม่ต้องการไปอยู่กับเขา และตอนนี้ เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บทางใจมาก
ซูเชิ่งจิ่งเหลือบมองไปที่ซูจิ่วที่กำลังแกะห่อขนมออก และในใจรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก “หึ…ยังไงนายก็ไม่มีลูกสาวแบบนี้หรอก”
“ใครจะไปรู้! ถ้าฉันแต่งงานและมีลูกสาวในอนาคต ฉันจะดูแลและสนิทสนมมากกว่านายเป็นร้อยเท่าแน่นอน!”
ซูเชิ่งจิ่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างรังเกียจ
เชิ่งเทียนสื่อเกาหัวและถามขึ้นอีกครั้ง “แต่มันไม่สะดวกจริงๆ สำหรับนายที่จะพาเธอไปทำงานด้วย พวกเขาจะรับนายเหรอ?”
ซูเชิ่งจิ่งเงียบไปสองวินาที และพูดว่า “ฉันจะหาวิธีให้ได้”
เมื่อคำพูดนั้นจบลง ซูจิ่วก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ป๊ะป๋า หนูมีวิธีแก้ปัญหา!”