ตอนที่ 20
เสี่ยวฮ่วยรู้สึกผิดเสมอที่ตัวเองเป็นตัวถ่วง เขานอนไม่หลับทุกวัน หลังจากซ้อมด้วยวิธีของจีเจ๋อหยูบอก ภาพรวมของการแสดงก็แสดงศักยภาพได้อย่างก้าวกระโดด เขาที่วิตกกังวลก็ใจชื้นขึ้นมาได้
ความรู้สึกเหมือนกับการเจอประภาคารในคืนที่มืดมิด และความคิดที่ยอมแพ้ไปแล้วก็ฟื้นคืนขึ้นมาในทันที เขามองไปที่จีเจ๋อหยูด้วยสายตาชื่นชมอย่างอดไม่ได้
ไป่เซิงเจี๋ยแต่เดิมเขาก็เป็น "หยูแฟน" อยู่แล้ว ทุกวันนี้เขาบอกเพื่อนของเขาตลอดว่าจีเจ๋อหยูเยี่ยมแค่ไหน แล้วตอนนี้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อจีเจ๋อหยูก็ยิ่งเพิ่มพูนเข้าไปอีก ..แถมเขายังสามารถออกแบบเวทีและออกแบบการแสดงได้ดีมาก
ไป่เซิงเจี๋ยมองตามจีเจ๋อหยูด้วยสายตาวิบวับ พูดชมปะเหลาะ “กัปตัน นายเป็นอัจฉริยะตัวน้อยจริงๆ!”
ซูจิงและถังเซี่ยเหยียน เดิมทีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขการแสดงของจีเจ๋อหยู แต่เมื่อเอฟเฟกต์บนเวทีเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นการแก้ไขที่สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก และลดความไม่แน่นอนของเสี่ยวฮ่วยลงอย่างมาก
หลังซ้อมเสร็จ เสี่ยวฮ่วยก็รั้งจีเจ๋อหยูไว้เพื่อขอบคุณ
“ฉันรู้ว่านายออกแบบเวทีนี้ให้ฉัน…” ดวงตาของเสี่ยวฮ่วยหรี่ลง มีร่องรอยของความรู้สึกผิด ผมสีเทาน้ำเงินงดงามของเขาปรกลงที่หน้าผาก ทำให้เกิดเงาซับซ้อน “ขอบคุณที่ช่วยฉัน เดิมทีฉัน..คือฉันคิดว่านายจะยอมแพ้เรื่องฉันเหมือนกัน”
หลังจากเงียบไปสักพัก จีเจ๋อหยูก็พูดกับเสี่ยวฮ่วยว่า " เวทีนี้ดีกว่าเวทีเดิมมากเลย นี่เป็นเรื่องที่ดี ฉันจะไม่พยายามทำขนาดนี้หากไม่มีนาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องโทษตัวเองนะ ."
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น เสี่ยวฮ่วยก็ลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาของเขาเป็นประกาย และรอยยิ้มแห่งความสุขก็ปรากฎบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่จีเจ๋อหยูได้เห็นเขายิ้มจากใจในไม่กี่วันที่ผ่านมา
“กัปตันไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักตลอดสามวันที่เหลือเลย” เสี่ยวฮ่วยมองตรงเข้าไปในดวงตาของจีเจ๋อหยู " ถึงอย่างนั้นนายก็ต้องมาซ้อมเป็นเพื่อนฉันด้วยนะ "
น้ำเสียงของเสี่ยวฮ่วยเผยความขมขื่นโดยไม่รู้ตัว เขาก้มหัวงุดไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มในดวงตาของเขานั้นก็หวานล้ำยิ่งกว่าส้ม
จากส่วนลึกความรู้สึกของเขา เด็กหนุ่มตรงหน้าแสนมุมานะคนนี้ถือเป็นน้องชายของเขาไปแล้ว เมื่อคิดถึงความทุกข์ทรมานของเสี่ยวฮ่วยในตอนนี้ เขาย่อมรู้สึกขมปร่าเล็กน้อยในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพร้อมสนับสนุนความต้องการของอีกฝ่าย
ลู่หนานหยุนรู้สึกหดหู่เล็กๆ เพราะจากที่เขาได้ยินสิ่งที่จีเจ๋อหยูพูดในห้องซ้อมวันนั้น เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจีเจ๋อหยูยังคงชอบเขาอยู่
ถึงจะคิดอย่างนั้น จีเจ๋อหยูก็ยังคงหลีกเลี่ยงและหลบหนีเขาดุเดือดยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ตราบใดที่จีเจ๋อหยูเห็นลู่หนานหยุนผ่านสายตา เจ้าตัวจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมทีมของตัวเองโดยอัตโนมัติในระยะสิบเมตร เมื่ออยู่ในโรงอาหาร จีเจ๋อหยูก็จะนั่งที่นั่งที่ห่างจากลู่หนานหยุนหลายพันไมล์
ตรงข้ามกันนั้น จีเจ๋อหยูและเสี่ยวฮ่วยแทบจะตัวติดเป็นตังเมเลยทีเดียว
ลู่หนานหยุนไม่รู้ว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองจึงเพิ่มพูนได้ขนาดนี้ เมื่อเขาเห็นจีเจ๋อหยู ข้างๆกันนั้นก็ต้องมีเสี่ยวฮ่วยตามมาด้วย เมื่อเขามาถึงห้องน้ำ มือของเขาก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว คิ้วของเขาขมวดเป็นปม ความรู้สึกไม่พอใจก็ยิ่งมากขึ้นจากในใจ
ลู่หนานหยุนต้องการหาเวลาไปถามจีเจ๋อหยูว่าถ้าอีกฝ่ายชอบเขา แล้วทำไมต้องซ่อนตัวจากเขาด้วย แถมยังไปใกล้ชิดกับเสี่ยวฮ่วยขนาดนั้น? แต่จีเจ๋อหยูก็ดันหลบหลีกเขายิ่งกว่าตัวเชื้อโรค จนเขาไม่มีโอกาสนั้นเลย
เพื่อตอบแทนจีเจ๋อหยูที่มาช่วยเขาซ้อมเต้นทุกวัน เสี่ยวฮ่วยจะพยายามกินขนมให้น้อยลงเพื่อทำให้อีกฝ่ายพอใจ
คืนนั้นจีเจ๋อหยูปรับพื้นฐานตัวเองในห้องซ้อม จังหวะนั้นเสี่ยวฮ่วยก็แอบย่องไปข้างหลังเขาในขณะที่เขาไม่สนใจ และยื่นมือออกมาปิดตาของอีกฝ่าย
“ทานซิว่านี่คืออะไร” น้ำเสียงของเสี่ยวฮ่วยฟังดูตื่นเต้นเล็กๆ
สัมผัสทเย็นๆจากปลายนิ้วของเขาทำให้จีเจ๋อหยูตกใจ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดขึ้นว่า “เสี่ยวฮ่วย หยุดก่อเรื่องน่า นี่ก็ใกล้จะกินข้าวเย็นแล้วนะ ฉันไม่กินขนมแล้ว”
“เฮ้ เซอร์ไพรส์ไง”
เสี่ยวฮ่วยเอามือออก หยิบกล่องสองกล่องจากด้านหลังด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แล้วยื่นให้จีเจ๋อหยู "ทาดา~ เซอร์ไพรส์?"
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขา จีเจ๋อหยูก็ค่อย ๆ เบิกตากว้างและพูดด้วยเสียงต่ำว่า " นายเอาเข้ามาได้ไงเนี่ย? "
" ซ่อนในเสื้อมา" เสี่ยวฮ่วยยกชายเสื้อขึ้นและแสดงให้ดูอีกครั้ง “จากนั้นก็เอาเสื้อลงแล้วก็แกล้งไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็วิ่งไปจนสุดทางหลบกล้องทั้งหมด เก่งใช่ไหมล้า?”
" เก่งก็แย่แล้ว " จีเจ๋อหยูเอื้อมมือออกไปเขกหัวของอีกฝ่าย " แอบเอาขนมเข้ามาเยอะไปแล้ว ถ้าใครมาเห็นเข้าก็แย่หรอก "
" แต่อาหารในโรงอาหารไม่อร่อยเลยนี่ " เสี่ยวฮ่วยหน้ามุ่ย ลูบบริเวณที่จีเจ๋อหยูตี " อาหารที่นี่ต้องปรับปรุง "
ขณะที่เขาพูด เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของจีเจ๋อหยู แล้วกระซิบ " ไม่ต้องห่วง ฉันเจอที่ๆคนจะหาฉันไม่เจอแล้ว "
จีเจ๋อหยูเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของเสี่ยวฮ่วยi นึกถึงอาหารในโรงอาหารที่มีแค่ซุปใสกับน้ำ ความตะกละในหัวใจของเขาก็บังเกิด และในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีน้ำตาลเข้มน่าหลงใหลของเสี่ยวฮ่วย
"...ก็ได้ " จีเจ๋อหยูพูดช้าๆ " แค่คราวนี้นะ "
ทั้งสองออกจากห้องซ้อมไปพร้อมกันอย่างลับล่อๆ
ในเวลานี้คนอื่นๆไปกินข้าวกันหมดแล้ว ลู่หนานหยุนเพิ่งจะซ้อมเสร็จ ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องมา เขาก็เห็นร่างสองร่างเดินลับล่อๆเหมือนขโมยกำลังย่องไปที่ดาดฟ้า
ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วไม่รู้ตัว สัญญาณเตือนดังขึ้นในหัว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามไป
เมื่อเขามาถึงทางเข้าดาดฟ้า ประตูก็ปิดลงไปแล้ว และมีเสียงคนสองคนคุยกันอยู่ข้างใน
จีเจ๋อหยูพูดด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น " ว้าว นี่มันร้อนมาก "
“ของนายก็ร้อนเหมือนกัน” เสี่ยวฮ่วยพูดอย่างมีความสุข “นายไม่ต้องกังวลกับเรื่องแบบนี้หรอกน่า”
เสียงของจีเจ๋อหยูดังขึ้น " โอ้ พระเจ้า ฉันอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย มันรู้สึกตื่นเต้นมาก..."
ดวงตาของลู่หนานหยุนแทบจะออกมาจากเบ้าด้วยความตกใจ เขาโกรธจนตาพร่า และเขาก็เอื้อมมือออกไปและจับที่จับโดยตรง และเปิดประตูเหล็กของดาดฟ้าออก " ทำอะไรกัน! "
เด็หนุ่มวัยรุ่นสองคนกำลังนั่งอยู่บนพื้น โดยมีน้ำแร่สองขวดอยู่ข้างๆพวกเขา และหนึ่งในสองคนก็ถือกล่องหม้อไฟที่สามารถทำความร้อนได้เอง และมองไปที่ผู้มายือนใหม่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
กลิ่นของหม้อไฟทะลุจมูกของลู่หนานหยุนอย่างจัง
ลู่หนานหยุนตกตะลึงครู่หนึ่ง หลังจากที่เขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นิ้วของเขายิ่งจับลูกบิดประตูแน่นขึ้น กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และพูดไม่ออกไปพักนึง
หลังจากเงียบไปสิบวินาที เสี่ยวฮ่วยก็เปิดปากถามอย่างลังเล " ลู่หนานหยุน นายมาที่นี่ ... ได้ยังไง?"
ลู่หนานหยุนดึงมือจับลูกบิดประตู ปกปิดความเขินอายของเขา และพูดอย่างใจเย็นว่า "ฉันจะไปโรงอาหารแล้วผ่านมาทางนี้"
" แต่โรงอาหารอยู่บนชั้นหนึ่ง นี่คือชั้นบนสุดนะ" เสี่ยวฮ่วยรู้สึกสับสน ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่าง และทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า
ลู่หนานหยุนตกตะลึง เขาเหลือบมองที่จีเจ๋อหยูและไม่รู้จะตอบอย่างไร
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง เสี่ยวฮ่วยก็ชี้ไปที่หม้อไฟร้อนเองได้และถามว่า “นายอยากกินด้วยเหรอ?”
" ไม่กิน " ลู่หนานหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ ความหึงหวงและความโกรธในหัวใจของเขาจางหายไปอย่างมาก และหัวใจที่ปวดหน่วงอยู่ก็โล่งใจเช่นกัน " รายการไม่อนุญาตให้กินอาหารแบบนี้ พวกนายระวังด้วย "
หลังจากพูดเสร็จ ลู่หนานหยุนก็จ้องไปที่จีเจ๋อหยูเป็นเวลาสองสามวินาทีจากนั้นก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เกือบขายหน้าต่อหน้าจีเจ๋อหยูแล้ว นี่มันแย่มาก
หลังจากที่ลู่หนานหยุนจากไป จีเจ๋อหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามเสี่ยวฮ่วยข้างๆเขาว่า “ลู่หนานหยุนเขาเป็นอะไร?”
"ฉันก็ไม่รู้" เสี่ยวฮวยส่ายหัว “บางทีเขาอาจจะอยากกินหม้อไฟเหมือนกันก็ได้”
ลู่หนานหยุนลงมากินข้าวที่โรงอาหาร แต่หลังจากกัดไปสองสามคำเขาก็รู้สึกทึมทื่อ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหม้อไฟที่สามารถทำความร้อนได้เองอันนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็วางตะเกียบลงอย่างไม่สบายใจ เปิดปากแล้วพูดกับตัวเองว่า " กลายเป็นว่าเขาถูกซื้อตัวไปด้วยของแบบนี้ น่าขายหน้าจริงๆ..."
หลังจากที่จีเจ๋อหยูกับเสี่ยวฮ่วยกินหม้อไฟเสร็จ พวกเขาก็ต้องมานั่งเสียใจเพราะเลขบนตาชั่งที่ขึ้นมา
เหลือเวลาอีกแค่สองวันก่อนการแสดง พรุ่งนี้จะเป็นการซ้อมสำหรับการแสดงรอบที่สอง ทั้งสองคนกำลังออกกำลังกายแบบแอโรบิกในโรงยิมด้วยน้ำตานองหน้า
“ฉันรู้ว่าฉันต้องกินให้น้อยลง” เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้ฉันเสียใจ เสียใจมากเลย”
โชคดีที่น้ำหนักของทั้งสองคนกลับมาเป็นปกติก่อนเริ่มการซ้อมในวันรุ่งขึ้น
ทีมรายการให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับรอบนี้ เมื่อเทียบกับระดับของการแสดงรอบแรก การแสดงรอบที่สองพวกเขาต้องการความเป็นมืออาชีพมากกว่าเดิม ทีมรายการต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ทรงพลังของผู้เล่นโดยอาศัยการแสดงรอบที่สอง
เนื่องจากกลุ่มร้องเพลงและแต่งเพลงเป็นกลุ่มแรกที่ได้แสดงบนเวที กลุ่มร้องเพลงและแต่งเพลงของจีเจ๋อหยูจึงเป็นกลุ่มที่สองของการซ้อมการแสดงบนเวที
เพื่อให้มั่นใจถึงความแม่นยำและความตื่นเต้นของการแสดง ในระหว่างการซ้อม นอกจากเจ้าหน้าที่และครูฝึกอีกสองสามคนแล้ว จึงไม่มีผู้ชมในสถานที่ และผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถดูการแสดงของกันและกันได้ ทีมที่ยังไม่ถึงคิวต้องอยู่นอกฮอล นั่งรอคิว
หลังจากที่เฟิงหยานนำทีมแสดงของกลุ่มA ทุกคนก็รู้สึกดีมาก และครูฝึกก็ให้คะแนนที่สูงมากเช่นกัน
เมื่อได้ยินคำชมจากอาจารย์ผู้สอน สมาชิกกลุ่มAก็ยิ่งมั่นใจในชัยชนะ
" ในสองวันนี้พวกเราก็ผ่อนคลายได้แล้ว" เซี่ยหยูโจวสมาชิกทีมA พูดกับเฟิงหยานว่า "กลุ่มของเราตอนนี้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว"
กู่รุ่ยที่ด้านข้างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“อย่ากังวลไปเลย” เฟิงหยานพูดกับเพื่อนร่วมทีมของเขา “ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเรามีแค่ตัวเราเอง แค่ตั้งใจซ้อมอีกสองวัน”
ตอนนั้นเอง เด็กฝึกกลุ่มร้องเพลงและแต่งเพลงB ได้เข้าสู่สถานที่ฝึกซ้อมภายใต้การนำทีมของจีเจ๋อหยู
สมาชิกของทั้งสองทีมเผชิญหน้ากัน
สมาชิกของกลุ่มAยิ้มและทักทายจีเจ๋อหยู และคนอื่นๆดูเหมือนปรารถนาให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการฝึกซ้อมอย่างจริงใจ และในขณะเดียวกันก็มองเสี่ยวฮ่วยด้วยท่าทางเห็นใจ
“เสี่ยวฮ่วย นายเตรียมตัวเป็นยังไงบ้าง?” กู่รุ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เสี่ยวฮ่วยตอบตามความจริง “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ”
หลังจากที่พวกเขาไปไกลแล้ว สมาชิกของกลุ่มAก็แสดงท่าทางดูถูกในแววตาของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ถือว่ากลุ่มBเป็นคู่ต่อสู้เลยสักนิด และพวกเขารู้สึกเห็นใจจีเจ๋อหยูและเสี่ยวฮ่วยในกลุ่มเดียวกัน
ไม่กี่นาทีต่อมา
การซ้อมสำหรับสมาชิกกลุ่มB สิ้นสุดลงแล้ว
ครูฝึกทั้ง 5 คนที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมมีสีหน้าตะลึงงัน และไม่อาจหวนคืนสู่ความรู้สึกนึกคิดได้เป็นเวลานาน - เวทีการแสดงสามารถออกแบบอย่างนี้ก็ได้เหรอ? !
ก่อนการฝึกซ้อมของกลุ่มB ครูฝึกเชื่อว่ากลุ่มAจะชนะแน่นอน
แต่ตอนนี้กลับมีความคิดผุดขึ้นในใจพวกเขา
ผู้ล่ามักจะเป็นผู้ชนะ... แต่ก็ไม่ใช่ความจริงเสมอไป