363 - ละเลงเลือดภาคเหนือ
363 - ละเลงเลือดภาคเหนือ
"มัวรออะไรอยู่ รีบโจมตีสิ" หญิงสาวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตะโกนด้วยจิตใจร้อนรน
ในที่สุดผู้ฝึกฝนของแคว้นซ่งประมาณสิบคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์บนยอดเขาก็พุ่งเข้ามาในทันทีเพราะพวกเขากำลังรอที่จะซ้ำเติมเย่ฟ่านให้ตายสนิทอยู่แล้ว
พวกเขาไม่เชื่อว่าถ้าพวกเขาหนีไปเย่ฟ่านจะไม่ติดตามมาล้างแค้น นิกายในแคว้นซ่งมีอยู่ไม่กี่แห่ง ต่อให้พวกเขาหนีไปได้นิกายของพวกเขายังคงตั้งอยู่ที่เดิม
เย่ฟ่านเย้ยหยันและอ้าปากจะพ่นหม้อขนาดเล็กออกมา มันมีความสูงไม่ถึงสิบนิ้วและพื้นผิวของมันก็ไม่มีความเรียบ เต็มไปด้วยความขรุขระเล็กน้อย
“หนึ่งสิ่งประดิษฐ์ทำลายหมื่นวิชา!” เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง
คัมภีร์เต๋าทำให้อาณาจักรกงล้อแห่งทะเลของเย่ฟ่านสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง ในอาณาจักรแห่งกงล้อทะเลนั้นเขาสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้สี่ชิ้น
แต่เย่ฟ่านเห็นว่ามันเกินความจำเป็นและเสียเวลามากเกินไป ดังนั้นเขาจึงสร้างหม้อใบใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับเสริมพลังความแข็งแกร่งของมันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเย่ฟ่านอยู่ในอาณาจักรกงล้อแห่งทะเลและครอบครองสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ เขาไม่เชื่อว่าผู้คนที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกันคนใดจะสามารถต่อสู้กับเขาได้
หม้อสามขาทรงกลมสองหูขยายใหญ่ขึ้นมากกว่า 9 วา เมื่อมันขยายใหญ่ขึ้นมาผิวของมันก็มีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันอักขระเต๋าสีดำก็ไหลวนอยู่รอบๆหม้อ ดูลึกลับและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
"ปัง ปัง!"
หม้อบินขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับต้านรับแรงกระแทกจากดวงดาวทั้ง 35 ดวงที่เหลือ พลังของปราณปฐพีที่ถูกสะสมอยู่ภายในหม้อถูกปลดปล่อยออกมาในครั้งเดียว
"สวรรค์ มันคือปราณปฐพีสีเหลืองของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!”
“มันคือพลังงานต้นกำเนิดของสิ่งต่างๆมากมาย!”
ทุกคนตกตะลึง
เย่ฟ่านไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของใครทั้งสิ้น หม้อของเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับบดขยี้ดวงดาวทุกดวงให้แหลกละเอียดในพริบตา
"ฆ่า!" เย่ฟ่านตะโกนออกมา
ในทะเลหม้อขนาดใหญ่สูงเก้าวาของเขาก็ตกลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับกระแทกร่างกายของหญิงสาวจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงให้กลายเป็นเนื้อบดในทันที!
"แดง"
จี้อวิ๋นหลินกระแทกฝ่ามือสีดำของเขาเข้าใส่หม้อของเย่ฟ่านเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง
แต่สุดท้ายการลงมือของเขาก็ไม่แตกต่างจากตั๊กแตนที่ต้องการเขย่าล้อรถ หม้อใบใหญ่ไม่เคลื่อนออกไปด้านข้างแม้แต่นิ้วเดียวด้วยซ้ำ
หม้อที่ทำจากปราณปฐพีต้นกำเนิดมีน้ำหนักมากมายมหาศาล มันไม่เหมือนกับผนึกขุนเขาทะเลที่เป็นเพียงสิ่งสมมุติ นี่คือน้ำหนักของขุนเขาที่แท้จริง ผู้ฝึกฝนที่ยังเป็นมนุษย์อยู่จะสามารถต่อต้านมันได้อย่างไร
“น้องรอง!”
ชายหนุ่มจากดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาโยนตราประทับเซียนที่อยู่ในอกเสื้อออกมาและมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตราประทับเซียนสี่เหลี่ยมนี้ส่องแสงระยิบระยับ มันมีขนาดเท่าภูเขาและพุ่งเข้าใส่หม้อสีดำของเย่ฟ่านตรงๆ
"แดง"
ตราประทับหยกสั่นสั่นเทือนอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายเมื่อมันปะทะกับปราณปฐพีที่ไหลเวียนอยู่รอบๆหม้อสีดำ รัศมีของมันก็จางลงเรื่อยๆ
ศิษย์ชายแห่งดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงจิตใจหนาวเหน็บ พร้อมกับกระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายให้ไหลทะลักออกมาอีกครั้ง
ตราประทับหยกนั้นส่องแสงสว่างไสวเป็นประกาย มันพุ่งไปข้างหน้าเพื่อโจมตีหม้อสีดำของเย่ฟ่านโดยไม่สนใจว่าจะได้รับความเสียหายมากแค่ไหน
แม้ว่าศิษย์ชายของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงจะรู้ดีว่าการต่อสู้กับหม้อที่ถูกสร้างขึ้นจากปราณปฐพีต้นกำเนิดนั้นจะทำให้อาวุธพิเศษของเขาเสียหาย แต่เมื่อความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่มีเวลาให้สำนึกเสียใจ
"ปัง!"
ผนึกหยกที่มีความสดใสในที่สุดก็ถูกหม้อใบใหญ่ของเย่ฟ่านกระแทกจนแหลกละเอียดไปมุมหนึ่ง แม้ว่ามันจะมีขนาดใหญ่เท่าภูเขาแต่ความแข็งแกร่งของมันเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเทียบกับหม้อสีดำได้
หม้อขนาดใหญ่สูงเก้าวาไม่ขยับถอยหลังด้วยซ้ำ เมื่อปราณปฐพีสีดำเหลืองหมุนวน ตราประทับเซียนที่เหลืออยู่เพียงสามมุมก็แหลกสลายในทันที!
"ทุกคนลงมือ หากพวกเราไม่สามารถจัดการเขาในครั้งนี้ พวกเราจะต้องตายอย่างแน่นอน!" จี้อวิ๋นหลินตะโกนบอกผู้คนรอบๆ
“ได้โปรดช่วยเหลือพวกเรา หากครั้งนี้พวกเราสามารถรอดพ้นไปได้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะตอบแทนทุกคนอย่างแน่นอน!” ชายหนุ่มจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตะโกนด้วยความหวัง
ในตอนแรกผู้คนมากกว่าสิบวิ่งเข้ามาเกือบจะมาถึงแล้ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นการโจมตีอันทรงพลังของเย่ฟ่านเท้าของพวกเขาก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง
ในตอนที่พวกเขาเห็นเย่ฟ่านถูกมัดไว้ด้วยตาข่ายสีแดงของหญิงสาวจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง พวกเขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะโจมตีซ้ำเติมเย่ฟ่าน
แต่ตอนนี้ยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณตายจนแทบจะหมดแล้ว พวกเขามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วม วันนี้ของปีหน้าก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของพวกเขาเช่นกัน!
เย่ฟ่านยืนอยู่บนปากหม้อขนาดใหญ่ด้วยดวงตาเย็นชา แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขานั้นดูน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง และผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ของแคว้นซ่งก็ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
“ทุกคนโปรดร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายทั้งหมด!” ชายหนุ่มของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงตะโกนออกมาอีกครั้ง
เขาเผาผลาญแก่นโลหิตของตัวเองแทบจะทั้งหมดเพื่อเสริมพลังให้กับความแข็งแกร่งให้กับการโจมตีครั้งสุดท้าย
แม้ว่าทักษะการเผาผลาญแก่นโลหิตของตัวเองนี้จะไม่ได้เป็นวิชาลับอะไรแต่มันก็ถือเป็นหนึ่งในไพ่ลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของที่สุดของผู้ฝึกฝนทุกคน
มันเป็นการรวมเอาพลังทั้งหมดในร่างกายทุ่มเทให้กับการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ร่างกายของชายหนุ่มคนนั้นเปล่งแสงสีทองราวกับว่ากำลังจะลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ มือของเขาชี้ไปข้างหน้าและลำแสงสีแดงก็ยิงเข้าหาเย่ฟ่านในทันที
“ทุกคน เขาหมดแรงแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะลงมือฆ่าเขา” จี้อวิ๋นหลินตะโกนปลุกใจ
พูดจบเขาก็ประสานอินอีกครั้ง ในทันใดนั้นมือสีดำขนาดใหญ่ของเขาก็เคลื่อนเข้าหาเย่ฟ่านเช่นกัน
"ฆ่า!"
“ทุกคนร่วมมือกันเพื่อฆ่าเขา ตราบใดที่เขาถูกพัวพันไว้คุณชายทั้งสองจะมีโอกาสสังหารเขาอย่างแน่นอน”
ผู้คนนับสิบรีบวิ่งเข้ามาด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาได้ตัดสินใจอยู่ที่นี่เพื่อซ้ำเติมเย่ฟ่านแล้ว ดังนั้นทางเลือกของพวกเขาจึงมีเพียงรอดและตายเท่านั้น
"ปัง" "กริ่ง"
อาวุธทุกชนิดของพวกเขากระแทกเข้าใส่หม้อสีดำอยู่ตลอดเวลา ทุกคนรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายหม้อนี้แต่พวกเขาเพียงแค่ต้องการถ่วงเวลาของเย่ฟ่านไว้เท่านั้น
เย่ฟ่านไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรจากการโจมตีของเหล่าเด็กหนุ่มแคว้นซ่ง สิ่งที่เขากำลังรออยู่คือช่วงเวลานี้นั่นเอง แน่นอนว่าเมื่อคนเหล่านั้นเข้าสู่ระยะสังหารรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่ฟ่านในทันที
ทันใดนั้นหม้อสีดำขนาดใหญ่ของเย่ฟ่านก็พลิกคว่ำลงกับพื้น ปราณปฐพีต้นกำเนิดสีเหลืองดำไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทุกคนไว้ภายใน
“อ๊ะ อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น และผู้ฝึกตนนับสิบก็ถูกปราณปฐพีบดขยี้ให้กลายเป็นหมอกเลือดอย่างรวดเร็ว โดยที่ก่อนตายพวกเขาไม่มีโอกาสให้สำนึกเสียใจด้วยซ้ำ
หมอกสีแดงที่เกิดจากเลือดเนื้อฟุ้งกระจายอย่างต่อเนื่อง เมื่อปราณปฐพีสีเหลืองดำไหลทะลักออกไปก็ไม่มีผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ของแคว้นซ่งแม้แต่คนเดียวที่สามารถรอดชีวิต
ผู้ฝึกฝนหนุ่มของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่โจมตีลงมาใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เพราะในขณะเดียวกัน หม้อของเย่ฟ่านที่อยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหางก็บินเข้ามากระแทกร่างกายของเขาส่งผลให้ร่างกายของเขาถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นชิ้น!
ในสนามรบมีเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นคือจี้อวิ๋นหลิน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานแล้ว
ครึ่งล่างของร่างกายเขาถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ในขณะที่ร่างกายของเขาก็อยู่ในมือสีดำขนาดใหญ่ของเย่ฟ่