ตอนที่แล้วตอนที่ 43 ลมหายใจราชามังกร 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45 หลบหนี

ตอนที่ 44 อันตรายจากเงามืด


กำลังโหลดไฟล์

หลานเหลียงใช้มือกดบาดแผลไว้ ใบหน้าของมันซีดขาวลง ด้วยพลังปราณที่เฉือนผ่านผิวหนังส่วนนอกนั้นมันสามารถบอกได้เลยว่า กลุ่มคนพวกนี้อยู่ในระดับสูงกว่ามันทั้งหมด

เวลานี้หลานเหลียงส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง “ทุกคนระวังตัว พวกเรากำลังถูกโจมตี”

เสียงที่เต็มไปด้วยลมปราณนั้นดังไปทั่ว3ขบวนคาราวาน สิ้นเสียงตะโกนของมัน เสียงอึกทึกมากมายเกิดขึ้น

เพียงชั่วเวลาสั่นๆกลุ่มผู้คุ้มกันทั้งสามขบวนปรากฎตัวพร้อมอาวุธครบมือ

แม้แต่หนิงเทียนก็ยังก้าวเดินออกมาจากกระโจม เวลานี้กลุ่มกันภัยทั้ง3ขบวนเผชิญหน้ากับกลุ่มนักฆ่าในเงามืด

ทันใดนั้นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเย็นชา

“เด็กน้อยแซ่เกา เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

เกาซุนได้ยินเช่นนั้น คิ้วของมันขมวดทันใด ก่อนจะกล่าวถามออก “สารเลว ข้าแน่ใจว่าไม่เคยเจอพวกชั่วช้าเช่นเจ้า”

ชายในชุดดำระเบิดเสียงหัวเราะ อันน่าหวาดกลัวขึ้น ด้วยเสียงหัวเราะนี้ทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังตัวเย็นขึ้นมาทันที ฮ่าฮ่าๆๆๆฮ่าๆ....

“เด็กน้อยแซ่เกา เจ้าจำผู้มีพระคุณของเจ้าไม่ได้?” ทันใดนั้นมันเอามือดึงหน้ากากสีดำที่ปกคลุมใบหน้าของมันออก

ปรากฏใบหน้าที่เหี่ยวย่นคล้ายปีศาจ ดวงตาของมันเล็กแหลม ปากอันใหญ่หนาแตกต่างจากร่างกายที่เล็กเตี้ยของมันอย่างสิ้นเชิง แค่เพียงมองไปที่ใบหน้าของมันทำให้ผู้คนบังเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนในทันที

เมื่อแสงจันทร์ตกกระทบใบหน้าของชายชุดดำ เผยให้เห็นลักษณะที่ชัดแจ้งแก่สายตาของเกาซุน ทันใดนั้นปากของมันสั่นขึ้น

ทันใดนั้นมือขวาของมันเรียกกระบี่ปราบอาญาอาวุธประจำกายของมันขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ผู้คุ้มกันที่ติดตามเกาซุนมานานแสดงสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา ไม่บ่อยครั้งที่เกาซุนจะนำกระบี่ปราบอาญาขึ้นมาใช้ มันเป็น1ใน10อาวุธลมปราณระดับปราชญ์ แห่งเมืองฉางผิง

หนิงเทียนมองไปยังชายที่หน้าตาอัปลักษณ์ ความต้องการสู้ของมันทะยานสูง

ตัวมันต้องการรู้ระดับความแข็งแกร่งของตนเองก่อนจะเข้าเมืองฉางผิงและชายอัปลักษณ์เป็นเครื่องมือวัดความแข็งแกร็งของมันได้เป็นอย่างดี

หนิงเทียนไม่บังเกิดความรู้สึกเช่นนี้ในครั้งแรกที่พบกับเกาซุน สัญชาตญาณของมันบอกได้เลยว่า ชายหน้าตาอัปลักษ์นี้แข็งแกร่งกว่าเกาซุน

“จำข้าได้หรือยัง”เสียงแหบแห้งของชายหน้าตาอัปลักษณ์ดังขึ้นเตือนสติของเกาซุน

“ลั่วผอ” เกาซุนคำรามชื่อของมันออกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย

เมื่อได้ยินชื่อลั่วผอ สีหน้าของผู้คุ้มกันแดนปราชญ์ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ซินเฉาที่ได้ยินเช่นนั้น ขาทั้งสองข้างของมันสั่นด้วยความกลัว

'ลั่วผอฉายาหยิ่งผยองไม่กลัวตาย' มันได้ฉายานี้มาเพราะว่าในอดีตมันเป็นผู้สังหารผู้พิทักษ์แดนฟ้าและประกาศตัวท้าทายให้เจ้าเมืองฉางผิงไล่ล่ามันให้ได้

ผู้คนเลยเรียกขานมันว่า หยิ่งผยองไม่กลัวตาย ลั่วผอ

“จำข้าได้แล้ว? เด็กน้อยแซ่เกาเหตุใดยังไม่ก้มกราบขอบคุณแทบเท้าข้าอีก”

“บัดซบ กล่าววาจาผายลมอันใดออกมา ทำไมข้าต้องขอบคุณโจรชั่วอย่างเจ้าด้วย”แม้เกาซุนจะตะโกนด้วยความโกรธ แต่น้ำเสียงน้ำกลับแสดงอาการสั่นเครือ ออกมา

“ลืมไปแล้วหรือไร....เวลานั้นถ้าข้าไม่สังหารชิงเชียว มีหรือเด็กน้อยอย่างเจ้าจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์แดนฟ้า ด้วยระดับแดนแห่งปราชญ์ขั้น8ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกในสายตาของข้า” น้ำเสียงที่เย็นเยียบดังลึกเข้าไปในกระดูกของเกาซุน

ผู้คุ้มอาวุโสในแดนแห่งปราชญ์ ร้องออกมาด้วยความโมโห “สารเลว ข้าจะล้างแค้นให้ท่านชิง” มันเร่งพลังของผู้ฝึกตนในแดนปราชญ์ขั้น6ของมันออก เปลวไฟสีแดงรุกท่วมตัวของมันอย่างน่าหวาดกลัว

“หยุดก่อน ผู้เฒ่าฉู่” ไม่ทันที่เสียงของเกาซุนจะกล่าวห้ามได้ ร่างของชิงฉู่ที่ปกคุลมไปด้วยเปลวเพลิง พุ่งเข้าใส่ลั่วผออย่างดุร้าย

“กายาร่างอัคคีของตระกูลชิง บ่าวแก้แค้นให้นายเก่า เจ้ามีสิทธิ์” สิ้นเชียงของลั่วผอ ร่างของชิงฉู่แยกออกเป็นห้าส่วน

ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของผู้คนคือศีรษะ แขนและขาทั้งสองถูกแยกออกจากกัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น

ผู้เฒ่าฉู่นั้นอยู่ในแดนแห่งปราชญ์ขั้น6กลับถูกแยกร่างออกภายในพริบตาเดียว มีเพียงผู้ที่อยู่ในแดนวีรชนเท่านั้นถึงสามารถทำเช่นนี้ได้

ลั่วผอตั้งใจลงมืออย่างโหดเหี้ยมเพียงเพราะมันต้องการลดทอนความต้องการสู้ของฝ่ายตรงข้าม

ถึงแม้มันจะแข็งแกร่งแต่อย่างไรพวกมันมีเพียงสิบเอ็ดคนเท่านั้นการที่จะต่อสู้กับแดนองครักษ์และปราชญ์นับร้อยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มันยังไม่มั่นใจเต็มสิบส่วน

หนิงเทียนที่มองดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ‘สามารถใช้โซ่ได้ถึงขั้นหลอมรวม พริบตาเดียวฟาดออกถึงห้าครั้ง’

หนิงเทียนไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวเลย ภายในใจมันตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันมันส่งเสียงเรียกอู๋ชางที่อยู่ในมิติของมัน

สิ้นเสียงร่างที่ไร้จิตวิญญาณของราชาภูตขยับตัวขึ้นมาอีกครั้งมัน โผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์เบื้องหน้าพร้อมกล่าวถาม “คุณชายมีเรื่องอันใด”

สายตาของหนิงเทียนจับจ้องไปยัง ลั่วผออย่างไม่วางตา พร้อมกล่าวถามอู๋ชาง“ระดับพลังของชายชุดดำตรงหน้านั้น”

ไม่รอให้หนิงเทียนกล่าวจบราชาภูตรีบตอบกลับมาโดยเร็ว “ตัวอัปลักษณ์นั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นวีรชน”

มันยังกล่าวต่ออีกว่า “เวลานี้ราชากำลังรวบรวมความทรงจำเกี่ยวกับกล่องจงหลีอยู่ ท่านอย่าได้เรียกข้าออกมาเพราะเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีก”

กล่าวจบมันมุดตัวเข้าไปในแขนเสื้อของ หนิงเทียน อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ามันนั้นยังคงไม่พอใจหนิงเทียนอยู่ที่สั่งให้มันนำกล่องจงหลีไปคืนแก่หลานเหลียง

หนิงเทียนเห็นท่าทีเช่นนั้นมันจึงได้แต่ระบายลมหายใจออกมา เหตุใดลูกน้องของมันในชีวิตนี้ถึงมีแต่พวกเบาปัญญา

ขณะเดียวกัน เกาซุนที่เห็นร่างของชิงฉู่ที่ถูกแยกออกมันเกิดกลัวขึ้นมาทันที ชิงฉู่นั้นอยู่ในแดนปราชญ์ขั้น6 ยังไม่สามารถรับมือลั่วผอได้ถึงหนึ่งลมหายใจ “ลั่วผอเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

“วันนี้ข้านั้นคร้านที่จะสังหาร แค่เพียงเจ้าส่งกล่องทมิฬที่พบเจอในแดนเทวะมาให้ข้าเท่านั้น พวกเราจะจากไปทันที” ใบหน้าอันอัปลักษณ์ยิ้มขึ้นทำให้มันทวีความน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก

“ลั่วผอ กล่องทมิฬนั้นไม่ได้อยู่กับข้า” เกาซุนกล่าวปฎิเสธโดยเร็ว

“ถ้าเช่นนั้นจงบอกมาข้ามา แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะได้ดื่มด่ำกับตำแหน่งผู้พิทักษ์ฟ้าต่อไป”สิ้นเสียงของลั่วผอ...

ลั่วผอยังไม่ทันกล่าวจบคำดี เกาซุนตะโกนแทรกออกมาอย่างสุดเสียง

“หลานเหลียง รีบหนีไป”กล่าวจบมันเร่งพลังธาตุลมควบคู่กับลมปราณเบญจมาศม่วงเข้าปกคลุมกระบี่ปราบอาญา

มันฟาดฟันสุดกำลังไปยังลั่วผอ หมายจะซื้อเวลาเล็กน้อยให้หลานเหลียงได้หลบหนีไป

ได้ยินเช่นนั้นด้วยความซื่อสัตย์ของหลานเหลียง มันรีบพากลุ่มของมันทะยานร่างหลบหนีเข้าไปในหุบเขาหมื่นอสูรอย่างรวดเร็ว

ลั่วผอสะบัดมือปัดรังสีกระบี่สีม่วงอย่างง่ายดาย มันยกยิ้มอย่างอำมหิต “ของที่ข้าต้องการอยู่ที่มดน้อยตัวนั้นสินะ” กล่าวจบเงาสีดำทั้ง11พุ่งตามกลุ่มของหลานเหลียงไปทันที พวกมันไม่สนใจที่จะเสียเวลากับเกาซุนแม้แต่น้อย

จากสถานการณ์ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเกาซุนต้องการให้หลานเหลียงนำกล่องจงหลีของปลอมหนีไป มันจงใจทิ้งกลุ่มคุ้มภัยหลาน เพื่อรักษากล่องจงหลีของจริงในมือมัน

มุมปากของหนิงเทียนยกยิ้มออก “ในเมื่อเจ้าต้องการทิ้ง อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าเอามันไป”หนิงเทียนทะยานร่างตามหลานเหลียงไปทันที

เมื่อเห็นร่างของหนิงเทียนหลบหนีไปกับกลุ่มของหลานเหลียง สีหน้าและแววตาของทั้งซินเฉาและจ้าวหยางยิ้มขึ้นอย่างเปี่ยมสุข

''เป็นโชคดีของเจ้าเด็กสารเลวนั้นที่ไม่ได้ตกตายด้วยมือของข้า'' จ้าวหยางคำรามอย่างโกรธแค้น

ขณะเดียวกันเมื่อเห็นกลุ่มของลั่วผอไล่ตามหลานเหลียงไปแล้วนั้น เกาซุนรีบสั่งให้หมาป่าปีกดำพุ่งร่างทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว มันตัดสินใจทิ้งกลุ่มกันภัยหลานทันที

"นายท่านจะทิ้งพวกนั้นหรือ" เสียงของผู้คุ้มกันคนหนึ่งดังขึ้น

"ไม่ต้องพูดแล้ว ท่านเจ้าเมืองกำชับว่ากล่องนี้มีความสำคัญมาก อีกทั้งทำการใหญ่ มีคนเสียสละก็ไม่แปลกอันใด" กล่าวจบมันหันหลังไปโดยไม่แม้แต่จะกลับมามองอีกเลย

ถ้าเวลานี้เกาซุนรู้ว่า กล่องจงหลีในมือมันเป็นของปลอมและมันกำลังจะทิ้งกล่องจงหลีของจริงไว้กับหลานเหลียง มันจะต้องกะอักเลือดออกมาด้วยความโกรธเป็นแน่

เวลาล่วงผ่านมาหนึ่งชั่วยาม การที่หลานเหลียงนั้นหลบหนีได้นานถึงขนาดนี้เป็นเพราะพี่น้องในกลุ่มคุ้มภัยตระกูลหลานสละชีวิตยื้อเวลาให้แก่พวกมัน

บัดนี้กลุ่มของพวกมันเหลือเพียงตัวมัน เหลียวเหยียน หลี่เฟิงและหนิงเทียน 4คนเท่านั้น

หลานเหลียงเดินอยู่ด้านหน้าทั้งสามคนอย่างเหนื่อยล้า ระหว่างเดินเลือดสดๆจากคอของมันยังหยดลงพื้นอยู่ตลอดเวลา

พวกมันทั้งสี่พากันเข้าสู่ส่วนลึกของหุบเขาหมื่นอสูร หลานเหลียงนั้นพาทั้งสามเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย

หนิงเทียนมองไปยังแผ่นหลังที่ใหญ่โต มันได้แต่ส่ายหัว ภาพลักษณ์ที่เคยยิ่งใหญ่ของหลานเหลียงในคร่าแรกที่ได้พบนั้นเวลานี้ไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย

มันจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา “พี่ใหญ่หลานถ้าเรายังเดินทางมั่วๆแบบนี้ไม่ต้องถึงมือนักฆ่าที่ตามมา พวกเราจะต้องตายจากการเผชิญหน้ากับอสูรลมปราณเป็นแน่”

“เจ้าจะไปรู้อะไร”เหลียวเหยียนคำรามออกมัน พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อย

“เราโชคดีอย่างมากที่ไม่พบเจอสัตว์อสูร”หลี่เฟิงกล่าวออกตัวมันนั้นเหนื่อยล้าถึงขีดสุด

หลี่เฟิงนั้นเชื่อว่าพวกมันโชคดีเป็นอย่างมากที่เข้ามาภายในหุบเขาหมื่นอสูรแต่ไม่ได้พบพานอสูรลมปราณเลยแม้แต่ตัวเดียว

แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่พวกมันเรียกว่าโชคนั้น เป็นเพราะหนิงเทียนที่ส่งจิตสังหารออกไปเป็นวงกว้างส่งผลให้อสูรลมปราณขั้น1และ2 ไม่มีความกล้าพอที่จะเข้าจู่โจมพวกมัน

“ไปพวกเราไปกันต่อ ถ้าเราหยุดเราจะตายด้วยน้ำมือของพวกที่ตามเรามาอย่างแน่นอน

เชื่อข้าเราจะต้องรอดออกไปได้”หลานเหลียงกล่าวออกหมายจะเพิ่มขวัญให้ลูกน้องคนสนิททั้งสองของมัน

เหลียวเหยียน หลี่เฟิงและหนิงเทียนเริ่มไล่ตามหลังหลานเหลียงอีกครั้ง

ถึงระหว่างทางพวกมันจะได้ยินเสียงร้องที่น่าหวาดกลัวของสัตว์อสูรมากมายก็ตามแต่พวกมันก็ไม่หยุดเดินทางเลยแม้แต่ชั่วลมหายใจเดียว

ในระหว่างทางเดินนั้น หนิงเทียนที่เดิมจะเดินตามหลังอย่างเงียบๆ เริ่มกล่าวออก “พี่ใหญ่หลาน มันคุ้มแล้วหรอที่ท่านต้องจงรักภักดีเช่นนี้”

“เปล่าเลยน้องชายหนิง พวกเราไม่ได้มีความภักดีกับท่านเกาซุนแต่อย่างใด ที่พวกเรายอมสละชีวิตและปกป้องสมบัติชิ้นนี้เป็นเพราะพวกเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของพวกเราต่างหาก”หลานเหลียงกล่าวออกอย่างแผ่วเบาด้วยความเหนื่อย

ในระหว่างที่มันกล่าวตอบไป พวกมันทั้งสี่มารวมกันอยู่ข้างลำธาร พวกมันพากันวักน้ำธรรมชาติ เข้าปากอย่างอดยาก น้ำเย็นๆจากลำธารช่วยเพิ่มกำลังที่เกือบจะหมดของพวกมันทั้งสามขึ้นมา

แม้หลานเหลียงจะอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤติแต่มันเริ่มที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติของหนิงเทียน ไม่มีทางที่ผู้ฝึกตนในแดนมนุษย์ จะตามความเร็วของพวกมันที่ต้องการหนีอย่างสุดชีวิตได้

แล้วเจ้าเด็กหนิงเทียนตามพวกมันทั้งสามคนมาได้อย่างไร อีกทั้งมันไม่เห็นท่าทีเหน็ดเหนื่อยออกมาจากหนิงเทียนเลยแม้แต่น้อย

หลานเหลียงตัดสินใจถามออกทันที“น้องชายหนิงเจ้าเป็นใครกันแน่?”

ได้ยินเช่นนั้นหนิงเทียนได้แต่ยิ้มจางๆ เวลานี้มันไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังตัวตนของมันอีกต่อไปแล้ว “อย่าห่วงไปเลยพี่ใหญ่หลาน ข้านั้นไม่ทำร้ายพวกท่านแน่”

เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่หลานและเห็นท่าทีของหนิงเทียน เหลียวเหยียนรีบกล่าวถามออกทันที “หรือว่าเจ้าจะเป็นสายลับของพวกมัน”

หนิงเทียนนั้นไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของเหลียวเหยียนนัก มันเพียงแต่จับจ้องไปยังหลานเหลียงพร้อมกล่าวต่อ “พี่ใหญ่หลานท่านแน่ใจหรือว่า สมบัติในมือของท่านเป็นของจริง”

“น้องชายหนิงเจ้าหมายความว่าอะไร?”หลี่เฟิงรีบถามออกแทนหลานเหลียงอย่างรวดเร็ว

“การที่เกาซุนหนีไปโดยทิ้งพวกเราและสมบัติให้เป็นเหยื่อล่อกลุ่มโจร ไม่ใช่คำตอบที่ดีแล้วหรือ?” หนิงเทียนถามออกเพื่อเพิ่มความสงสัยให้แก่พวกมันทั้งสามคน

“เจ้าหมายความว่าท่านเกามอบสมบัติปลอมให้แก่เราและยังใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อนักฆ่าพวกนี้” เหลียวเหยียนคำรามออกมาด้วยโทสะ

“เฮ้..ข้าพึ่งเห็นว่ารองหัวหน้าเหลียวมีสติปัญญาอยู่ในสมองบ้างก็วันนี้” หนิงเทียนยังคงกล่าวติดตลกแม้อยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน

ด้วยคำพูดเช่นนี้ ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วเหลียวเหยียนต้องระเบิดโทสะอย่างมากล้นใส่หนิงเทียนแน่

แต่เวลานี้เหลียวเหยียนหาได้ใส่ใจกับคำพูดของหนิงเทียนแม้แต่น้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด