ตอนที่ 40 กลายร่างไม่สมบูรณ์(อ่านฟรี)
ตอนที่ 40 กลายร่างไม่สมบูรณ์
“มีศพซอมบี้ซากศพหลายตัวคงออกมาจากรอยแยกมิติระดับ 0 แต่ที่เราตรวจไม่พบก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าเอ็ดการ์ดและทีมน่าจะทำการปิดรอยแยกไป ก่อนที่จะโดนเล่นงาน รอยแยกคงไม่ได้เปิดตรงนี้ อาจจะอยู่ลึกเข้าไปอีก ไปกันต่อ” คอนราดกล่าว ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ
ในตอนนั้นเอง จอร์แดนก็ยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด
“ด้านหน้ามันเป็นพื้นที่ของซากอารยธรรมเก่า มีตึกสูงที่ส่วนใหญ่เป็นกระจกที่ทนทานจนผ่านกาลเวลามานานนับร้อยปี แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่เปราะบางมาก ถ้าเผลอไปเหยียบเข้าอาจจะตกลงไปได้ ดังนั้นระวังด้วย อย่าเดินออกนอกขอบปูนของตัวอาคารเด็ดขาด” จอร์แดนกล่าวก่อนจะเดินไปยังจุดหนึ่งและค่อย ๆ ก้าวเท้าไปอย่างช้า ๆ
เรย์เดินตามคนอื่น ๆ ไปแบบแถวหน้าตอนยาว ที่พื้นเขาสังเกตเห็นว่ามันเป็นพื้นปูนแข็ง ๆ ผสมโครงเหล็กกว้างประมาณ 1.5 เมตร เดาจากลักษณะแล้วเป็นส่วนของตึกและรอบข้างมีหน้าต่างกระจกกระจายตัวอยู่รอบข้าง โดยมีชั้นดินบาง ๆ จับตัวหน้าอยู่ด้านบน ถ้าเผลอเหยียบก็ได้แต่ภาวนาว่าด้านล่างจะมีซากตึกรองรับ ถ้าไม่อาจจะตกลงไปตายได้ง่าย ๆ เลย
เรย์มองไปยังจุดของพื้นกระจก มันมีร่องรอยของกระจกที่แตกอยู่ ไม่รู้ว่าแตกเองตามกาลเวลาหรือมีตัวอะไรเหยียบพลาดจนทำให้มันแตก
“ตึกกระจกพวกนี้ล้มลงและถูกฝังอยู่ในภูเขาแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นในสมัยนั้นกันแน่” เสียงของโบเวนพูดลอย ๆ มาจากด้านหลังของเรย์
“มันเพราะสงคราม” เรย์พูดออกไปตามความรู้สึก
“แล้วนายไม่สงสัยเหรอว่าพวกเขาทำสงครามเพราะอะไร ในประวัติศาสตร์ที่พวกเรารู้ไม่เห็นมีการบอกเลยว่าสงครามนับร้อย ๆ ปี พวกเขาทำสงครามอะไรกัน ใครอยู่ฝ่ายไหน” โบเวนถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย ขณะที่เดินตามหลังเรย์อย่างสบายใจ
เรย์เงียบไป เขาไม่รู้จริง ๆ กับคำถามของโบเวน มันก็จริงอย่างที่โบเวนว่าผู้คนในยุคของเรย์รู้แต่เพียงว่าในยุคสมัยนั้นเป็นยุคแห่งสงครามการทำลายล้าง การเผาผลาญทรัพยากรและการหายไปของเทคโนโลยีจำนวนมาก
แต่ไม่เคยมีบันทึกหรือการสอนไหนบอกถึงเหตุผลของสงครามและฝ่ายที่ต่อสู้กัน
ขณะที่เรย์เงียบไปในตอนนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นเบา ๆ ซึ่งต่างจากเสียงฝีเท้าของพวกเขา
แกร็ก!ๆ ๆ
“หยุดก่อน” คอนราดกล่าวก่อนจะมีสีหน้าจริงจัง เขาเดินไปตามขอบตึกไปยังจุดหนึ่ง ตรงนั้นมีรอยกระจกแตกอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับในหลาย ๆ จุดที่กระจกเปราะบางและแตกไปตามเวลาเอง
คอนราดยืนหน้ามองลงไปยังด้านใน พลังจิตของคอนราดกระจายออกไปจนสุดระยะพลัง ตอนนั้นเองคอนราดก็ส่งสัญญาณมือให้กับทุกคนมารวมกัน
พวกเรารีบเคลื่อนที่ไปหาคอนราด
“หัวหน้าเกิดอะไรขึ้น” ฟาริสถามออกมาเป็นคนแรก
“มีบางอย่างอยู่ใต้นั้น เรย์ขอแสงหน่อย”
เรย์ควบคุมหนึ่งในบอลแสงค่อย ๆ รอยลงไปด้านล่างในทันที
ด้านล่างนั้นดูเหมือนจะเป็นจุดที่มีบันไดหนีไฟ มันจึงสามารถเดินไป เมื่อบอลแสงลงไปมากขึ้นก็เห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นกระจก
ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มันเป็นเหมือนกับการซ้อนทับกันของซากอาคารและตึกจำนวนมาก สลับกันไปมาราวกับเขาวงกต
พอบอลแสงลงไปได้ถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็เห็นบางอย่างมีเงาของคนอยู่ด้านล่างก่อนจะหายไปจึงไม่สามารถมองเห็นได้อีก
“มีบางอย่างเคลื่อนไหว เหมือนกับมนุษย์ที่น่าจะเป็นชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูงด้วย” ฟาริสกล่าว เพราะเมื่อสักครู่ฟาริสใช้กล้องเล็งของปืนส่องไปเป็นจังหวะที่เจ้าของร่างผู้นั้นถอยกลับไปพอดี ส่วนคนอื่น ๆ เห็นแต่เงา
“เอายังไงหัวหน้า”
“น่าจะเป็นคนในทีมของเอ็ดการ์ด ลงไปดูก่อน”
“แบบนั้นอันตรายพอสมควร ด้านล่างเราไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” จอร์แดนกล่าว
“ผมว่าเราลงไปบางส่วนแล้วเหลือคนเฝ้าด้านบนไว้ดีไหม” ที่ปรึกษาพอลกล่าว
“ผู้กองจอแดน คุณกับคนของคุณเฝ้าด้านบนไว้ ส่วนคุณที่ปรึกษาพอลจะลงมาพร้อมกับพวกเรา” คอนราดตัดสินใจ
“หัวหน้าให้ผมอยู่ด้านบนหรือไม่” ฟาริสถาม
“ตกลง”
เมื่อคอนราดกล่าวจบ เขาก็ทำการปีนลงไปตามบันไดที่ตอนนี้อยู่ในสภาพพลิกหงาย มันยังมีทางที่พอจะลงไปได้เรื่อย ๆ
ส่วนคนที่เหลือก็หยิบไฟฉายออกมา เนื่องจากเรย์ลงไปด้วยจึงไม่มีแสงสว่างจากบอลแสง
“กระโดดลงไปเลย”
ทั้งสามกระโดดลงไปพร้อมกัน เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากพื้นที่มั่นคงสูงไม่เกิน 3 เมตรเท่านั้น เรย์ลงมาถึงและมองขึ้นไปด้านบนก็รู้สึกว่ามันสูงพอสมควร
น่าจะสัก 30 เมตรได้...
เรย์เงยหน้ามองไปด้านบน
“ทุกคน...ด้านล่างเป็นยังไงบ้าง”
“เรามาถึงแล้ว” เรย์หยิบวิทยุขึ้นมาตอบกลับไป
แกร็ก!
ตอนนั้นเองเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง เรย์ คอนราด และโบเวนต่างหันไปยังที่มาของเสียงพร้อมกัน คอนราดหันมามองหน้าเรย์ เรย์พยักหน้าอย่างเข้าใจควบคุมบอลแสงทั้งสี่กระจายกันเป็นวงกลมรอบตัว
ทำให้เห็นรอบด้านได้มากขึ้น ชั้นที่พวกเขายืนอยู่นี้เป็นเหมือนกับด้านในของตึกอีกหลัง รอบด้านยังมีซากอาคารอื่น ๆ หล่นลงมาที่นี่ด้วย
“ไป” บอลแสงลูกหนึ่งลอยไปยังทิศทางของเสียง โบเวนยกปืนกลเบาเบรนขึ้นมาจ่อไปที่เสียงของ
คอนราดเองก็มองอย่างระวังเช่นกัน
แกร็ก! ตุบ!
เสียงดังอย่างต่อเนื่องราวกับมีกระทิงวิ่งหลุดเข้ามาในตึก เสียงฝีเท้ามาใกล้ก่อนที่มั่นจะพุ่งชนกำแพงออกมาดังตูม!
เผยให้เห็นซอมบี้ซากศพตัวหนึ่งที่ใช่ชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูง ชุดของหน่วยงานนักล่าความตาย แต่มันไม่ใช่ซอมบี้ซากศพปกติ เพราะอีกครึ่งหนึ่งของมันซอมบี้นักกล้าม ครึ่งหนึ่งมีขนาดเท่าคนปกติ อีกครึ่งร่างขยายกว่า 2.5 เมตร ทำให้มันยากจะรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหวได้
“นั้นมันเจค คนในหน่วยของหัวหน้าเอ็ดการ์ด” โบเวนพูดออกมาอย่างตกใจ
“นี่มันตัวบ้าอะไร ใช่คนในหน่วยงานพวกคุณจริงหรือ” ที่ปรึกษาพอลที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างตกตะลึง
“ไม่ใช่อีกแล้ว เขากำลังกลายร่างเป็นซอมบี้นักกล้ามต้องรีบจัดการ” คอนราดหยิบไฟแช็กออกมาจุดดังพรึบ ก่อนจะควบคุมเปลวไฟพวยพุ่งออกไปใส่ร่างของซอมบี้เจคในทันที
“ว๊ากกก!!” ซอมบี้เจคร้องคำราม มันกแขนข้างที่เป็นซอมบี้นักกล้ามขึ้นมาปัดลูกไฟของคอนราดจนสลายหายไปก่อนจะวิ่งตรงมาที่เขา แต่มันกลับไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ดั่งใน เอียงซ้ายทีชวาที ถึงแบบนนั้นความเร็วของมันก็ยังมากกว่ามนุษย์ปกติ
“ตายยยย!!!” โบเวนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่รอช้าเล็งปากกระบอกปืนไปทางซอมบี้เจค ก่อนจะยิงถล่มไม่ยั้งมือ
ร่างของซอมบี้เจคโดนกระสุนขนาด 7.62×51มม. ยิงใส่จนมันถึงกับโซเซถอยหลังก่อนที่จะตั้งตัวได้ยกแขนขนาดใหญ่มากันบริเวณศีรษะและพยายามเดินเข้าหาโบเวน
แม้จะโดนปืนกลเบาเบรนยิงถล่ม แต่ด้วยร่างที่ครึ่งหนึ่งเป็นซอมบี้นักกล้ามทำให้มีความทนทานอย่างน่าตกใจ นอกจากนั้นระดับของมันยังสูงกว่าตัวที่พวกเขาเคยเจอที่สำนักงานซะอีก
“เวรเอ๊ย มันจะกลายเป็นซอมบี้นักกล้ามไม่ต่ำกว่าระดับ 6 อย่างแน่นอน ที่ปรึกษาพอลรีบยิงมันสิรออะไรอยู่” โบเวนกล่าวหลังจากกระสุนหมดแม็กกาซีนและกำลังจะเปลี่ยนไหม เขายังหันไปเตือนที่ปรึกษาพอลด้วย
ที่ปรึกษาพอลกลืนน้ำลาย ก่อนจะยกปืนไรเฟิลเอ็ม1903 สปริงฟิลด์ขึ้นมาเล็งไปที่ซอมบี้เจค จากนั้นก็ดึงลูกเลือนของปืน ก่อนจะดันกลับไป กระสุนถูกดันเข้ารังเพลิง นิ้วมือของที่ปรึกษาพอลเหนี่ยวไกปืนยิงใส่ซอมบี้เจค
หลังจากทำการยิงซ้ำไปถึง 5 นัดจนกระสุนหมดไป แต่ซอมบี้เจคแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย มันยังคงเดินดุ่ม ๆ เข้าหาที่ปรึกษาพอลและโบเวน ก่อนจะใช้กำปั้นขนาดใหญ่ทุบไปที่ทั้งสองคน
“ถอยเร็ว”
โบเวนคว้าตัวของที่ปรึกษาพอลดึงถอยหนีในทันที
ตูม!
จุดที่ทั้งสองอยู่ถูกทุบด้วยกำปั้นจนพื้นแตกร้าวและสั่นสะเทือนไปทั้งชั้น คอนราดรีบใช้เปลวไฟเผามันอย่างต่อเนื่องเพื่อหยุดไม่ให้มันอาละวาดไปมากกว่านี้
ซอมบี้เจคคว้าจับไปที่ซากตึกขนาด 3 เมตรปาใส่คอนราด คอนราดตอบสนองอย่างรวดเร็วสร้างบอลไฟยิงเข้าใส่ซากตึกที่ถูกโยนมาจนทั้งบอลไฟและซากตึกชิ้นนั้นระเบิดเป็นชิ้น ๆ
ซอมบี้เจคพุ่งผ่านระเบิดเมื่อครู่เข้าหาตัวคอนราด
คอนราดไม่รีรอรีบถอยออกมา ทำให้มันโจมตีพลาดไปชนเขากับเสาปูนของตึกอย่างแรง ก่อนจะล้มกลิ้งไปหลายตลบ
ซอมบี้เจคพยายามยืนขึ้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่กำลังจะขยายไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งกำลังจะกลายร่างเป็นซอมบี้นักกล้ามเต็มตัว
“เรลันลัวอา (แสงชำระล้าง)” เสียงของเรย์ดังกังวานจากทุกทิศทาง
เขาลงมือโดยให้คาถาที่ทำอันตรายต่อซอมบี้โดยตรงทันที
อักษรเวทมนตร์สว่างวาบใต้ขาของซอมบี้นักกล้าม เวทมนตร์แสงชำระล้างสาดใส่มันอย่างรุนแรง เกิดเป็นเสียงแปลกประหลาดราวกับมันถูกทำให้สลายตัว สร้างความเสียหายต่อพวกซอมบี้โดยตรง
“ว๊ากกกก!!” ซอมบี้เจคร้องโหยหวนก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างอ่อนแรง กระบวนการกลายร่างของมันหยุดชะงักไปในทันที
มันคุกเขาลงแขนขวาข้างใหญ่ของมันกระแทกลงพื้น สภาพดูน่าสังเวช โดยเฉพาะฝั่งร่างอีกฝั่งที่ยังไม่กลายเป็นซอมบี้นักกล้ามสมบูรณ์แบบ แต่แค่นี้ก็ทำให้เรย์แปลกใจสุด ๆ แล้ว
เรย์มองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นซอมบี้โดนเวทมนตร์ของคาถาแสงชำระล้างเข้าไป แต่กลับไม่ตาย