ตอนที่ 39 ประลองกฎฟ้า 2
จ้าวหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็บังเกิดโทสะอย่างหาที่ใดเปรียบมิได้ หมากดำเดิมทีจะต้องถูกวางลงไปเพื่อทำลายทัพขาวให้สิ้นซาก กลับหยุดชะงักลง ก่อนที่มันจะสัมผัสกระดานเหล็กหยินหยางเพียงชั่วคืบเท่านั้น
สองมือของจ้าวหยางที่จับกุมเม็ดหมากนั้นสั่นด้วยความโมโห มันมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
ปัง!!! เกาซุนทุบฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดัง คล้ายกับว่ามันพยามที่จะเตือนสติจ้าวหยางอย่างลับๆ
“น้องจ้าว อย่าได้ฟังที่เจ้าเด็กนั้นพูด มันไม่สามารถสู้กับเจ้าตรงๆได้จึงได้ใช้วิธีมากเล่ห์เพื่อทำลายสมาธิเช่นนี้”
ซินเฉาส่งเสียงผ่านลมปราณออกเตือนอย่างเร่งร้อน เวลานี้มันไม่เหลือท่าทีที่สงบเช่นเดิมแล้ว
มันนั้นเติบโตมากับจ้าวหยางจึงทำให้รู้นิสัยกันเป็นอย่างดี แต่มันไม่คาดคิดว่า เจ้าเด็กหนิงเทียนคนนี้ เพียงพบกับจ้าวหยางได้ไม่ถึงชั่วยามกลับมองผ่านถึงก้นบึงในจิตใจของจ้าวหยางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เวลานี้สายตาของซินเฉาที่จับจ้องไปยังหนิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร
แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าจ้าวหยางจะไม่รับฟังเสียงของผู้ใดอีกแล้ว ฟันของมันขบกันแน่นด้วยความโกรธ
เดิมนิสัยของมันก็เป็นคนที่หยิ่งผยองในศักดิ์ศรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วประกอบกับคำพูดของหนิงเทียน ทำให้มันไม่สามารถที่จะวางหมากบุกเข้าใส่ได้
เส้นเลือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวหยางหลายสาย มันใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเปลี่ยนความคิดถอยร่นหมากดำเชื่อมต่อหน้าหลัง
“เจ้าโง่นั้น” ซินเฉาคำรามด้วยความโกรธ
เมื่อหมากตานี้ของจ้าวหยางปรากฏแก่สายตาของผู้คน มันทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมากบ้างก็ชื่อชมในความกล้า บ้างก็ก่นด่าด้วยความดูถูก
หนิงเทียนเห็นเช่นนั้นมันยิ้มออกอย่างพอใจ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เจ้าไม่ควรที่จะจับปลาสองมือหรอกนะ”
“ข้าจะเอาชนะในศึกทัพหน้าและทำลายทัพหลังของเจ้าในเวลาเดียวกันและด้วยหมากตานี้มันจะทำให้ข้าเข้าใกล้สำนักเทพหยินหยางมากขึ้นไปอีก” จ้าวหยางยังคงกล่าวอย่างถือดี
สถานการณ์ตอนนี้ใกล้จะเข้าสู่ช่วงท้ายกระดานเต็มทีแล้ว หมากขาวของหนิงเทียนที่แทรกตัวโจมตีตลบหลังหมากดำนั้น
ทำให้กระแสของหมากดำที่บุกตะลุยอย่างคลุ้มคลั่งหยุดชะงักลง เพียงแค่ไม่กี่ทางหมาก หมากขาวที่เคยเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา บัดนี้มันเปลี่ยนสถานการณ์เป็นฝ่ายรุกอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์เวลานี้กลายเป็นรุกรับพลิกผัน กลับเป็นจ้าวหยางที่พยามถอยร่นหมายจะเชื่อมหมากดำทั้งหน้าและหลังโดยเร็วที่สุด
หนิงเทียนไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดรอดไป มันวางหมากโหมกระหน่ำบุกราวกับหยาดพิรุณในช่วงมรสุมที่สาดซัดเวลานี้ทัพขาวของหนิงเทียนเปลี่ยนผู้ล่าโดยสมบูรณ์
ด้วยจำนวนหมากดำในทัพหน้าที่ลดน้อยลง ทำให้หมากขาวของหนิงเทียนแทรกจังหวะเอาตัวรอดออกมาได้และหมากดำในทัพหลังที่อยู่ตำแหน่งไม่ดีนักกลับถูกหมากขาวไล่ฆ่าจนจะหาพื้นที่รอดไม่ได้
เวลานี้ใบหน้าของจ้าวหยางดำมืดลง ในยามที่มันตัดสินใจถอยทัพหน้าของหมากดำลงมาเชื่อมต่อกับทัพหลัง มันเองก็ไม่คาดคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้
ถ้ามันรู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ มันคงจะยอมกลืนน้ำลายบุกตลุยทำลายหมากขาวของหนิงเทียนอย่างแน่นอน
เวลานี้ผู้คนโดยรอบเริ่มที่จะมองเห็นชัยชนะของหนิงเทียนแล้ว ถ้ามันไม่รับมือพลาดหรือหลงไปกับการยั่วยุของจ้าวหยาง สถานการณ์ไม่มีทางพลิกกลับไปได้แน่
ผู้คนที่ลงเดิมพันข้างหนิงเทียนเริ่มที่จะโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่พวกมันกลับต้องเงียบลงด้วยเสียงตวาดที่แฝงด้วยจิตสังหารของซินเฉา
การประลองกระดานหยินหยางเดินทางมาจนถึงท้ายกระดานแล้ว หมากดำของจ้าวหยางพยามที่จะบุกอย่างหนักเพื่อจะช่วงชิงพื้นที่จากหมากขาวคืน แต่หมากขาวของหนิงเทียนกลับถอยร่นอย่างพร้อมเพียง มันหลีกเลี่ยงการปะทะใดๆทั้งสิ้น
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้จนจบตา หมากขาวของหนิงเทียนยึดครองพื้นที่ได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน มันไม่มีความจำเป็นจะต้องเข้าปะทะหักหาญกับหมากดำอย่างพวกคลั่งในการต่อสู้
“สารเลว เจ้าไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง หยุดหนีแล้วเข้ามาปะทะกับข้า”จ้าวหยางคำรามอย่างเดือดดาล
ซินเฉาที่เงียบสงบมันตะโกนดังขึ้น “กระดานเหล็กหยินหยางเป็นการประลองที่ทรงด้วยเกรียติยศ กลับมีผู้แข่งขันที่ชั่วช้าและน่าไม่อายเช่นนี้ ข้าไม่อาจยอมรับในผลได้”
ฮ่าฮ่าๆ หนิงเทียนหัวเราะกับท่าทีของซินเฉามันกล่าวตอบว่า “ไม่ยอมรับแล้วอย่างไร? หรือว่าเจ้าจะคุกเข่าแล้วขอเงินคืนจากข้า
แต่ข้าให้สัญญานะ ว่าข้าจะใช้10ล้านเหรียญทองของเจ้าอย่างมีความสุข”หนิงเทียนเจตนาใช้คำพูดที่จ้าวหยางเคยกล่าวกับมัน แต่ในเวลานี้มูลค่าของมันกลับเพิ่มมากกว่าเดิมถึง10เท่า
จ้าวหยางได้ยินเช่นนั้น มันไม่สามารถอดทนกับความอับอายได้อีกต่อไป มันคำรามออกมาอย่างสัตว์ร้าย“สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า”
จ้าวหยางเร่งลมปราณออกพลังสีม่วงปกคลุมร่างกายมันทันที ในครั้งนี้มันไม่ได้ใช้เพียงหมัดเหมือนคร่าแรกที่มันต่อสู้กับหลี่เฟิงอีกต่อไป
บังเกิดเสียงแหวกอากาศของลมปราณสีม่วงสายใหญ่พุ่งเข้าใส่หนิงเทียนในทันที
“ลมปราณเบญจมาศของตระกูลจ้าว ทักษะระดับปราชญ์”เสียงฮือฮาออกเป็นเสียงเดียวของผู้คนดังขึ้น
เกาซุนเห็นเช่นนั้นมันก็ไม่ได้แสดงท่าทีห้ามออกแต่อย่างใด
ในการประลองกระดานหยินหยางระหว่างผู้ฝึกตนนั้น การใช้ออกด้วยลมปราณนับว่าไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฎอันใด
ตราบเท่าที่พวกมันไม่สัมผัสตัวซึ่งกันและกัน จะไม่ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎของการประลองสามกฎฟ้า
แต่อย่างใดก็ตาม การที่ผู้ฝึกตนในดินแดนที่สูงกว่านั้นใช้พลังลมปราณเพื่อหมายจะเอาชนะระหว่างการประลองกระดานหยินหยางคงจะหนีไม่พ้นข้อครหาตำหนิอย่างรังเกียจจากคนทั่วล้าแน่
เมื่อเห็นลมปราณที่แผ่พุ่งออกจากร่างกายของจ้าวหยาง สีหน้าของหลี่เฟิงซีดขาวลงทันทีมันรีบพุ่งตัวออกไปหมายจะหยุดปราณสีม่วงของจ้าวหยางให้ได้
แต่ด้วยระยะทางและพลังฝึกตนของมันนั้น ไหนเลยจะเข้าปกป้องหนิงเทียนได้ทันท่วงที เวลานี้มันอยุ่ห่างจากหนิงเทียนอีกสามก้าวใหญ่
ในเวลาเดียวกันหนิงเทียนยังคงนั่งอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย มันเพียงเคาะนิ้วไปกับเม็ดหมากสีขาวเท่านั้นชั้นน้ำแข็งบางๆก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้ากลายเป็นเกราะป้องกันสีใส ขวางกั้นลมปราณสีม่วงของจ้าวหยาง
พร้อมกันนั้นหนิงเทียนเร่งพลังลมปราณทั่วร่างในช่วงพริบตา มันดึงร่างของหลี่เฟิงที่อยู่ห่างไปสามก้าวมันพุ่งเข้ามาหามันอย่างรวดเร็ว
ปัง!!!! เสียงปะทะกันดังสนั่น
ลมปราณสีม่วงของจ้าวหยางเข้าปะทะกับชั้นน้ำแข็งบางๆที่กลมกลืนไปกับอากาศธาตุส่งผลให้ลมปราณเบญจมาศของจ้าวหยางสลายไปทันที
เมื่อการปะทะกันจบลง ภาพที่ปรากฏให้เห็นแก่สายตาของผู้คนคือ หลี่เฟิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของหนิงเทียนอย่างกล้าหาญ
“นั้นคือหลี่เฟิง มันสามารถสลายปราณเบญจมาศของตระกูลจ้าวได้ อัจฉริยะวัยเยาว์ของเมืองฉางผิงปรากฎตัวอีกคนแล้ว” เสียงของฝูงชนกล่าวสรรเสริญวีรกรรมของหลี่เฟิงอย่างไม่หยุดยั้ง
หลี่เฟิงทำได้แต่เพียงมองไปรอบๆด้วยสีหน้างุนงง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอันใดขึ้นกับตัวมัน
ช่วงเวลานั้นความเกลียดชังคั่งแค้นในใจของหนิงเทียนพลันปะทุเดือดขึ้น
แม้แต่ตัวมันเองก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ มันใช้เวลาในช่วงที่ผู้คนกำลังสรรเสริญการกระทำของหลี่เฟิงอยู่นั้นทำการข่มสะกดโทสะลง
ก่อนมันจะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “จ้าวหยางเสียทีเป็นถึงบุตรของตระกูลใหญ่ กลับแสดงพฤติกรรมต่ำทรามเช่นนี้
เจ้าแสดงออกถึงความขลาดเขลาในกระดานเหล็กหยินหยางยังไม่พอ เจ้ายังละทิ้งศักดิ์ศรีลอบทำร้ายข้า”กล่าวจบมันตะโกนออกเสียงดัง
“เรื่องในครั้งนี้ ถ้าบุคคลใดนำมันไปป่าวประกาศในเมืองฉางผิงละก็ ข้าจะมอบ5000เหรียญทองแก่คนผู้นั้น”
“บัดซบ!!! วันนี้ถ้าไม่ฆ่าเจ้าข้าไม่ขอเป็นคน” จ้าวหยางคำรามดุจสัตว์ร้าย
“พอได้แล้ว!! เจ้ายังสร้างความอับอายแก่ตระกูลจ้าวไม่พออีกหรือ” น้ำเสียงอันแข็งกร้าวของเกาซุนดังออกมา
ในขณะเดียวกันซินเฉาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆของจ้าวหยางพร้อมกระซิบอย่างแผ่วเบา ไม่มีผู้ใดได้ยินถึงข้อความที่พวกมันคุยกัน ทุกคนเห็นเพียงแต่ว่า เมื่อจ้าวหยางได้ยินเช่นนั้นโทสะของมันลดลงอย่างมาก
หนิงเทียนหันไปทางเกาซุน “จะไม่ประกาศว่าข้าชนะ?” เวลานี้น้ำเสียงมันไร้ซึ่งความเคารพเหมือนแต่ก่อน
มุมปากของเกาซุนกระตุกทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น มันประกาศออกอย่างจนใจ “การประลองกระดานเหล็กหยินหยางครั้งนี้ น้องชายหนิงเป็นผู้ชนะ”
เมื่อตัดสินผลการประลองแล้ว เกาซุนรีบกล่าวปิดงานอย่างรวดเร็ว เพียงเพราะมันกลัวว่าถ้างานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป จ้าวหยางและตระกูลจ้าวจะกลายเป็นตัวตลกในวงสุราอย่างแน่
งานเลี้ยงที่วุ่นวายได้จบลง ผู้คนต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับขบวนคาราวานของใครของมันทันที
ภายในขบวนคาราวานที่3 กลุ่มของหลานเหลียงต่างเข้ามายินดีกับหนิงเทียนอย่างเป็นมิตร พวกมันกล่าวชมหนิงเทียนอยู่ไม่ขาด
จะมีเพียงผู้เดียวที่มองหนิงเทียนด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากมุมมืด มันคือเหลียวเหยียนนั้นเอง
การที่หนิงเทียนและหลี่เฟิงได้สร้างผลงานใหญ่นั้นคงจะมีมันแต่เพียงผู้เดียวที่ไม่ได้แสงความยินดีใดๆออกมา
หนิงเทียนไม่ได้สนใจอันใดนัก มันเพียงกล่าวอย่างไม่สนใจ “ข้าเหนื่อยแล้วต้องขอตัวไปพักผ่อน” จากนั้นมันก็เดินจากไปทันที
แม้ว่าการแสดงออกของหนิงเทียนจะมีความเหย่อหยิ่งอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนในกลุ่มคุ้มกันหลาน จะแสดงท่าทีไม่ชอบมันเลยแม้แต่น้อย
หนิงเทียนไม่ได้เดินเข้าที่พักแต่อย่างใด มันเพียงแต่หยุดมองไปยังบนท้องฟ้าที่มืดมิดคล้ายกับว่ารอคอยใครบางคนอยู่ “น้องชายหนิง รอก่อน” หลี่เฟิงตะโกนเรียกไล่หลังออกมา
“มีเรื่องอะไรหรือ พี่ชายหลี่” หนิงเทียนถามออก
“ข้านำแกนอสูรขั้น3มาคืนเจ้า”
“ไม่ต้องทำเช่นนั้น ข้าได้พูดไปแล้วว่าตราบใดที่ข้าชนะมันจะเป็นของท่าน อีกทั้งข้าได้รับสัญญาหนี้ของจ้าวหยางที่มีค่ามากกว่านี้นับ10เท่า” หนิงเทียนแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงตั๋วสัญญาเงินกู้
“เช่นนั้น ข้าไม่เกรงใจละนะ ด้วยแกนอสูรขั้น3นี้สามารถทำให้ พี่ใหญ่หลานก้าวเข้าสู่แดนแห่งปราชญ์ภายในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน”หลี่เฟิงมองไปยังแกนแท้อสูรขั้น3ด้วยสายตาตื่นเต้น
หนิงเทียนได้แต่ส่ายศีรษะให้‘กับความมีน้ำใจของหลี่เฟิง’ ก่อนที่หนิงเทียนจะขอตัวลา พวกมันทั้งคู่ได้ยินเสียงตะโกนของเปาเปาดังขึ้นมา “น้องชายหนิง น้องชายหนิงหยุดก่อน”
“เปาเปา เจ้ามีเรื่องอันใด ถึงวิ่งอย่างรีบร้อนถึงเพียงนี้” หลี่เฟิงถามอย่างสงสัย
“ท่านเกามายังคาราวานของพวกเรา ท่านมีเรื่องจะหาลือกับน้องชายหนิงจึงให้ข้ารีบมาแจ้ง” เปาเปารีบกล่าวออกอย่างรวดเร็ว
หลี่เฟิงหันไปถามกับหนิงเทียน “เหตุใด ท่านเกาเหตุใดถึงมาเวลานี้”
หนิงเทียนยิ้มออกเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “พี่ชายหลี่ ท่านไปพักเถอะ ข้าจะไปพบท่านเกาเอง” กล่าวจบหนิงเทียนเดินจากไปอย่างไม่แยแสใดๆ คล้ายกับว่ามันรู้อยู่ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีคนมาพบมัน
ภายในขบวนคาราวานที่3 ใต้บรรยากาศที่เงียบหงัด
เปรี้ยะ!! เปรี้ยะ!! มีแต่เพียงเสียงของกองไฟที่กำลังลุกไหม้ท่อนฟืนอยู่ ปรากฏร่างของเกาซุนกำลังนั่งอยู่อย่างเงียบเฉียบ
“น้องชายหนิงเจ้ามาแล้ว”
“ท่านต้องการพบข้าเพราะเรื่องสัญญาหนี้ของจ้าวหยาง”หนิงเทียนถามออกอย่าไม่อ้อมค้อม มันคร้านที่จะเสียเวลาฟังเกาซุนชักแม่น้ำทั้งห้า
เกาซุนเกิดอาการประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ “เจ้ารู้อยู่แล้ว ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงชนะจ้าวหยางได้
น้องชายหนิงนับว่าเป็นมังกรหลับคนหนึ่งทีเดียว”เกาซุนชมหนิงเทียนจากใจจริงและยังคงกล่าวต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดกัน น้องชายหนิงคงรู้มาบ้างแล้วว่าถึงข้าจะเป็นผู้พิทักษ์แดนฟ้าก็จริง แต่ข้าเองก็ยังเป็นคนของตระกูลจ้าวอยู่ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน
เรื่องเงิน10ล้านเหรียญทองนั้น แม้มันจะไม่ได้มากมายอะไรนักสำหรับตระกูลจ้าวก็จริง แต่ก็นับว่าสร้างความปัญหาให้แก่ตระกูลจ้าวอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ข้าจึงอยากขอให้น้องชายหนิงเห็นแก่หน้าข้าเล็กน้อย คิดเสียว่ากระดานเหล็กหยินหยางเมื่อครู่เป็นการประลองเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพวกเราดีหรือไม่”
“ท่านต้องการให้ข้าทำลายสัญญาหนี้นั้นทิ้ง”หนิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็น
“ถ้าน้องชายหนิงทำตามเจตนาเช่นนั้น ข้ารับรองเมื่อถึงเมืองฉางผิง เราทั้งสองจะร่ำสุรากันดุจดั่งมิตรสหาย”
หนิงเทียนมองไปยังเกาซุนด้วยสีหน้าครุ่นคิด ‘ด้วยวาจาที่โอนอ่อนชวนให้ผู้ที่ได้ฟังคล้อยตาม วาจาชั่งทองนั้นสมควรแก่ตัวมันจริงๆ’
“น้องชายหนิงเอาเช่นนี้เป็นไร การที่จะให้เจ้าทำลายสัญญาหนี้ทิ้งไปก็อาจเป็นการไม่สมควรนัก ข้าจะยอมจ่ายให้เจ้าเท่าราคาที่ได้เดิมพันไป หนึ่งล้านเหรียญทองเป็นอย่างไร”
เกาซุนยังคงกล่าวด้วยสีหน้าแย้มยิ้มเช่นเคย ด้วยตัวมันที่เป็นถึงผู้พิทักษ์แดนฟ้า ตัวตนแห่งปราชญ์ขั้นปลาย ในอนาคตตัวมันนั้นมีโอกาสสูงที่จะได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งวีรชน
ด้วยเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ มันกลับไม่มีน้ำเสียงไหนเลยที่แสดงถึงความถือตัวเลยแม้แต่น้อย มันนั่งคุยกับเด็กน้อยแดนมนุษย์ด้วยความเท่าเทียม
ใครที่ได้ยินเช่นนี้คงจะตอบรับคำขอไปกับท่าทีและวาจาเช่นนั้นของเกาซุนอย่างขัดไม่ได้ไปแล้ว
หนิงเทียนกล่าวออกโดยไม่สนใจท่าทีของเกาซุนเลยแม้แต่น้อย
“ท่านเกา เรื่องที่ท่านขอนั้น เห็นทีว่ามันจะไม่สามารถเป็นไปได้”