ตอนที่ 151+152 กองหนุน
ตอนที่ 151 กองหนุน
เวินเสวี่ยฮุ่ยกำลังกอดมัวด้วยความงุนงง ตระกูลจางยึดพื้นที่ในความคิดของเธอไปจนหมดสิ้น เธอจ้องโทรศัพท์ที่เจียงเหยาขว้างทิ้งอย่างสงสัย แต่ตัดสินใจไม่ให้ความอยากรู้อยากเห็นของเธอรบกวนอีกฝ่าย เธอเพียงเฝ้าสังเกตท่าทางอันตลกขบขันของเจียงเหยาอยู่เงียบ ๆ
“เจียงเหยา พิธีเปิดและปฐมนิเทศจะมีในอีกสองวันข้างหน้า เธอควรเตรียมตัวสำหรับการกล่าวสุนทรพจน์นะ” ใบหน้าของเวินเสวี่ยฮุ่ยบิดเบี้ยวอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อเธอคิดถึงจางซีชิง
“ตระกูลจางทำให้จางซีชิงเสียคนจริง ๆ! ฉันพนันได้เลยว่าการเรียนของเธอก็คงจะเช่นกัน นี่มาเรียนนะไม่ใช่มาสู้รบสักหน่อย หูเอวียนก็เป็นคนที่จางซีชิงพามาด้วย เด็กผู้ชายสองคนนั้นก็เป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลจาง ที่ตระกูลจางช่วยให้พวกเขาได้รับการตอบรับเข้ามาเรียนที่นี่เพราะอยากให้พวกเขาช่วยดูแลจางซีชิง”
เจียงเหยาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นเพียงคนที่ชื่นชอบจางซีชิงเสียอีก เธอไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะถูกตระกูลจางส่งมา นี่ตระกูลจางถึงกับอยากจะติดปีกให้กับจางซีชิงหรือไง?”
“เพื่อให้พวกเด็ก ๆ เหล่านั้นได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนี้ ตระกูลจางบริจาคเงินไปแล้วถึงหนึ่งล้านเหรียญ! นี่เป็นเพียงจำนวนที่ระบุไว้ในรายงานนะ ใครจะไปว่ายังมีเงินจำนวนเท่าไหร่ที่ใช้ในการติดสินบนผู้บริหารเป็นการส่วนตัว เพื่อให้พวกเด็ก ๆ เหล่านั้นได้เข้าเรียนโดยไม่ต้องผ่านการสอบ”
เวินเสวี่ยฮุ่ยถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “พ่อของฉันบอกว่ามหาวิทยาลัยของเราประสบปัญหาทางการเงิน เธอรู้ไหมว่าสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ทางฝั่งตะวันตกของมหาวิทยาลัยถูกบังคับให้ระงับไว้? นั่นควรจะเป็นอาคารหอพักใหม่และห้องเรียนใหม่ แต่ก็ต้องถูกระงับไปนานกว่าสองปี เพราะเงินทุนไม่พอ”
มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียงก่อตั้งขึ้นเมื่อร้อยปีที่แล้ว อาคารหอพักเดิม ห้องเรียนและอาคารบริหารได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทางมหาวิทยาลัยเริ่มก่อสร้างอาคารหอพักและอาคารหลังใหม่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตก เจียงเหยาเล่าว่าเล่าในชีวิตก่อนหน้า สถานที่ก่อสร้างยังคงถูกระงับ แม้ว่าเธอจะสำเร็จการศึกษาไปแล้ว
เหตุผลที่เวินเสวี่ยฮุ่ยเปิดเผยกับเจียงเหยาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเธอต้องการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า จางซีชิงกับครอบครัวของเธอเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ความคิดที่น่าขบขันได้แล่นเข้ามาแทนที่ในหัวของเจียงเหยา เมื่อเธอได้ยิน เธอหันกลับไปและยิ้มให้กับเวินเสวี่ยฮุ่ย “เธอคิดว่าตระกูลจางจะให้เงินกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อให้จางซีชิงได้เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่อย่างนั้นเหรอ? อย่างเช่น การสนับสนุนโครงการก่อสร้างที่ถูกระงับไว้?”
ขณะที่เวินเสวี่ยฮุ่ยฟังเจียงเหยา เธอลูบขนนุ่ม ๆ ของมัว นิ้วมือของเธอแข็งขึ้น แววตาของเธอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเพื่อบ่งบอกว่าเจียงเหยารู้คำตอบอยู่แล้ว
“เป็นไปได้มากใช่ไหมล่ะ” เจียงเหยากล่าวต่อ “ถ้าตระกูลจางใจกว้างจริง ๆ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้จางซีชิงเป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่!”
เวินเสวี่ยฮุ่ยคิดและส่ายหน้า “ถึงพวกเขาจะรวย แต่ก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น การก่อสร้างอาคารฝั่งตะวันตกเป็นโครงการที่ใช้งานจำนวนมาก ตระกูลจางจะไปเอาเงินมากมายขนาดนั้นจากไหนมาสนับสนุนเล่า”
ตระกูลจางเป็นครอบครัวที่มั่งคั่งที่รู้จักกันดีในเมืองหนานเจียง แต่พวกเขาก็ไม่ให้เงินจำนวนมากกับบางเรื่องที่ไม่มีผลกำไรหรือดอกเบี้ยหรอก การลงทุนที่ให้ผลกำไรสิถึงจะเป็นเป้าหมายของนักธุรกิจ การลงทุนในโครงการก่อสร้างของมหาวิทยาลัยก็คงได้เพียงชื่อเสียงแทนผลกำไรที่เป็นตัวเงิน
อีกอย่างตามความเข้าใจของเวินเสวี่ยฮุ่ย เกี่ยวกับตระกูลจาง เขามีเครือญาติจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเอาเงินกองกลางของตระกูลมาสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย ท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็ได้ประโยชน์เพียงจางซีชิงคนเดียว ไม่ได้มีประโยชน์ต่อตระกูลจางส่วนใหญ่เลย และจางซีชิงกับครอบครัวของเธอก็ไม่ใช่ทายาทเพียงกลุ่มเดียวของธุรกิจในเครือตระกูลจาง
เวินเสวี่ยฮุ่ยกลับมาโฟกัสที่เจียงเหยา หลังจากแสดงความคิดที่เธอกำลังกังวลอยู่ทั้งหมดออกไป เธอสังเกตว่าเจียงเหยาชำเลืองดูโทรศัพท์ของเธอเป็นครั้งคราวในขณะที่พวกเขาคุยกัน
“โทรศัพท์เป็นอะไรเหรอ?” เวินเสวี่ยฮุ่ยเคลื่อนไหวช้า ๆ ไปข้างหน้าต้องการคว้าโทรศัพท์ของเจียงเหยา
__
ตอนที่ 152 รอดู
เจียงเหยาตะโกนลั่นด้วยความตกใจ รีบคว้าโทรศัพท์คืนอย่างรวดเร็วและจัดการรอยยิ้มเขินอายให้กับเวินเสวี่ยฮุ่ย เธอคงจะถูกล้อเลียนแน่ ถ้าเพื่อนของเธอเห็นข้อความของลู่ชิงสี
ข้อความยังคงปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ เจียงเหยาเห็นมันทันทีที่เธอเหลือบมองโทรศัพท์
‘ผมจะไม่ใช้การฝึกสำหรับผู้ชายกับผู้หญิงหรอก แต่ผมยินดีจะทำให้คุณเหนื่อยบนเตียง จนลงจากเตียงไม่ไหว ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ผมจะรอคุณในวันชาติ’
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อความนี้ เจียงเหยาคงไม่มีทางเดาได้ว่าลู่ชิงสีก็มีด้านที่ซุกซนและร้ายกาจ ตรงกันข้ามกับความจริงจังในวันปกติของเขาอย่างสิ้นเชิง
ฮึ่ม! เธอได้คะแนนจากค่าความชื่นชอบไปแปลงเป็นค่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเธอทั้งหมดแล้ว มาดูกันว่าใครจะเหนือกว่าใคร!
ช่างตรงกับคำว่า ‘วัวสันหลังหวะ’ เจียงเหยาอายเกินกว่าจะตอบข้อความของลู่ชิงสี เมื่อเวินเสวี่ยฮุ่ยจ้องมาที่เธออย่างสงสัย กระทั่งเวินเสวี่ยฮุ่ยออกไปซักผ้าที่ระเบียง เจียงเหยาถึงตอบข้อความกลับลู่ชิงสีอย่างรวดเร็ว ข้อความที่ดูอวดดีและหยิ่งผยอง
‘ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครไม่สามารถลงจากเตียงได้ คอยดูก็แล้วกัน!’
ความมั่นใจมากเกินไปของเจียงเหยาในด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพปัจจุบันของเธอ กระตุ้นให้เธอหยอกลู่ชิงสีได้อย่างกล้าหาญ
เธอรู้สึกโล่งใจและสบายใจหลังจากที่ตอบข้อความของเขา แต่ใบหน้าของเธอกลับแดงก่ำ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่ได้พูดคุยกับลู่ชิงสีในทางซุกซนและก่อกวนกันแบบนี้ แม้จะรู้สึกเขินอายภายหลังก็ตาม
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอเองก็ตั้งตารอการเดินทางในวันชาติที่กำลังใกล้จะมาถึง หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาที่เธอจะดูดพลังทั้งหมดของลู่ชิงสี จนเขาเดินไม่ไหวเสียบ้าง ว่าจะเป็นยังไง
เธอยังคงจำได้ว่าลู่ชิงสีทรมานเธอทั้งคืนอย่างไร ถึงขั้นลืมตาตื่นมาเจอเขาที่สนามบินในเช้าวันรุ่งขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นคนพาเธอไปที่รถก็ตาม
ลู่ชิงสียังไม่ได้อ่านข้อความในทันที เพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยเกี่ยวกับการฝึกรับสมัครกับหัวหน้า เมื่อมีข้อความของเจียงเหยาส่งเข้ามา เขาเอามือล้วงกระเป๋าเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนโดยไม่ได้หยิบขึ้นมาอ่าน
ครูฝึกสูงวัยสังเกตเห็นอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างผิดปกติของลู่ชิงสีในวันนี้ตั้งแต่เริ่มการประชุม ในอดีตที่ผ่านมา ลู่ชิงสีมักทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อเขาต้องเป็นผู้นำการฝึกอบรมการรับสมัคร
หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง ผู้ฝึกเฝ้าดูลู่ชิงสีหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที และฉากต่อจากนี้ก็เกิดขึ้นราวกับสายฟ้าฟาด เมื่อครูฝึกที่กำลังเฝ้ามองลู่ชิงสีอย่างใกล้ชิด เห็นชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่าน ใบหน้าบอกบุญไม่รับของเขาเมื่อสักครู่หายไปอย่างรวดเร็ว มุมปากของเขากระตุกถี่ขณะที่อ่านสายตาจ้องมือถือ และในที่สุด รอยยิ้มหล่อก็ปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน จนครูฝึกอาวุโสประหลาดใจ เขาขยี้ตา ในชั่วพริบตา การแสดงออกของลู่ชิงสีก็กลับมาสู่โหมดปกติ ทั้งอดทนและเข้มงวด ราวกับว่ารอยยิ้มเมื่อสักครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
ครูฝึกปิดปากและไอเบา ๆ จากนั้นก็ถามว่า “ได้ยินโจวเหวยฉีกับเฉินซวีเหยาบอกว่าภรรยาของคุณจะมาเยี่ยมในวันหยุดวันชาติเหรอ?”
“ครับ” ลู่ชิงสีพยักหน้ารับ ขณะแตะโทรศัพท์ของเขาครู่หนึ่ง แล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เป็นเรื่องยากที่เขาไม่บ่นเกี่ยวกับคำพูดของโจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยา “เธอจะอยู่ที่กองทัพสักสองสามวันครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก! ดีสำหรับนายเสียอีก! ถ้าทุกคนในกองทัพคิดเหมือนนาน เราก็ไม่คำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกนายมาก ยังไงพวกเราก็ยังไม่เคยเจอภรรยาของนายมาก่อน แม้ว่าจะแต่งงานมาได้หนึ่งปีแล้ว ฉันจะให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ตอนที่เธอมาอยู่ที่นี่ให้ก็แล้วกัน”
แม้ว่าครูฝึกจะไม่เคยเห็นภรรยาของลู่ชิงสีมากก่อน แต่เขาก็รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นนักศึกษาใหม่ปีนี้ เธออายุน้อยกว่าเขามากทีเดียว
เขาคิดว่าลู่ชิงสีเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทหาร โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการทำงานที่แม่นยำ
ดีแค่ไหนแล้วที่ทหารในกองทัพทั้งหมด ไม่ได้เป็นเพียงหนุ่มโสด หรือชายวัยชรา!