ตอนที่ 149+150 แต่งงานแล้ว
ตอนที่ 149 แต่งงานแล้ว
เธอพูดคำเหล่านั้นออกไปทางสายตา ซึ่งสะท้อนไปถึงอาจารย์เฉินทันที
“ได้ค่ะ อาจารย์เฉิน ในเมื่อคุณอยากรู้เรื่องของฉันมาก ฉันก็จะบอก แม้ว่าฉันจะไม่เต็มใจก็ตาม” เจียงเหยาขมวดคิ้วและเยาะเย้ย “สามีของฉันเป็นคนซื้อโทรศัพท์ให้ฉัน ก่อนที่คุณจะเริ่มกล่าวหาว่าฉันอ้างอย่างไร้ยางอายว่าแฟนคือสามีและรับของขวัญราคาแพงจากเขา ให้ฉันบอกคุณเสียก่อน ว่าฉันน่ะแต่งงานแล้ว แต่งงานอย่างเป็นทางการ มีทะเบียนสมรส ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบที่ฝ่ายทะเบียนของมหาวิทยาลัยได้ค่ะ ฉันแน่ใจว่าตัวเองกรอกข้อมูลและส่งเอกสารอย่างครบถ้วนแล้ว หากยังสงสัยอีกว่าสามีของฉันเป็นใคร ฉันต้องขอโทษด้วย ที่ไม่อาจสนองความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีสาระได้ค่ะ”
ประโยคสุดท้ายเป็นการเยาะเย้ยอาจารย์เฉินโดยตรง หมายความว่าเธอไม่ต้องการตอบคำถามจากเขาอีกต่อไปและจะไม่ตอบแม้ว่าเขาจะถามเพิ่มก็ตาม
“ใช่แล้วล่ะ! ฉันเป็นพยานได้ว่าเจียงเหยาแต่งงานแล้วจริง ๆ! สามีของเธอเป็นคนมาส่งเธอเข้าห้องพักในวันแรกที่มาเรียน” เวินเสวี่ยฮุ่ยยืนข้างหน้าและพูดว่า “ทุกคนในห้องพักของเราก็เป็นพยานได้ว่าเจียงเหยาแต่งงานแล้ว เธอกับสามีรักกันดี พวกเขาคุยโทรศัพท์กันทุกวันด้วย!”
ใบหน้าของอาจารย์เฉินหมองลง เขาไม่คิดว่าเจียงเหยาจะแต่งงานแล้ว และไม่คาดหวังว่าเธอจะประกาศต่อหน้านักศึกษาและผู้บริหารของมหาวิทยาลัยหลายคนแบบนี้
จางซีชิงรู้ว่าเธอล้มเหลวอย่างน่าสังเวชในวันนี้ เจียงเหยาต้องได้เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่อย่างแน่นอน เธอคงยิ่งอับอายมากหากยังยืนอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจ้องไปที่เจียงเหยาอย่างชั่วร้ายก่อนจะหันหลังและเดินจากไป
อาจารย์เฉินเดิมตามออกไปทันที หลังจากที่เห็นว่าจางซีชิงเดินออกไปก่อนแล้ว และคนอื่น ๆ ที่มากับเธอก็แยกย้ายกันออกไปทันที
ในทางกลับกัน ผู้อำนวยการสำนักวิชาการยังคงยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ ยิ้มเหมือนดอกทานตะวันอย่างแจ่มใส “เจียงเหยา เราได้ตัดสินใจเลือกเธอให้เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ ยินดีด้วยนะ! อีกอย่าง ฉันหวังว่าเธอจะไม่ต้องกังวลเรื่องเกี่ยวกับจางซีชิง เธอถูกครอบครัวตามใจ จนกลายเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ก็เจอเธอที่มาจากไหนไม่รู้...”
เมื่อตระหนักว่าเขาได้เปิดเผยข้อมูลมากเกินไป ผู้อำนวยการก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก เขาส่ายหน้า ยิ้มให้เจียงเหยา ขอให้เธอเตรียมตัวสำหรับคำปราศรัย,ปราสัยของตัวแทนนักศึกษาใหม่แล้วก็เดินจากไป
“ไปกินข้าวกันเถอะ!” เจียงเหยาลูบท้องของเธอและกระตุ้น เธอมองดูนาฬิกาด้วยความตกใจที่พวกเขาเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงอย่างเปล่าประโยชน์
ถ้าไม่ใช่เพราะจางซีชิง เธอและเวินเสวี่ยฮุ่ยคงจะทานอาหารกลางวันกันแล้ว
ข่าวแพร่กระจายไปอย่างกับไฟลามทุ่ง ก่อนที่เจียงเหยาและเวินเสวี่ยฮุ่ยจะทานอาหารกลางวันเสร็จ ทุกคนในมหาวิทยาลัยก็ได้รู้ว่าเจียงเหยาถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้หญิงสำส่อน และทุกคนก็รู้ว่าตอนนี้เธอคือผู้หญิงที่แต่งงานแล้วตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง
นักศึกษาชายเสียใจเมื่อทราบข่าวและถอนหายใจด้วยความเศร้าใจ พวกเขาเจอกับเทพธิดาของเขาช้าเกินไป อีกอย่างพวกเขากัดฟันด้วยความหงุดหงิด โดยไม่รู้ว่าชายที่ได้หัวใจของเทพธิดาของพวกเขาไปครอบเป็นใคร!
ในเวลาเดียวกัน มีข่าวลือว่าชายในรูปถ่ายของจางซีชิงเป็นสามีของเจียงเหยา และเธอก็ยอมรับว่าสามีของเธอเป็นคนซื้อโทรศัพท์ให้กับเธอ
ใครที่เคยเห็นรูปนั่น ก็รู้ว่ารถสปอร์ตคันนั้นแพงและหรูมากขนาดไหน ดังนั้นข่าวลือว่าเจียงเหยาเป็นสะใภ้ของคนรวยก็แพร่กระจายไปทั่วมหาวิทยาลัย
ผู้คนจำนวนมากอย่างรู้เกี่ยวกับสามีของเจียงเหยาเพิ่มมากขึ้น
มัวกำลังนอนอยู่บนโต๊ะของเจียงเหยา เมื่อเธอกลับมาที่ห้องพัก ทันทีที่มันเห็นเธอ มันก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “เช้านี้เธอเจ๋งมาก! แต่ฉันต้องเตือนเธอว่าสองสามวันต่อจากนี้เธอควรระมัดระวังเป็นพิเศษ จางซีชิงไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่ เธอได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัวจาง และพวกเขาได้นั่งให้ใครบางคนไปค้นหาเจ้าของรถป้ายทะเบียนในรูปนั้นแล้ว”
__
ตอนที่ 150 พาล
“โอ้โห้ นายนี่รู้มากเสียจริง ฉันละประทับใจจริง ๆ” เจียงเหยามองไปที่มัวด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ “เมื่อกี้ก็อยู่ในเหตุการณ์เหรอ?”
มัวกลอกตา หลังจากที่เจียงเหยาและสาว ๆ ออกไปจากห้องตั้งแต่เช้า มันก็อดไม่ได้ที่จะออกไปเดินเล่นรอบ ๆ มหาวิทยาลัยอย่างสบาย ๆ โดยมั่นใจว่าตัวมันคุ้นเคยกับทุกซอกทุกมุมของมหาวิทยาลัยมากกว่าเจียงเหยา
จู่ ๆ หลังจากฟังคำเตือนจากมัว เจียงเหยาก็ผุดนึกอะไรได้
โจวเหวยฉีไม่ได้ขับรถของตัวเองมาจากจินโด เขามีเพื่อนอยู่ที่หนานเจียง เป็นไปได้ว่าเขาจะยืมรถของเพื่อนเขามาใช้ เพราะป้ายทะเบียนรถก็มาจากเมืองหนานเจียง
หากครอบครัวจางติดตามป้ายทะเบียนรถและพบกับเพื่อนของโจวเหวยฉี ซึ่งไม่ใช่คนในรูป เธอกำลังคิดว่าพวกเมื่อพวกเขารู้ความจริงว่าเจ้าขายรถกับคนในรูปไม่ใช่คนเดียวกัน พวกเขาคงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนของโจวเหวยฉีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังใช่ไหม?
“ยังไงก็ระวังตัวไว้จะดีกว่านะ” มัวกล่าวหลังจากที่ไม่ได้รับคำตอบจากเจียงเหยา มันกระโดดไปบนตักของเวินเสวี่ยฮุ่ยร้องอย่างน่ารัก และเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวอย่างสบายใจ
เจียงเหยาขมวดคิ้วของเธอ เธอโยนเรื่องตระกูลจางออกไปนอกหน้าต่าง และนึกถึงลู่ชิงสี สงสัยว่าเขาจะตอบสนองต่อข้อความเมื่อเช้าของเธออย่างไรบ้าง
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและไม่แปลกใจที่เห็นการแจ้งเตือนข้อความเข้าใหม่
ข้อความถูกส่งมาในช่วงเวลากลางวัน เจียงเหยาคลิกเปิดอ่านอย่างตื่นเต้นและหัวเราะหลังจากอ่านจบทันที
‘อย่างจู้จี้น่า อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลา ถ้าผมเห็นว่าคุณผอมลง ผมจะลงโทษคุณ’ – จาก Hubby
ขณะที่เธออ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจียงเหยาก็ตระหนักว่าลู่ชิงสีนั้นเงียบและเก็บตัว แต่กลับพิมพ์ข้อความ เสียมากมายในการส่งข้อความ เหมือนกับจดหมายลาที่เขาทิ้งไว้ให้เธอในชีวิตก่อนหน้า ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาอาจจะไม่เคยพูดคำเหล่านั้นออกมาดัง ๆ กระทั่งวันที่เขาเสียชีวิต
ลู่ชิงสีเป็นคนแสดงอารมณ์ ทางคำพูดหรือท่าทางไม่เก่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนที่น่าเบื่อหรือไม่กระตือรือร้น ตรงกันข้าม เขามีหัวใจดุจทองคำและมีจิตใจที่ระแวดระวัง ข้อความของเขา ไม่ว่าจะสั้นแค่ไหน ก็สามารถทำให้หัวใจของเจียงเหยาอบอุ่นขึ้นมาในทันที นี่คือข้อพิสูจน์ในความรักของเขาที่แสดงออกมาแทนคำพูดที่สดใสของเขา
“ลงโทษฉัน?” เจียงเหยายิ้มและตอบกลับข้อความของเขาต่อไป
‘ท่านลู่ คุณกำลังวางแผนจะลงโทษฉันอย่างไร? วิดพื้นหนึ่งร้อยครั้ง? วิ่ง 20 กม.? อยากเห็นฉันเหนื่อยเหรอ?’
เธอคลิกปุ่มส่งและรอการตอบกลับของเขาด้วยความยินดี
ในระหว่างนี้ ที่กองทัพทหาร ลู่ชิงสีอยู่ในสำนักงาน ขณะที่หัวหน้าของเขากำลังพูดคุยกับบุคคลอื่น เมื่อได้ยินเสียงบี๊บแจ้งเตือนที่โทรศัพท์ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโดยไม่คิดอะไรมาก คนเดียวที่จะส่งข้อความหาเขาคือเจียงเหยา
ทันทีที่เขาคลิกเปิดข้อความและเห็นสองคำแรกในนั้น “ท่านลู่” เขาก็รู้สึกขบขัน เขาคุ้นเคยกับที่อยู่นี้มากเกินไป เพราะนี่คือวิธีที่ทุกคนพูดถึงเขา ตอนที่เขาไม่ได้อยู่ในกองทัพ
แต่เมื่อเจียงเหยาเป็นคนพูดแบบนี้ ลู่ชิงสียิ้มออกมา ลองนึกภาพว่าเจียงเหยาใช้นำเสียงแบบไหนในการพูดกับเขา หรือเจียงเหยาคิดอย่างไร ถึงเรียกเขาว่า “ท่านลู่”
วิดพื้น? วิ่ง? นี่เป็นการลงโทษตามปกติที่เขาใช้กับกองทหารของเขา และแน่นอน เขาจะไม่ลงโทษภรรยาสุดที่รักของเขาในลักษณะที่รุนแรงเช่นนี้
นิ้วของเขาเลื่อนไปที่ปุ่มกด หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็พิมพ์ข้อความและส่งออกอย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับการแจ้งเตือนว่าข้อความส่งสำเร็จแล้ว เขาบีบโทรศัพท์อย่างประหม่า มองอย่างไม่อดทนต่อการตอบโต้ที่อยู่ตรงหน้า
เขาสงสัยว่าเจียงเหยาจะโกรธไหมเมื่อเธอเปิดอ่านข้อความ เธอจะคิดกับเขายังไง...
บ้าเอ้ย!
เมื่อโทรศัพท์ส่งเสียงบี๊บ เจียงเหยาก็คลิกเปิดอย่างรวดเร็ว เพื่ออ่าน หลังจากอ่านเสร็จ เธอโยนโทรศัพท์ทิ้งราวกับโทรศัพท์ร้อนจนลวกมือเธอ!
‘ลู่ชิงสี คุณ..’
‘คนบ้า! บ้าที่สุด!’