ตอนที่ 38 คนนำทางผู้กองจอร์แดน(อ่านฟรี)
ตอนที่ 38 คนนำทางผู้กองจอร์แดน
หลังจากรออยู่ในห้องประชุมประมาณ 10 นาทีเสียงฝีเท้าก็ดังจากด้านนอก เสียงนั้นคือ พนักงานสาวผู้ที่ได้ไปตามหาใครบางคนตามที่ปรึกษาพอลได้บอกให้เธอไปตาม
คนที่ตามพนักงานสาวมาด้านหลังคือ ทหารสามนาย หนึ่งในนั้นเป็นนายทหารที่มีดาวประดับอยู่บนบ่า
“พวกเขารออยู่ด้านในค่ะ ผู้กองจอร์แดน”
“รบกวนคุณแล้ว”
“ไม่เป็นอะไรคะ”
หลังจากนั้นเธอก็กลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ เพราะเธอยังมีงานที่ต้องทำในฐานะพนักงานกะดึกต่ออีก
ชายผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้กองจอแดนเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องประชุมทันที สิ่งแรกที่เห็นคือกลุ่มคนที่ดูเหมือนกับหน่วยงานลับไม่มีผิด จอร์แดนหันไปสนใจคนที่อยู่กับที่ปรึกษาพอล
ชุดพวกนี้ที่พวกเขาใส่ มันชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูงไม่ใช่หรือยังไง มีกันถึงสามคนอย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องการหายตัวไปของคนพวกนั้น มิน่าล่ะ ถึงบอกให้เอาแผนที่และรายงานมาด้วย
สมองของจอร์แดนประมวลผลอย่างรวดเร็ว
ที่ปรึกษาพอลเห็นว่าผู้กองจอร์แดนเดินเข้ามาก็รีบแนะนำให้คอนราดรู้จักในทันที
“นี่คือ ผู้กองจอร์แดน เขาจะเป็นผู้นำทางคุณเข้าไปที่เหมือง”
แต่ก่อนที่คอนราดจะได้ทักทายกลับ ฟาริสก็เปิดประตูเดินเข้ามาไม่สนใจจอรืแดนหรือที่ปรึกษาพอล เขาเดินมาหยุดข้างหัวหน้าก่อนจะกล่าวกับคอนราดว่า “หัวหน้าผมติดต่อไปทางเรซีแล้ว ตอนนี้พวกเขารับรู้ว่าเรามาถึงแล้ว และขอให้ระวังมากขึ้นเพราะที่นั่นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นเรื่องอาจจะมาเกิดที่เราก็ได้”
“อืม” คอนราดได้ยินก็เงียบไป
ถ้าอย่างนั้นพวกมันก็อาจจะลงมือที่นี่ อาจจะมีกับดักได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยังมีโอกาสที่เอ็ดการ์ดและทีมจะยังอยู่ คงต้องรีบมากขึ้นอีกหน่อย
คอนราดครุ่นคิดและหันมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า
“ขอโทษที เราถึงไหนกันแล้ว จริงแนะนำตัวสินะ ผมคอนราด” คอนราดไม่แนะนำตัวอะไรมาก เขาแค่บอกชื่อไป การที่รู้มากก็จะเป็นปัญหาได้ ดังนั้นแค่รู้ชื่อก็เพียงพอแล้ว
ผู้กองจอร์แดนพยักหน้ารับรู้ เขาไม่ได้ว่าคอนราดเสียมารยาทหรือดูถูกตนเอง แต่ในใจของจอร์แดนมั่นใจว่าคนพวกนี้คือคนจากหน่วยงานลับไม่ผิดแน่นอน มันเหมือนกับกลุ่มคนก่อนหน้า เพียงแต่จอร์แดนไม่รู้เรื่องของคนพวกนี้มากนัก เพราะเขาไม่ใช่ผู้ติดต่อโดยตรง
คอนราดกล่าว “มาเริ่มที่เส้นทางที่พวกเขาหายไปกันเถอะ”
“ได้ครับ” จอร์แดนตอบตกลงอย่างสุภาพเดินเข้าไปหา เขาสั่งให้ทหารนายหนึ่งที่มากับตนกางแผนที่ของเหมืองที่ถือมาด้วย ลงบนโต๊ะด้านหน้าทุกคน
จอร์แดนเดินไปก่อนจะชี้นิ้วไปบริแผนที่...
“จุดที่พวกเขาหายไปคือเส้นทางด้านหลังภูเขาห่างออกไป 5 กิโลเมตร ตรงนี้มีเส้นทางให้รถขับไปได้อยู่ แต่หลังจากนี้พอถึงปากทางเข้าเหมืองที่เป็นเส้นทางธรรมชาติเชื่อมเข้าไปส่วนลึกของเหมืองจะต้องเดินเท้าเข้าไป ยังมีตรงจุดนี้คือจุดของซากอาคารเก่า ๆ ที่ทับทมกันอยู่ด้านในภูเขาไม่รู้ว่าขยายไปถึงไหน เพราะเส้นทางนี้เป็นจุดที่เราสำรวจไปได้เล็กน้อยเท่านั้น”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าไปลึกมากแค่ไหน ส่วนแผนที่มันอยู่ในระว่างการสำรวจที่ยังไม่สมบูรณ์ จึงมีแผนที่ของเส้นทางคร่าว ๆ เท่านั้น” ผู้กองจอร์แดนลากนิ้วมือไปตามเส้นทางให้พวกเขาดู
คอนราดขมวดคิ้วเล็กน้อยกับแผนที่ เพราะข้อมูลมันมีน้อยเกินไป แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือในคืนนี้ ยิ่งช้ายิ่งยากที่จะหาร่องรอยของทีมเอ็ดการ์ดเจอ
“มีใครไปกับพวกเราได้บ้าง” คอนราดถาม
“มีผมและทีมคุ้มกัน 20 นายจะเดินทางไปช่วยค้นหา”
จอร์แดนตอบตามตรง
คอนราดหยุดนิ่งไปชั่วครู่ เพราะกำลังใช้ความคิด เขาหยิบบุหรี่ออกมาก่อนจะจุดสูบ หลังจากนั้นก็ส่ายหัวเบา ๆ อย่างไม่เห็นด้วย
“คนเยอะเกินไป อย่างมากแค่ 5 นายพอขอให้คนทุกคนติดอาวุธปืนด้วย แล้วก็คุณควรจะไปเป็นกำลังเสริมให้กับเราด้วย” คอนราดพูดกับผู้กองเจแดนจบก็หันมาบอกกับที่ปรึกษาพอล
ที่ปรึกษาพอลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตกลง
เหตุผลที่คอนราดชวนให้ที่ปรึกษาพอลไปด้วยนั้นก็เพราะเขาอาจจะต้องการกำลังเสริมและอีกส่วนคอนราดอยากจะจับตามองพอลด้วยเหตุผลบางอย่าง
“คุณจะออกเดินทางตอนไหน” จอร์แดนถาม
“อีก 30 นาทีออกเดินทาง” คอนราดดีดขี้บุหรี่ลงพื้นและกล่าวอย่างเด็ดขาด
จอร์แดนพยักหน้าเข้าใจ “เช่นนั้นผมขอไปเตรียมตัวก่อน”
“อืม” คอนราดพยักหน้าตกลง
“ผมจะไปเอาของด้วย” ที่ปรึกษาพอลลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดออกมา มันไม่เชิงเป็นการขอ แต่แค่บอกคอนราดเท่านั้น
“เชิญ” คอนราดไม่ได้ว่าอะไร
ฟาริสมองการกระทำทั้งหมดและมองแผ่นหลังของที่ปรึกษาพอลก็หันไปถามคอนราด “เขาเป็นผู้มีพลังอย่างนั้นเหรอหัวหน้า”
“อืม ผู้ใช้พลังกายภาพ ระดับ 2 คนของบริษัท”
“ผมหวังว่าเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดกับทีมของหัวหน้าเอ็ดการ์ด”
“เดี๋ยวก็รู้ แต่ถ้าเกิดมีขึ้นมา บริษัท เคลินเนีย กรุ๊ป ก็ปกป้องเขาไม่ได้” ฟาริสพูดอย่างเย็นชา ถ้าพูดถึงเรื่องความสนิทแล้วทีมของคอนราดจะสนิทกับทีมของเอ็ดการ์ดมากที่สุดและนั้นก็คือเหตุผลที่คอนราดเสนอตัวมารับภารกิจนี้
“นายไม่ต้องห่วง ถ้าเป็นแบบนั้นทางสำนักงานใหญ่คงจะดีใจหน้าดู” โบเวนกล่าวเสริม
“ทำไม? หรือทางอาณาจักรอยากที่จะจัดการกลุ่มบริษัท เคลินเนีย กรุ๊ปแล้ว” ฟาริสถามอย่างสงสัย ซึ่งเขาก็เดาได้อย่างแม่ยำ
“กลุ่มบริษัท เคลินเนีย กรุ๊ปกำลังมีปัญหากับอาณาจักรลัวอา เพราะแอบไปตกลงเรื่องการค้าขายลับ ๆ ที่เมืองหลวงลินกาส” คอนราดเป็นคนกล่าวให้ฟาริสฟัง
หลวงลินกาส...เมืองหลวงของอาณาจักรเด็กซ์ตอนไม่ใช่หรือยังไง แบบนี้พอจะเข้าใจแล้ว ดูท่าแล้วกลุ่มบริษัท เคลินเนีย กรุ๊ปคงจะโดนอาณาจักรจัดการแล้ว
ด้วยความฉลาดของฟาริสจึงเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“เมืองเรซีคงปั่นป่วนน่าดู ทำไมผมรู้สึกว่าเมืองนี้มีแต่ปัญหาเข้ามากัน” ฟาริสกล่าวเสียงเบา ๆ แต่คอนราดกับส่งสัญญาณให้ฟาริสเงียบไว้ก่อน เพราะอาจจะไปรบกวนเรย์ได้
ในตอนนั้นเองเรย์ที่นั่งอยู่มุมสุดของโต๊ะคนเดียวก็ถอดถุงมือออก กดปากกาทองคำไปที่นิ้วและหยดเลือดลงไปที่หน้ากระดาษเพื่อผนึกอักษรเวทมนตร์ลงกระดาษผสมเงิน ผ่านไปสักพักเรย์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอย่างอก
เขามองดูกระดาษสีเงินอย่างพอใจ
“สำเร็จแล้วใช่ไหม” คอนราดถาม
“ใช่ครับหัวหน้า” เรย์ตอบกลับไป ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ยังมีเวลาอีกสักพักผมจะลองสร้างเพิ่มอีกสักสองสามแผ่น”
“พวกเราไปรอข้างนอกกันเถอะ ฟาริสเอาแผนที่พวกนี้ไปศึกษาด้วย เราจะพึ่งแต่ทหารพวกนั้นไม่ได้” คอนราดชี้ไปที่แผนที่
“ได้เลยหัวหน้า” ฟาริสคว้าแผนที่และพากันออกจากห้อง
เรย์ลงมืออีกครั้ง เขาเทเลือดสีขาวเติมใส่ปากกาทองคำอีกครั้ง คาถา “คำตอบของศพ” แผ่นเมื่อสักครู่กว่าจะสำเร็จก็เสียเลือดสีขาวไปถึงหนึ่งขวดเต็ม ๆ นั้นคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการเรียนรู้การสลักอักษรเวทมนตร์ของคาถาคำตอบของศพในเวลาอันสั้น
แต่เรย์ไม่นึกเสียดาย เพราะตอนนี้ภารกิจที่จำเป็นต้องใช้คาถาสำคัญกว่า
ผ่านไปยี่สิบนาทีเรยฺก็ปิดหนังสือเวทมนตร์และเก็บเข้าที่ ปากของชายหนุ่มพึมพำออกมาพร้อมกับบิดตัวไปมา “หวังว่าคาถาพวกนี้จะคุ้มกับสิ่งที่เสียไปนะ เอาละ ต้องรีบไปแล้วตอนนี้หัวหน้าคงรอแล้ว”
...
ครึ่งชั่วโมงแห่งหารเตรียมตัวผ่านไป ทุกคนขึ้นประจำบนรถก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง รถของทีมคอนราดขับตามหลังรถจี๊ปหรือที่เรียกว่า รถบรรทุก MB 4×4 ทั้งสองคน ผู้กองจอร์แดนและที่ปรึกษาพอลนั่งอยู่ที่รถจี๊ปคันแรกพร้อมกับทหารอีกหนึ่งนาย ส่วนคันหลังมีทหาร 3 นาย รวมแล้วทั้งหมด 6 คน
“พวกคุณคงรู้แล้วว่าภารกิจนี้ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในภารกิจอย่าได้เอาไปพูดด้านนอกเด็ดขาด” ที่ปรึกษาพอลย้ำเตือนจอร์แดนและทหารอีก 4 นายผ่านทางวิทยุ
“ครับ” ทั้ง 5 ขานรับพร้อมกัน
พวกเขาคือทหารของเมืองเรซี ภายใต้บริษัท เคลินเนีย กรุ๊ป ดังนั้นจึงเชื่อฟังคำสั่งของบริษัท และตอนนี้ที่ปรึกษาพอลก็เป็นคนของบริษัทระดับสูงสุดในที่นี้ ทหารจึงเชื่อฟังคำสั่งของเขารวมทั้งผู้กองจอร์แดนด้วย
รถทั้งสามคันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านเส้นทางที่ขรุขระทั้งคับแคบ ตลอดทางไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใน ๆ นอกจากความมืด
พวกเขาลัดเลาะมาตามเส้นทางขึ้นเขา ยิ่งผ่านไปเส้นทางก็ยิ่งชันขึ้น จนมาถึงบริเวณหน้าผาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางที่รถจะสามารถผ่านเข้าไปได้แล้ว
รถจี๊ป MB 4×4 ทหารหยุดลง โบเวนก็เหยียบแบกหยุดรถหุ้มเกราะหกล้อเช่นกัน
เรย์ที่นั่งอยู่ในรถมองออกด้านนอก บรรยากาศรอบนอกนั้นน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก สายลมพัดยามค่ำคืนนั่นรุนแรงมากเป็นพิเศษ
“จำไว้ภารกิจของเราคือหาสาเหตุการหายตัวไปของทีมของเอ็ดการ์ด และถ้าสามารถช่วยเหลือพวกเขาออกมาได้ค่อยช่วย” คอนราดกล่าวก่อนจะพูดต่อ “แล้วก็อย่าเอาชีวิตไปทิ้ง”
“ครับหัวหน้า” ทั้งสามพยักหน้า พวกเขาพอจะรู้ว่าถ้าเข้าไปข้างในอาจจะต้องเจออะไร
เรย์หยิบหมวกเกราะขึ้นมาสวม โบเวนและฟาริสก็เช่นกัน แต่คอนราดไม่ได้สวมมันเพราะจะเป็นหมวกเกราะจะจำกัดความสามารถในการใช้พลังจิตบางส่วนของเขาไป
คอนราดหยิบหน้ากากกันแก๊สพิษที่ออกแบบขึ้นมามีการใช้งานในการกรองสารพิษและมีออกซิเจนสำรองเชื่อมต่ออยู่ไม่ต่างจากหมวกเกราะ สิ่งนี้ออกแบบเป็นพิเศษให้กับพวกผู้ใช้พลังจิต
เรย์ลงจากรถตามคนอื่น ๆ ไป
พอลงมาด้านนอกลมแรงกว่าที่คิดพอสมควรเลย เรย์เดินไปตรงริมผาอย่างระวังมองออกไปทางซ้ายมือที่เป็นทางขึ้นมา เขาเห็นแสงไฟของเหมืองอยู่ไม่ไกลมากนักเมื่อมองจากมุมสูงลงไปแบบนี้