ตอนที่ 37 กระดาษคาถา “คำตอบของศพ”(อ่านฟรี)
ตอนที่ 37 กระดาษคาถา “คำตอบของศพ”
คอนราด เรย์และโบเวนก้าวเดินลงมาจากรถหุ้มเกราะหกล้อ เสียงแรกที่เรย์ได้ยินคือเสียงของเครื่องจักรในเหมืองยังทำงานต่อเนื่องไม่มีการหยุดพัก
เรย์เดินตามหัวหน้าคอนราดเข้าไปด้านในอาคารสำนักงาน เพราะพวกเขาต้องการข้อมูลของเส้นทางและคนนำทางภายในเหมืองที่ทีมของเอ็ดการ์ดหายไป
คอนราดเดินเข้ามาภายในสำนักงานก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมาจากด้านในซึ่งแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“หึ! ทางอาณาจักรจะกดดันพวกเราเกินไปแล้ว ข้อตกลงเมื่อยี่สิบปีก่อนคือ 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ภายในเมืองและเหมือง แต่ตอนนี้พวกเขากับกดดันเราเพิ่มถึง 51 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านลุงริชแมน ขึ้นมาควบคุมบริษัทและหันไปเปิดตลาดที่เมืองหลวงลินกาสแบบเปิดเผยโดยไม่สนใจเสียงเตือนของใคร เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เวรเอ๊ย!”
เพล้ง!!!
เสียงข้าวของบนโต๊ะถูกปัดตกในทันที
“ท่านแอนดริวได้โปรดใจเย็นก่อน”
“หึ! จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง ทั้งที่ท่านพ่อเป็นผู้มีอำนาจขึ้นมาบริหารเคลินเนีย กรุ๊ป แต่กลับล้มป่วยอยู่ที่เมืองลัวอากะทันหันจนสภาพเป็นผัก ซึ่งสาเหตุก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าฝีมือใคร ส่วนฉันยังโดนบริษัทกดดันให้ย้ายมาประจำที่เหมืองเมฟเคียอีก แต่นี่มันแค่หนึ่งในห้าของภูเขาเท่านั้น พวกนั้นจะดูถูกกันเกินไปแล้ว ทั้งที่ระดับฉันควรจะเป็นผู้จัดการเมืองเรซีด้วยซ้ำ” แอนดริวสบถออกมาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่พอใจ
โดยไม่สนใจว่าสำนักงานแห่งนี้ไม่สามารถกั้นเสียงดังได้หรือไม่
ขณะที่เรย์ซึ่งยืนฟังอยู่ข้างนอกก็รอว่าหัวหน้าจะเอายังไงต่อ เขาก็ได้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่ได้ยินมา
‘เมืองหลวงลินกาส’ นั้นเป็นเมืองหลวงของ ‘อาณาจักรเด็กซ์ตอน’ ซึ่งมีพรมแดนติดกับอาณาจักรลัวอา และความซวยกว่านั้นคือ เมืองเรซีนั้นอยู่ในรอยต่อของทั้งสองอาณาจักรพอดี
อาณาจักรเด็กซ์ตอนเป็นอาณาจักรที่เติบโตมาจากการทำสงคราม ที่ไหนมีทรัพยากรที่นั่นมีอาณาจักรเด็กซ์ตอน พวกเขาจะส่งกำลังทหารเข้าไปแทรกแซง แน่นอนว่ามุมหนึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่อีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนการเข้าไปเอาผลประโยชน์ของประเทศอื่น
และแน่นอนว่าทั้งสองอาณาจักร อย่างอาณาจักรลัวอาและอาณาจักรเด็กซ์ตอนไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว แต่เพราะทั้งสองเคยทำสัญญาสงบศึกกันไปเมื่อ 25 ปีก่อน ทำให้ตอนนี้ตลอดแนวชายแดนกลายเป็นพื้นที่ตรึงกำลังกัน และบริเวณที่เมืองเรซีจึงเป็นเหมือนแนวกันชนเล็ก ๆ ทางยุทธศาสตร์ของอาณาจักรลัวอาด้วย
บริษัท เคลินเนีย กรุ๊ป ดันทำเรื่องที่รัฐบาลของอาณาจักรลัวอาไม่พอใจไป ทางนั้นจึงเรียกร้องผลกำไรเพิ่มเพื่อกดดัน เคลินเนีย กรุ๊ป ถ้าเกิดทางเคลินเนีย กรุ๊ป ปฏิเสธคงมีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน
แต่จะให้ตกลงมันก็ยากมาก เพราะมันโยงไปหาอาณาจักรเด็กซ์ตอนด้วย
กลายเป็นว่าตอนนี้ เคลินเนีย กรุ๊ป ไม่สิเมืองเรซีกลายเป็นสนามรบของทั้งสองอาณาจักรในการแย่งชิงทรัพยากรแร่โลหะและทองแดงไปแล้ว
ถ้ากลุ่มบริษัทเคลินเนีย กรุ๊ปยอมอาณาจักรลัวอา พวกเขาต้องยอมหักหน้ากับอาณาจักรเด็กซ์ตอน แต่ถ้ายอมหักหน้าอาณาจักรลัวอารักษาผลประโยชน์ที่เคยเจรจากันไว้กับอาณาจักรเด็กซ์ตอน กลุ่มบริษัทเคลินเนีย กรุ๊ป
และไม่ว่าทางไหน เคลินเนีย กรุ๊ป และเมืองเรซีก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
เรย์รู้สึกกังวลแทนชาวเมืองเรซีจริง ๆ เพราะอย่างไรเมืองเรซีก็เป็นเหมือนกับบ้านเกิดของเขา หุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ที่อาณาจักรลัวอาขอนั้นหมายถึงการเข้ามากลืนกินและควบคุมเมืองเรซีอย่างเต็มรูปแบบ
เรื่องนี้จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อเมืองอย่างรุนแรงอย่างแน่นอน ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
แม้จะรู้เรื่องนี้ แต่เราจะทำอะไรได้
เรย์สลัดหัว ไล่ความคิดล่องลอยในหัวออกไป เพราะตอนนี้เขาต้องเขาต้องมีสมาธิในการทำภารกิจ ซึ่งสำคัญมากกว่าเรื่องเหล่านี้มากนัก
“ไปบอกผู้จัดการเหมืองว่าพวกเรามาหา” คอนราดยื่นนามบัตรให้กับพนักงานสาว ที่จริงคอนราดสามารถเดินเข้าไปหาได้โดยตรง แต่แบบนั้นมันจะเป็นการเสียมารยาทกับ เคลินเนีย กรุ๊ป มากเกินไป
พนักงานสาวรับบัตรมาด้วยความกลัวเล็กน้อยที่เห็นว่ามีกลุ่มชายปริศนาติดอาวุธเข้ามาที่เหมือง แต่พอรู้ว่าทหารพวกนั้นปล่อยผ่านมา เธอก็ใจเย็นรับนามบัตรและเดินไปแจ้งให้กับผู้จัดการแอนดริวทราบ
“ท่านแอนดริวค่ะ มีคนต้องการพบกับท่าน”
แอนดริวขมวดคิ้วแน่นด้วยความหงุดหงิด แต่เขาก็พยายามคุมตัวเองและถามกลับไป “ใคร?”
พนักงานสาวส่งนามบัตรสีดำไปให้
“นี่มัน..” แอนดริวกลืนคำพูดต่อไปก่อนที่จะได้พูดออกมา
“ดูเหมือนพวกเขาจะมากันแล้ว ท่านแอนดริวจะเอายังไง”
“พวกหมาล่าเนื้อ เรื่องนี้เราช่วยไปตามปกติ อย่างไรตอนนี้เราก็อยู่ภายใต้อาณาจักรลัวอาอยู่” แอนดริวตอบกลับไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ให้ดิฉันไปเชิญพวกเขาเข้ามาเลยหรือไม่คะ” พนักงานสาวรอคำสั่ง
“ไม่ต้อง ให้ที่ปรึกษาพอลออกไปต้อนรับก็แล้วกัน” แอนดริวกล่าว “พวกเขาคงไม่ได้อยากเจอฉันโดยเฉพาะ แค่มาเอาข้อมูลและนำทางพวกเขาก็พอ เรื่องนี้ฝากที่ปรึกษาพอลจัดการด้วย”
แม้แอนดริวจะไม่ไปพบคนจากหน่วยงานนักล่าความตายโดยตรง แต่ให้ที่ปรึกษาพอลไปก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทแล้ว ด้วยฐานะของแอนดริวตอนนี้นั้นเขารู้ว่ามันไม่เหมาะที่จะไปยุ่งกับพวกหมาล่าเนื้อในตอนนี้
“ท่านแอนดริวสบายใจได้” ที่ปรึกษาพอลตอบรับด้วยความยินดี ก่อนจะหันไปมองพยักงานสาวเป็นนัยว่าทำทางไป
ขณะที่แอนดริวมองประตูที่ปิดลงก็พึมพำออกมาเบา ๆ “เรื่องนี้ก็ใหญ่ไม่แพ้เรื่องของทางบริษัท ดูเหมือนเมืองเรซีจะเจอปัญหาซะแล้ว”
แอนดริวรู้สึกหงุดหงิดสุด ๆ กับการที่ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องระดับสูงภายในบริษัทได้เช่นเก่าก่อน
...
คอนราดยืนรอนิ่งเงียบ โดยไม่พูดอะไร โบเวนและเรย์ก็นิ่งเงียบเช่นกัน นั้นยิ่งสร้างความกดดันให้ทุกคนในสำนักงานเป็นอย่างมาก
หลายคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้การกล่าวถึงทีมของหัวหน้าเอ็ดการ์ดโดยตรง เหมืองตกอยู่ในการเฝ้าระวัง เพราะการหายตัวไปของทหารจำนวนหนึ่งที่ออกสำรวจด้านในเส้นทางของเหมืองสินะ
เรย์มองไปรอบ ๆ ภายใต้หมวกเกราะจึงไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังมองพวกเขาหรือคิดอะไรอยู่
หลังจากรอไม่นานในตอนนั้นเอง เรย์ก็เห็นพนักงานสาวเดินออกมา พร้อมกับที่มีชายวัยกลางคนสวมแว่นตารูปร่างสูงโปร่งดูมีความรู้ออกมาจากภายในห้องผู้จัดการเหมือง
“สวัสดีทุกท่าน ผมพอลที่ปรึกษาส่วนตัวของท่านแอนดริว ผู้จัดการเหมืองแห่งนี้ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร” ที่ปรึกษาพอลยิ้มทักทายอย่างสุภาพ
“ผมคอนราด เราไปคุยกันที่อื่นเถอะ” คอนราดกล่าวก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ เป็นการบอกว่าที่นี่คนเยอะเกินไป
“ถ้าไม่ว่าอะไร เราไปคุยในห้องประชุมด้านนอกได้” ที่ปรึกษาทำท่าเชิญพวกเขา
คอนราดพยักหน้าตกลงหันหลังกลับเดินออกไปนอกสำนักงานพร้อมกับคนของตน ส่วนที่ปรึกษาพอลนั้นหันไปกล่าวกับพนักงานสาวคนนั้นสองสามประโยคก่อนจะตามออกไปเช่นกัน
พนักงานสาวก็วิ่งไปทำตามที่ซึ่งที่ปรึกษาพอลมอบหมายงานมา
ทั้งสี่คนมาถึงห้องประชุมที่สร้างขึ้นมาจากตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆ แม้มันดูเก่าแต่ความแข็งแรงนั้นทนทานเป็นอย่างยิ่ง
ปึง!!!
ประตูโลหะเปิดออก เผยให้เห็นภายในที่ดูสะอาดเป็นอย่างมาก มีโต๊ะเก้าตัวอี้สำหรับ 20 คนอยู่ด้านใน “นี่เป็นที่ประชุมคนงานดังนั้นมันจึงสร้างขึ้นมาแบบง่าย ๆ ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก”
“ไม่เป็นไร ที่จริงแล้วเราแค่ต้องการตำแหน่งสุดท้ายของพวกเขาและคนนำทางเท่านั้น” คอนราดกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“เรื่องนั้นสถานที่พวกเขาไปนั้นผมพอจะบอกได้ในทันที ส่วนคนนั้นทางนั้นกำลังไปตามมาอยู่”
“อย่างนั้นก็ดี” คอนราดกล่าว ถ้าไม่ใช่เพราะคนภายในที่ทางหน่วยงานนักล่าความตายคอยติดต่อด้วยหายไปพร้อมกับเอ็ดการ์ด คอนราดคงไปหาเขาและให้นำกำลังสนับสนุนไปที่นั่นแล้ว
แต่ตอนนี้คือเวลา 5 ทุ่มกว่าซึ่งมันเป็นกลางคืนแล้ว และในเหมืองที่มีเส้นทางสลับซับซ้อนอย่างมากนั้นจึงยากที่จะทำการเข้าไปค้นหาเอ็ดการ์ดและทีมได้โดยไม่มีคนนำทาง
“เรารอคนนำทางมาก่อนก็แล้วกันค่อยอธิบายทีเดียว” คอนราดกล่าว ที่ปรึกษาพอลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในระหว่างนั้นเรย์ที่สัมผัสกับหินตรวจจับมาสักพักแล้วก็กล่าว
“หัวหน้าที่นี่ไม่มีรอยแยกมิติเกิดขึ้น เพราะหินตรวจจับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย” เรย์กล่าวออกมาขณะที่พวกเขารอคนนำทางมา
“อืม รอยแยกมิติคงอยู่ไกลจากที่นี่ไม่ก็ปิดไปแล้ว” คอนราดกล่าวก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหยิบกระดาษคาถาที่ไดร่าให้มาออกมาให้กับเรย์
“เอานี่ไปและรีบใช้มันให้ได้ มีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง” คอนราดส่งกระดาษคาถาให้กับเรย์
“ผมจะพยายาม” เรย์รับกระดาษคาถามาแต่ไม่รับปาก เขาไม่สนใจท่าทีของที่ปรึกษาพอล ก่อนจะเดินไปนั่งมุมหนึ่งของโต๊ะลากเก้าอี้นั่งลงอย่างใจเย็น
ขณะที่เรย์ทำการศึกษาคาถาที่ได้มา คอนราดก็หันไปกล่าวกับที่ปรึกษาพอล “คุณเปิดระดับของผู้ใช้พลังกายภาพถึงไหนแล้ว”
พอได้ยินคำพูดของคอนราด ที่ปรึกษาพอลก็ชะงักไปก่อนจะกล่าวด้วยความสงบนิ่ง “ระดับ 2 ผมทำงานให้กับบริษัทเคลินเนีย กรุ๊ป ดังนั้นจึงไม่ใช่พวกนอกกฎหมาย”
คอนราดพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก ในบางครั้งพวกที่เปิดระดับขึ้นมาได้ก็ไม่ได้เลือกจะทำงานกลับหน่วยงานนักล่าความตายเสมอไป แต่ถึงแบบนั้นคนพวกนี้ก็ใช่ว่าจะไม่อันตราย ดังนั้นที่ผ่านมาทางอาณาจักรลัวอาได้แอบตามเก็บข้อมูลของผู้มีพลังพวกนี้แบบลับ ๆ
...
ทางด้านของเรย์หลังจากตรวจสอบคาถาในกระดาษเขาก็มองเห็นภาพในความคิด ซึ่งแสดงถึงรูปแบบพลังของคาถานั้น ๆ ที่บันทึกในกระดาษ
“เอเลนเซเต้ (คำตอบของศพ)”
ภาพที่เรย์เห็นตอนนี้คือ อักษรเวทมนตร์ก่อตัวขึ้นมาก่อนจะ ไหลเข้าไปในร่างของซากศพที่ตายไปไม่นาน และสมองไม่ได้รับความเสียหาย
หลังจากนั้นศพก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะรอให้ผู้ร่ายคาถาถามหลังจากนั้นคาถาก็คลายไปหลังจาก 1 นาที ศพก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
คำตอบของศพ อย่างนั้นเหรอ...เป็นคาถาที่ไม่มีพลังโจมตีหรือป้องกันอะไรเลย แถมยังต้องให้มีศพที่พึ่งตายไม่นานเกินไปถึงจะใช้ได้ มีเงื่อนไขยุ่งยากพอสมควร ไม่เหมาะจะเรียนเป็นคาถาติดตัว แต่มีประโยชน์มากในสถานการณ์แบบนี้
เรย์ไม่รอช้าเริ่มลงมือสลักมันในทันที เวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นน้อยมากสำหรับเรย์ โชคยังดีที่คาถา “คำตอบของศพ” นั้นไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับคาถาแสงชำระล้าง
แต่ก่อนจะได้กดปากกาทองคำลงไป เรย์ทำการสลายคาถาบอลแสงในหน้ากระดาษออกไปสามแผ่นอย่างไม่เสียดาย เพราะในหน้าหนังสือเวทมนตร์มันเต็มได้ด้วยคาถาทุกแผ่น
หลังจากนั้นเรย์ก็เทเลือดสีขาวในขวดใส่ลงไปที่ปากกาทองคำอย่างไม่เสียดาย
ซึ่งในตอนนั้นที่ปรึกษาพอลมองดูอย่างอิจฉา เลือดสีขาวนั้นหายากมาก เนื่องจากมันถูกควบคุมสูงสุดภายในอาณาจักรลัวอาดังนั้นจึงหายากเป็นอย่างยิ่งในตลาดมืดพวกมันมีค่ายิ่งกว่าทองคำซะอีก
เขากำลังทำอะไร...ถึงได้ใช้เลือดสีขาวแบบนั้นหรือว่า...ผู้ใช้เวทมนตร์
แต่พอเห็นการกระทำของเรย์ ที่ปรึกษาพอลก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าชายที่สวมชุดเกราะยุทธวิธีปิดใบหน้ามิดชิดคนนั้นคือผู้ใช้เวทมนตร์ที่หายาก
เรย์ไม่สนใจสายตาที่จับจ้องของที่ปรึกษาพอล เขาลงมือเริ่มจากการแบ่งส่วนอักษรและสลักมัน ซึ่งช่วยลดขั้นตอนผิดพลาดได้เป็นอย่างมาก