ตอนที่ 1131-1132 ไฝนั่น...อยู่ตรงไหน
เธอสามารถบอกได้จากคำพูดของเซินโย่ว ว่าอีกฝ่ายได้ตรวจสอบประวัติของเฉียวเมียนเมียนมาแล้ว
ด้วยอิทธิพลของตระกูลเซิน เป็นไปไม่ได้ที่จะสืบไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเฉียวเมียนเมียนไม่ใช่ลูกของตระกูลเฉียว
เฉียวอันซินเล่าถึงไฝที่เซินโย่วพูดถึง ท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไป
เพราะเธอเองก็เคยเห็นไฝบนตัวเฉียวเมียนเมียนมาก่อน
ไฝนั่นมีสีแดงอย่างที่เธอพูดจริง ๆ
และก็ยังอยู่ในจุดลับมากด้วย
แต่เซินโย่วกลับรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
“ตอบคำถามของฉันมาก่อน ว่าเฉียวเมียนเมียนมีไฝสีแดงหรือเปล่า?”
เฉียวอันซินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ค่ะ”
แม้ว่าเซินโย่วจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะ การแสดงออกของเธอเปลี่ยน
เล็บของเธอจิกเข้าไปในผิวหนัง ขณะที่เธอกำมือแน่น
เธอกัดริมฝีปากของเธอ ในขณะนั้นความโกรธที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็ผุดขึ้นในใจเธอ
เฉียวเมียนเมียนมีไฝสีแดงบนตัวเธอจริง ๆ ด้วย!
สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดเกิดขึ้นจริง ๆ
ทำไมกัน? ทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น?
ทำไมสิ่งที่เธอกลัวถึงได้กลายเป็นความจริง
ทำไมพระเจ้าถึงได้โหดร้ายกับเธอนัก?
ทำไม?!
ด้วยความโกรธสุดขีด เธอกัดริมฝีปาจนมีรอยเลือด
เล็บของเธอจิกลงบนฝ่ามือ ทิ้งรอยเลือดเอาไว้
เมื่อเธอพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ไฝนั้น...อยู่ตรงไหน”
ถ้าตำแหน่งเป็นตำแหน่งเดียวกันก็มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
เฉียวอันซินมองดูเธอด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้กระวนกระวายใจ
เธอบอกเซินโย่วให้รู้เกี่ยวกับไฝของแยวเมียนเมียน
การแสดงออกของเซินโย่วเปลี่ยนไปอย่างมาก
เธอกระแทกแก้ว กะรทั่งกาแฟกระเฉาะบนชุด ทำให้ชุดสีขาวราคาแพงที่เธอสวมใส่เปื้อนคราบสกปรก แต่เธอก็ทำเหมือนว่าเธอไม่เห็นมัน
“คุณเซิน โอเคไหมคะ?” เฉียวอันวินหยิบกระดาษทิชชูสองสามแผ่นยื่นให้กับเธอ เธอมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย “คุณเซินคะ ชุดของคุณเปื้อน จะเช็ดหน่อยไหมคะ?”
เซินโย่วยังคงไม่ตอบสนอง
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
เฉียวอันซินตกตะลึงเมื่อได้สบตากับอีกฝ่าย “คุณเซิน โอเคไหมคะ”
ดวงตาของเซินโย่วเปลี่ยนเป็นสีแดง
มองแวบแรกดูน่ากลัว
“คุณแน่ใจนะว่าพี่สาวของคุณมีปานสีแดงอยู่บนร่างกาย และอยู่ในตำแหน่งที่คุณพูดถึง”
“ใช่ค่ะ ฉันแน่ใจ” เฉียวอันซินพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ฉันเคยเห็นสองสามครั้ง เพราะสีของไฝนั่นสะดุดตามาก สังเกตได้ยากด้วย คุณเซิน ไฝของพี่สาวฉัน เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของเธอหรือเปล่าคะ”
การแสดงออกของเฉียวอันซินเปลี่ยนไป เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่นักสืบเอกชนค้นพบ
เมื่อสองวันก่อน นักสืบที่เธอจ้างบอกว่าครอบครัวไป่กำลังตามหาลูกสาวคนเล็กของพวกเขา
ลูกสาวที่พลัดหลงของตระกูลไป่มีอายุเท่ากับเฉียวเมียนเมียนและเกิดในเดือนเดียวกัน
เมื่อนักสืบเอกชนบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉียวอันวินไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะยังไง ในเมืองหยุนเฉิงก็มีผู้หญิงอายุเท่ากันและเกิดเดือนเดียวกับลูกสาวของตระกูลไป่ตั้งมากมาย
เฉียวอันซินได้เชื่อไปแล้วว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเฉียวเมียนเมียนเป็นคนไม่ดีที่หนีไป
__
เธอกังวลว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเฉียวเมียนเมียนอาจจะเป็นคนสำคัญ
แต่ก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก
เฉียวเมียนเมียนจะโชคดีอะไรขนาดนั้น?
แม้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอจะเคยเป็นอะไรมาก่อนก็เถอะ แต่พวกเขาก็ต้องอะไรไม่ดีบางอย่าง ถึงได้ทิ้งเธอไว้
พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่ลูกสาวของตัวเอง พวกเขาต้องก่ออาชญากรรมร้ายแรงแน่ แล้วสุดท้ายก็หนีไปต่างประเทศ
หรือเคยทำให้ใครไม่พอใจ ถึงต้องทิ้งลูกสาวเพื่อช่วยชีวิตตนเอง
ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็คงจะลำบากใจไม่น้อยที่ต้องทิ้งเธอไว้
แต่พวกเขาก็คงไม่อาพื้นตัวได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็คงจะกลับมารับเธอไปอยู่ด้วยแล้ว
กว่าสิบปีที่ผ่านมาไม่ได้ยินข่าวอะไรเลย?
ดังนั้นเมื่อเธอให้คนไปสืบเรื่องพ่อแม่ของเฉียวเมียนเมียน ก็เพราะต้องการทำให้เฉียวเมียนเมียนดูไม่ดี
เธอไม่เคยคิดว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเฉียวเมียนเมียนจะมีอำนาจมากอะไร
เฉียวเมียนเมียนไม่มีวันโชคดีเช่นนั้นหรอก
แต่ถ้าเธอเกิดโชคดีขึ้นมาเล่า?
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ เป็นบุคคลที่มีอำนาจและชื่อเสียงในตอนนี้?
การแสดงออกของเฉียวอันซินมืดลง
นังแพศยานั้นทำได้ดีมากในตอนนี้ ถ้าเธอมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งอีก ต่อไปในอนาคต เธอคงเหนือกว่าเธอเป็นแน่
“ก็ยังไม่แน่ชัดหรอก แต่เราก็มีสิ่งที่หวังไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่เธอจะรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเป็นใคร”
เฉียวเมียนเมียนมีได้เพียงภูมิหลังที่ต่ำต้อยเพียงเท่านั้น
เธอไม่สามารถเป็นลูกสาวของตระกูลไป่ได้
แม้ว่าเธอจะใช่จริง ๆ ก็เถอะ พวกเธอจะไม่ใช้โอกาสอีกฝ่ายได้ตัวตนที่แท้จริงของเธอกลับมา
“คุณเซิน ถ้าอย่างนั้น พ่อแม้จริง ๆ ของพี่สาวฉันจะเป็ฯใครล่ะคะ” เฉียวอันซินคาดเดาได้แล้ว
แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
ต้องไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดเดาอย่างแน่นอน
แต่ในขณะที่รอคำตอบจากเซินโย่ว เธอยังคงกลั้นหายใจอย่างประหม่า
“คนของคุณไปสืบที่ตระกูลไป่แล้ว ฉันแน่ใจว่าคุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เซินโย่วมองดวงตาที่เบิกกว้างของอีกฝ่าย และพูดในสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อและยอมรับ “ตระกูลไป่”
เฉียวอันซินตกตะลึง “ตระกูลไป่? คุณเซิน คุณกำลังจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเฉียวเมียนเมียนอาจจะเป็นตระกูลไป่เหรอคะ? คุณหมายความว่า..เธอเป็นลูกสาวของตระกูลไป่เหรอคะ?”
เป็นไปได้อย่างไร?
พ่อแม่ที่แท้จริงของเฉียวเมียนเมียนเป็นผู้หลบหนีต่างหาก
จะเป็นตระกูลไป่ได้อย่างไร? หนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองหยุนเฉิง
ตระกูลไป่..
ตระกูลอันทรงเกียรติเทียบเท่ากับตระกูลเหมา ตระกูลเฉิน และตระกูลหยาง
ถ้าเฉียวเมียนเมียนเป็นลูกสาวที่ถูกทิ้งของตระกูลไป่ ตัวตนที่แท้จริงของเธอก็คงเท่าเทียมกับคุณเซินงั้นเหรอ?
ถ้าเฉียวเมียนเมียนกลายเป็นลูกสาวของตระกูลไป่ ไม่ว่าเธอจะทำงานหนักแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันเอาชนะอีกฝ่ายได้
“อืม” ท่าทางของเซินโย่วแย่ลง เธอกัดฟันและพูดว่า
ถ้าเธอไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของตระกูลเฉียวจริง ๆ และยังมีปานแดงบนร่างกายอีก เป็นไปได้อย่างมากว่าเธอจะเป็นลูกสาวของตระกูลไป่ เฉียวอันซิน เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกเธอออกมาในตอนนี้?”
ดวงตาของเซินโย่วเย็นชาและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ถ้าเฉียวเมียนเมียนเป็นลูกสาวของตระกูลไป่จริง ๆ ฉันจะไม่ยอมให้เธอเป็นที่ยอมรับจากตระกูลไป่!”