359 - ข่มขวัญ
359 - ข่มขวัญ
ซือถูเฟิงหน้าเปลี่ยน สีมือซ้ายของเขาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวทุบออกไปข้างหน้าโดยต้องการจะแบ่งแยกสมาธิของเย่ฟ่าน
“ซือถูเฟิงสร้างหยดน้ำจากหยินที่แท้จริงสามหยด ทุกหยดของน้ำนี้สามารถบดขยี้ทองคำเซียนให้แหลกละเอียดได้!”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือฝ่ามือสุดท้ายของเขา ดูเหมือนมันจะอัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เขามี!”
น้ำหยินที่แท้จริงสามารถดับไฟอันร้อนแรงได้ แม้แต่ก้อนทองคำเซียนบริสุทธิ์ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีครั้งนี้
ดวงตาของเย่ฟ่านมีความโกรธเคืองขึ้นมาเล็กน้อย เขาส่งเสียงคำรามต่ำ แขนของเขาสั่นเก้าครั้งก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะตบออกไปเพียงครั้งเดียว
ในตอนนั้นไข่มุกรวมทั้งดอกบัวสีฟ้าที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง เมื่อพวกมันกระแทกกับฝ่ามือสีทองของเย่ฟ่าน พวกมันก็ถูกทำลายเป็นผุยผงในทันที
“บูม!”
"คนผู้นี้เป็นใคร มีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้ได้อย่างไร"
“กายเนื้อของเขาแข็งกว่าสมบัติ เขาเป็นอสูรร่างมนุษย์หรือไม่?” ทุกคนตกตะลึง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าผลลัพธ์จะจบลงแบบนี้
"ควับ!"
เย่ฟ่านคว้าแขนข้างซ้ายของซือถูเฟิงก่อนจะบิดออกไปด้านข้าง
“อ๊าก!” ซือถูเฟิงกรีดร้องอย่างน่าสังเวช
"นี่คือการดำรงอยู่ของผู้ที่สามารถชำระร่างกายและกระดูกของตัวเองทั้งหมดใช่หรือไม่!"
“เจ้า...”
ใบหน้าของซือถูเฟิงซีดขาวไร้สีเลือด เมื่อร่างกายของเขากระแทกลงพื้นเขาก็รีบพุ่งออกจากยอดเขาที่แตกหักด้วยความหวาดกลัว
"อัจฉริยะของนิกายเอี๋ยนอวิ๋นพ่ายแพ้ง่ายๆเช่นนี้!"
“นั่นคืออัจฉริยะของแคว้นซ่งแต่เขาไม่สามารถยืนอยู่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว”
“ลองรับฝ่ามือของข้าดูบ้าง!”
เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้มในขณะที่ฝามือสีทองของเขาไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
"ปัง!"
เสียงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ดังมากเท่าไหร่แต่มันสะท้านหวั่นไหวในจิตใจของทุกคน
ซือถูเฟิงผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นไม่อาจหลบหนีได้ด้วยซ้ำ
"บังอาจ ต่อหน้าของข้าเจ้ายังกล้าทำร้ายคน"
ยอดฝีมือหนุ่มของตระกูลจี้โมโห เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นเขากระโดดลงมาจากเรือวิญญาณและประคองร่างกายที่ได้รับความเสียหายของซือถูเฟิง แต่ทันทีที่มือของเขายื่นออกไปร่างกายของซือถูเฟิงก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นในพริบตา!
“เจ้าเป็นใคร กล้าฆ่าคนต่อหน้าข้า!” ชายหนุ่มของตระกูลจี้๋คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้าอายุเท่าไหร่ เจ้าบอกให้หยุดข้าก็ต้องหยุดหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน?” เย่ฟ่านแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“เจ้า... กล้าหาญมาก!” ใบหน้าของชายหนุ่มตระกูลจี้ทรุดลงและพูดว่า
"นี่เป็นงานชุมนุมผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ของแคว้นซ่ง เจ้าสร้างปัญหาทำไม มีเหตุผลอะไรถึงต้องฆ่าคนที่นี่?"
“เจ้าไม่เห็นหรือว่าชายคนนั้นต้องการฆ่าข้าเหมือนกัน หรือข้าต้องนั่งลงให้เขาฆ่าเจ้าถึงจะพอใจ?”
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ตระกูลจี้วางตัวสูงส่งอยู่เสมอ เขาไม่ต้องการต่อล้อต่อเถียงกับเย่ฟ่านจึงกล่าวว่า
"แม้ว่าเขาจะต้องการฆ่าเจ้าแต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถของเขาไม่เพียงพอ ทำไมเจ้าถึงต้องการชีวิตของเขา?"
“ก็ตามที่เจ้าพูด ในเมื่อความสามารถของเขาให้เพียงพอก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะความอ่อนแอของเขาเอง” เย่ฟ่านดูสงบ
“เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าและไม่สามารถคร่าชีวิตเจ้าได้ ยังไงเจ้าก็ไม่ควรฆ่าเขาอยู่ดี!” เด็กหนุ่มของตระกูลจี้มีใบหน้าที่จริงจัง
เย่ฟ่านเยาะเย้ย “ต้องรอให้เขามีคุณสมบัติในการฆ่าข้าเสียก่อนข้าถึงจะฆ่าเขาได้อย่างนั้นหรือ?
เด็กหนุ่มของตระกูลจี้กล่าวอย่างเย็นชา "ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร เจ้าไม่ควรฆ่าคน"
"เป็นเช่นนั้นหรือ?" เย่ฟ่านพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าจะบอกว่าด้วยฝ่ามือเดียวข้าก็สามารถตบเจ้าให้ตาย พูดอย่างนี้แล้วเจ้าคงไม่เข้ามาฆ่าข้าหรอกนะ”
เมื่อได้ยินการเยาะเย้ยของเย่ฟ่านเด็กหนุ่มของตระกูลจี้ก็มีใบหน้ามืดมนอย่างยิ่ง
"เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาก่อกวนที่นี่?"
ร่างกายของเย่ฟ่านถูกล้อมรอบด้วยหมอกและไม่ไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
“เจ้าอยากจะต่อสู้กับข้าหรือไม่?”
“เจ้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาจริงๆ!”
"เจ้าจะเข้าใจอย่างนั้นก็ไม่ผิด" เย่ฟ่านยิ้ม
ตระกูลขุนนางโบราณนั้นคงอยู่ชั่วนิรันดร์และมรดกของพวกเขาก็สืบทอดกันมหลายแสนปีแล้ว เหตุการณ์ที่มีใครบางคนกล้าท้าทายตระกูลขุนนางโบราณนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้น
ไม่ว่าศิษย์ของตระกูลจี้จะไปที่ไหนพวกเขาก็มักจะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนไม่มีใครกล้าดูหมิ่น วันนี้จี้อวิ๋นเฟิงต้องเผชิญกับการท้าทายของเย่ฟ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกมันกระตุ้นไอสังหารของเขาขึ้นมาในทันที
“งานใหญ่นี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยตระกูลจี้และดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาที่นี่เพื่ออวดดี!”
“ข้ามาที่นี่เพื่ออวดดีอยู่แล้ว เจ้าจะทำไม?”
"บูม!"
จิตสังหารอันทรงพลังเปรียบเสมือนคลื่นทะเลขนาดยักษ์กระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง จี้อวิ๋นเฟิงปลดปล่อยวิญญาณเต๋าออกมาปกคลุมร่างกายของเขาคล้ายกับมังกรตัวใหญ่
“ในเมื่อเจ้าคิดจะมาก่อกวนที่นี่เจ้าก็ต้องเตรียมรับผลที่จะตามมาด้วย!”
“เจ้าอยากจะฆ่าข้าจะต้องหาเหตุผลไร้สาระไปทำไม ตัวอย่างเช่น วันนี้ข้าต้องการฆ่าเจ้า ข้าก็มาฆ่าเจ้าตรงๆ” เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้า
“ตระกูลขุนนางโบราณไม่สามารถดูหมิ่นได้ ในเมื่อเจ้ารนหาที่ ข้าก็จะสนองให้ถึงที่สุด!”
“ตระกูลขุนนางโบราณครอบงำมากนักหรือ วันนี้ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นเองว่าพวกเจ้าไม่สามารถรังแกคนอื่นได้!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
ตระกูลจี้ไล่ตามเขามาจนถึงภาคเหนือมันทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุดแล้ว วันนี้เมื่อโอกาสมาถึงเขาจะลงมือสังหารทุกคนที่อยู่บนเรืออย่างแน่นอน
“ทำไมคุณชายจี้ถึงต้องลงมือเอง ให้ข้าเป็นคนจัดการดีกว่า” ผู้บ่มเพาะหนุ่มจากแคว้นซ่งก้าวไปข้างหน้า
"ข้าจะทำเอง" จี้อวิ๋นเฟิงส่ายหัว
“คุณชายจี้คิดจะใช้มีดเล่มใหญ่เพื่อฆ่าไก่ตัวหนึ่งนับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ได้โปรดให้ข้าลงมือแทนท่านเอง”
ผู้บ่มเพาะคนนั้นไม่ได้รอฟังคำตอบจากจี้อวิ๋นเฟิง เขาหยิบกล่องหยกสีแดงในมือออกมาเปิดและกลิ่นเหม็นคาวก็โจมตีเข้าหาเย่ฟ่านในทันที
“กล่องอสูรโลหิตใต้พิภพ นี่เป็นสมบัติล้ำค่าของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ทิ้งไว้บนโลกไม่ใช่หรือ!”
“ของสิ่งนี้สามารถทำให้ร่างกายอันศักดิ์สิทธิ์มีมลทินได้ ถือเป็นสมบัติที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง”
บรรดาผู้เห็นเหตุการณ์ต่างพากันมองอย่างประหม่า
สายเลือดไหลเชี่ยว หมอกสีแดงปกคลุมท้องฟ้า ในทันใดนั้นวิญญาณสีแดงตัวหนึ่งก็มองเย่ฟ่านด้วยความกระหายเลือด
"ปัง!"
เย่ฟ่านชี้นิ้วไปข้างหน้าและใช้ออกด้วยญาณวิเศษตราประทับภูเขาทะเลที่มีน้ำหนักมหาศาลโดยตรง
ภูเขาอันยิ่งใหญ่นั้นปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า แม้ว่ามันจะอยู่ห่างไกลแต่ผู้ฝึกตนที่ระดับบ่มเพาะไม่สูงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถต้านทานความกดดันครั้งนี้ได้
ร่างกายของพวกเขากระแทกลงพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่!
“ฆ่ามัน!”
ภูเขาอันยิ่งใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรุนแรงและกระแทกเข้าหาผู้ฝึกตนแคว้นซ่งคนนั้น
"ปัง!"
วิญญาณสีเลือดที่แปลงตัวเองเป็นลำธารขนาดใหญ่ มีความแข็งแกร่งเพียงแค่อาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นสาม แล้วมันจะทนการโจมตีอันทรงพลังของเย่ฟ่านได้อย่างไร?
เย่ฟ่านตะโกนเบาๆตราประทับของภูเขากดลงมาอีกครั้ง น้ำหนักมหาศาลของมันแม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังมีรอยแตกคล้ายใยแมงมุม
"ปัง!"
กล่องอสูรโลหิตใต้พิภพถูกทำลายในทันที