358 - มาตบข้าให้ตายที
358 - มาตบข้าให้ตายที
สองวันผ่านไปในพริบตาและเทือกเขาทะลวงเมฆาไม่ได้ถูกทิ้งร้างอีกต่อไป ในตอนนี้มันมีชีวิตชีวามาก บางครั้งมีสายรุ้งวิเศษบินอยู่บนท้องฟ้าและเกือบทั้งหมดเป็นผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์
เทือกเขาในพื้นที่ตรงกลางมีภูเขาหักซึ่งมีความหนาและกว้างมาก ในขณะเดียวกันก็มีส่วนที่ราบเรียบราวกับถูกตัดด้วยอาวุธที่หาที่เปรียบมิได้
ด้านบนมีผู้คนมากมายแต่ไม่แออัดเท่าไหร่ เพราะพื้นที่มีขนาดกว้างมากเกินไป
“ภูเขาที่หักนี้หนากว่าภูเขาอื่นถึงสิบเท่า ข้าคิดว่าในอดีตภูเขาลูกนี้คงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด” เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง
"พวกเขารู้ดีว่าจะเลือกที่ไหน" ดวงตาของสุนัขสีดำตัวใหญ่สั่นไหว
“นี่คือทุ่งเต๋าของผู้ยิ่งใหญ่ที่เจ้ากล่าวถึง?” เย่ฟ่านถามด้วยความไม่แน่ใจ
สุนัขสีดำตัวใหญ่ไม่ตอบสนอง
หลังจากผ่านไป 1 ชั่วยาม แขนเสื้อของเย่ฟ่านก็โบกสะบัด และบินข้ามท้องฟ้ามาถึงภูเขาหักพัง เขาไม่ได้นำจักรพรรดิดำมาด้วยไม่เช่นนั้นผู้คนจะระบุตัวตนของเขาในครั้งนี้เพื่อตามล่าเขาในครั้งต่อไป
มีผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์อยู่ทุกหนทุกแห่งพูดคุยกันไม่หยุดหย่อนและมีผู้คนบินอยู่บนท้องฟ้าเป็นครั้งคราว
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีส่องทะลุท้องฟ้า เรือหยกแล่นข้าม และผู้ฝึกตนที่ทรงพลังก็กระโดดลงมาจากเรือ
"วีรบุรุษของตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอยู่ที่นี่แล้ว"
"มรดกของตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงนั้นคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ในขณะที่ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ของพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งมากที่สุดเช่นกัน"
ผู้คนต่างพูดคุยกันอย่างไม่หยุดหย่อนและล้อมรอบไปที่นั่นในคราวเดียวเหมือนกับดวงดาวโคจรรอบดวงจันทร์
เย่ฟ่านไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าในขณะนี้เขาพบซือถูเฟิงที่เพิ่งขู่ว่าจะตบเขาจนตายเมื่อไม่กี่วันก่อน
ชายผู้อ่อนโยนและเก็บตัวคนนี้ยังคงสวมชุดเนื้อผ้าบางเบาเหมือนอิสตรี ใบหน้าของเขาค่อนข้างอวดดี ภาคภูมิใจในตัวเองและยืนอยู่ด้านนอกของฝูงชนโดยไม่มุงเข้าไปกับคนอื่น
“พี่ซือถู...” เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้า
ซือถูเฟิงหันกลับมาและขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใคร?”
“เย่ฟ่าน!”
เมื่อซือถูเฟิงได้ยินดังนั้นดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมา
ซือถูเฟิงดูเย็นชาเล็กน้อย ร่างสูงยืนอยู่นอกฝูงชน ค่อนข้างอวดดี เขาจ้องมองไปที่เย่ฟ่านและกล่าวว่า
"เรื่องตลกนี้ไม่ค่อยดีนัก"
เย่ฟ่านอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่จ้าง และในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็กลับสู่ใบหน้าที่แท้จริง
“เป็นเจ้าจริงๆ!” ซือถูเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็เยาะเย้ยและพูดว่า
"เจ้ากล้ามาที่นี่จริงๆ กล้าหาญมาก แต่คนที่กล้าหาญมักจะตายไวเสมอ! "
หมอกปรากฏขึ้นบนร่างของเย่ฟ่านปกคลุมทั้งร่างของเขาในขณะที่เขาเดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า
"โลกนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน ข้าจะไปไหนก็ได้มันเรื่องของข้า"
สีหน้าของซือถูเฟิงเย็นลงและพูดว่า "ข้าเกรงว่าวันนี้เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ไปไหนมาไหนอีก”
"เจ้ากำลังพยายามตบข้าให้ตายเหรอ?" เย่ฟ่านพูดขณะที่เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว
"เพียงแค่ตบเจ้าเบาๆเจ้าก็ตายแล้ว!”
ซือถูเฟิงอัจฉริยะของนิกายเอี๋ยนอวิ๋นเขาเป็นผู้บ่มเพาะอาณาจักรลึกลับที่สามของตำหนักเต๋า ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเย่ฟ่านจะสามารถต้านทานเขาได้
"ข้าชื่นชอบในตัวเจ้าจริงๆ ไหนทดลองหน่อยซิว่าฝ่ามือของเจ้ามีแรงมากแค่ไหน"
“ยกเว้นการพึ่งพาเปลวไฟแบบนั้น ข้าก็ไม่คิดว่าการฆ่าเจ้าจะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไร” การแสดงออกของซือถูเฟิงนั้นเรียบง่าย
“งั้นก็มาตบข้าให้ตายสิ” เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
ในเวลานี้ผู้ฝึกตนที่อยู่รายรอบได้ค้นพบความผิดปกติที่นี่และมองย้อนกลับไป
“ซือถูเฟิงของสำนักเอี๋ยนอวิ๋นคนนี้หรือที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบศตวรรษ”
“ด้วยอายุเพียง 21 ปี แต่มาถึงอาณาจักรที่สามในตำหนักเต๋าแล้วความแข็งแกร่งเช่นนี้หาได้ยากจริงๆ”
"ในแคว้นซ่ง ซือถูเฟิงค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่คนรุ่นใหม่ หลายคนคาดเดาว่าก่อนอายุสามสิบ เขาต้องสามารถบุกเข้าไปในอาณาจักรลับที่สี่ได้”
ผู้บ่มเพาะหลายคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ และการประเมินของพวกเขานั้นสูงมาก
ซือถูเฟิงอายุเพียง 21 ปีและไม่ใช่ผู้สืบทอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันวิเศษมากที่มีผู้ฝึกฝนเช่นนี้ ท้ายที่สุดมีคนรุ่นเยาว์น้อยเกินไปที่จะเข้าถึงอาณาจักรลึกลับที่สี่ได้จริงๆ
เขามีแนวโน้มที่จะบุกเข้าไปในในอาณาจักรลึกลับที่สี่ก่อนอายุ 30 เรื่องนี้นับว่ามีพรสวรรค์สูงมาก
“เจ้าโด่งดังมากในแคว้นซ่ง หลายคนรู้จักเจ้า” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ใครคือผู้นี้ที่กล้าเผชิญหน้ากับซือถูเฟิง เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสำเร็จเพียงพอที่จะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งของนิกายเอี๋ยนอวิ๋น เหรอ?" มีคนแสดงความสงสัย
“คนคนนั้นต้องไม่ยอมรับในความสามารถของซือถูเฟิงอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อท้าทาย”
“ชื่อเสียงและโชคลาภฆ่าคนมามากมาย น่าสงสารเขาจริงๆที่กล้าท้าทายศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของนิกายเอี๋ยนอวิ๋น”
ในขณะนี้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์อยู่ทุกหนทุกแห่งบนภูเขาหัก หลายคนมองเข้ามาและสังเกตเห็นความตึงเครียดนี้
“น่าเสียดาย ข้าไม่อยากฆ่าเจ้าจริงๆ แต่เจ้ากล้ามายืนต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะตบเจ้าให้ออกไป”
ซือถูเฟิงตอบอย่างแผ่วเบาทันใดนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาในขณะที่เขาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
อย่างที่เขาพูด เขาต้องการจะตบเย่ฟ่านให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว แต่ฝ่ามือของเขากลับขยายใหญ่ขึ้นและมีสีม่วงจางๆ
ในเวลานี้หลายสายตาจับจ้องมาที่แห่งนี้ และผู้คนทั้งใกล้และไกลต่างก็ให้ความสนใจอย่างยิ่ง ต้องรู้ว่านี่คือซือถูเฟิง พวกเขาคิดว่าคนที่กล้าท้าทายอัจฉริยะของนิกายเอี๋ยนอวิ๋นก็คงมีฝีมือเช่นกัน
เย่ฟ่านยืนนิ่งอยู่ที่จุดนั้น เขารอให้ซือถูเฟิงโจมตีเข้ามาและเขาก็โจมตีออกไปในทันที
"คลืน!
สองฝ่ามือกระแทกเข้าหากันราวกับคลื่นยักษ์ทำให้หมอกสีฟ้าปกคลุมทั่วสนามรบยากที่จะมองเห็น
“อย่างที่ข้าพูดไป ซือถูเฟิงมีพรสวรรค์อย่างมาก ในการท้าทายเขาจะต้องจ่ายในราคาที่เจ็บปวดอย่างแน่นอน”
"แสงสีฟ้านั้นอัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ พลังของฝ่ามือนี้ช่างน่ากลัว!" หลายคนประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหมอกสีฟ้ากระจายไป ทุกคนก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง และคำพูดที่พวกเขากำลังจะพูดออกมาก็ต้องกลืนลงท้องในทันที
กลางทุ่งเย่ฟ่านยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบ ในขณะที่ใบหน้าของซือถูเฟิงซีดเผือดและนอนอยู่บนพื้น ฝ่ามือขวาทั้งหมดของเขาเสียรูปถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
“เป็นไปได้ยังไง!?”
“เขาเป็นใครถึงกล้าทำร้ายอัจฉริยะของนิกายเอี๋ยนอวิ๋น”
“คนผู้นี้เป็นใครทำไมค่าถึงไม่เคยรู้จัก จะมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในแคว้นซ่งได้อย่างไร”
รอบๆหลายคนมีสีหน้าไม่เข้าใจ เหตุไฉนซือถูเฟิงถึงได้รับบาดเจ็บขนาดนี้
เย่ฟ่านสงบมาก ในแง่ของร่างกายจะมีผู้ใดเทียบเท่ากับเขาได้
หลายคนคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของเขา แต่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยหมอก และทุกคนไม่สามารถมองทะลุมัน
“เจ้า…”
ใบหน้าของซือถูเฟิงซีดขาว ไม่เพียงแต่ฝ่ามือขวาของเขาจะหัก แต่อวัยวะภายในของเขายังแทบจะถูกบดละเอียดอีกด้วย
“เจ้าต้องการตบข้าให้ตาย ด้วยความสามารถของเจ้าเกรงว่ายังไม่พอ” เย่ฟ่านยืนนิ่ง
ผิวของซือถูเฟิงแข็งทื่อเขาใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่ข้างเดียวทุบหน้าอกของตัวเองเพื่อให้คลายไข่มุกสีฟ้าออกมา
“ของวิเศษนิกายเอี๋ยนอวิ๋น’
ในเวลาเดียวกันซือถูเฟิงตัวทุบหน้าอกของตัวเองอีกครั้งและคายดอกบัวสีฟ้าที่มีขนาดใหญ่ให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกด้วย
ดอกบัวและไข่มุกประสานเสริมกันอย่างรวดเร็ว ไข่มุกพุ่งไปข้างหน้าโดยต้องการที่จะกระแทกเย่ฟ่าน ในขณะเดียวกันดอกบัวสีฟ้าก็ลอยขึ้นไปด้านบนก่อนจะตกลงมาหาเย่ฟ่าน
“นี่คือสมบัติของสำนักเอี๋ยนอวิ๋น หากร่างกายไม่แข็งแกร่งจริงๆก็ยากที่จะต้านทานได้?” ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างประหลาดใจ
อย่างไรก็ตามในทันใดนั้นพวกเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะตอนนี้มือสีทองของเย่ฟ่านได้พุ่งเข้าหาดอกบัวสีฟ้าตรงๆ