ตอนที่ 1129-1130 เผชิญหน้ากัน
การสิ้นสุดสัญญาที่ถูกเธอโพสต์บนเว่ยป๋อวันนี้ ในความเป็นจริงเธอถูกซูเจ๋อบังคับให้เซ็นยกเลิกสัญญาก่อนหน้านั้นแล้ว
ตอนนี้เฉียวอันซินรู้สึกดีใจมากที่เธอได้เซ็นยกเลิกสัญญานั่น
ถ้าเธอไม่ได้เซ็นไว้ก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ ตอนนี้ซูเจ๋อคงไม่ปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน
หากบริษัทซูไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกต่อไป อนาคตของเธอก็จะต้องถูกทำลาย หากเธอยังอยู่ภายใน Star Splendor
เฉียวอันซินรู้สึกเบิกบาน
ในตอนแรก เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับซูเจ๋อมากนัก ทว่าสิ่งที่เขาทำหลังจากนั้น ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจ
ร่องรอยของความเกลียดชังยังปรากฎชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงลูกที่แท้งไปเพราะซูเจ๋อ
เธอไม่สามารถรอให้บริษัทซูล้มละลายได้แม้แต่วินาทีเดียว
นี่คือสิ่งที่ไอสารเลว ซูเจ๋อสมควรได้รับ
“ไหน ๆ คุณเซินก็รู้เกี่ยวกับพี่สาวของฉันแล้ว คุณควรรู้ว่าเราไม่ใช่พี่น้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันหรอกค่ะ เพราะแบบนี้แหละ เธอจึงไม่เคยปฏิบัติต่อฉันอย่างดีตั้งแต่เด็ก และไม่เคยปฏิบัติกับฉันเหมือนน้องสาวของเธอเลย”
“ไม่ใช่ว่าฉันคิดไม่ดีกับเธอหรอกนะคะ แต่สิ่งที่เธอทำกับฉันไม่สามารถให้ฉันคิดดีกับเธอได้เลย ฉันพยายามจะปรับความสัมพันธ์ระหว่างเราให้ดีขึ้น แต่เธอเองที่ไม่เต็มใจ”
“คุณเซิน ถ้าคุณมีพี่สาวแบบนี้ คุณจะยังรักเธอได้หรือเปล่าคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เซินโย่วพยักหน้าท่าทางครุ่นคิด “เพราะแบบนี้สินะ คุณเฉียวและพี่สาว ถึงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันตั้งแต่ยังเด็ก?”
“ค่ะ” เฉียวอันซินพยักหน้า “เธอไม่ชอบฉัน ฉันเองก็ไม่ชอบเธอเหมือนกัน เราเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์ของเราแย่ยิ่งกว่าคนแปลกหน้าอีกค่ะ”
ดวงตาของเซินโย่วกะพริบ “คุณเฉียว คุณเคยคิดบ้างไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่สาวอาจไม่ได้แย่ เพราะพวกคุณมีพ่อคนเดียวกัน เพียงแค่คนละแม่”
เฉียวอันซินตกตะลึง “คุณเซินหมายความว่ายังไงคะ”
เซินโย่วมองไปที่เธอและพูดอย่างช้า ๆ “คุณเฉียว รู้อยู่แล้วใช่ไหมคะว่าฉันหมายถึงอะไร ยังไงซะ เราก็ไม่ชอบเฉียวเมียนเมียนด้วยกันทั้งคู่ ก็ถือว่าเราอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วทำไมเราไม่ร่วมมือกัน กำจัดผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้ให้ออกไปจากโลกนี้ซะล่ะคะ? คุณคิดว่ายังไง?”
เฉียวอันซินมองเธอด้วยความประหลาดใจ “คุณเซิน คุณ...”
“เฉียวอันซิน ฉันรู้ว่าคุณเองก็เกลียดเฉียวเมียนเมียนมาก ดังนั้นตั้งแต่เด็ก คุณก็มักจะฉกฉวยทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีไปเป็นของตัวเอง สิ่งที่ประสบความสำเร็จและภาคภูมิใจที่สุดที่คุณทำก็คงจะเป็นการแย่งคู่หมั้นของเธอ ซูเจ๋อล่ะสิ”
การแสดงออกของเฉียวอันซินเปลี่ยนไป
เธอเปิดปากของเธอและกำลังจะพูด ทว่าเซินโย่วกลับแสดงท่าทางให้เธอไม่ต้องพูดอะไรออกมา
“คุณกำลังทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าคุณดีกว่าเธอ ตราบใดที่เป็นสิ่งที่คุณต้องการ คุณก็จะแย่งมันไปจากเธอ แน่นอน ก็คุณเกลียดเธอนี่ คุณคงอยากใช้วิธีเหล่านั้นเพื่อทำให้เธอโกรธและทนทุกข์ทรมานใช่ไหมล่ะคะ”
“แต่เธอกลับไม่ได้ทุกข์ทรมานและเศร้าเสียใจอย่างที่คุณคิด เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้แย่ลง แต่ชีวิตของเธอกลับดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการงานหรือด้านความรัก ตอนนี้เธอดีกว่าคุณ”
“ตอนนี้คุณก็คงจะรู้สึกโกรธเคืองมากใช่ไหม? คุณต้องการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่คุณมีในตอนนี้ไหมล่ะ? ต้องการจะแย่งสิ่งดี ๆ เหล่านั้นไปจากเธออีกครั้งไหม?”
เฉียวอันซินต้องการจะปฏิเสธ
เธอต้องการบอกเซินโย่วว่า เธอไม่ใช่คนแบบนั้น
คำพูดนั้นติดอยู่ปลายริมฝีปากของเธอ แต่เธอกลับมองที่เซินโย่วที่นั่งตรงข้ามกับเธออย่างเงียบ ๆ
__
ต้องบอกว่าเซินโย่วได้ศึกษานิสัยใจคอของอีกฝ่ายมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
สิ่งที่เธอคิดไว้นั้นถูกต้อง
ใช่ เธอเกลียดเฉียวเมียนเมียน
ตั้งแต่จำความได้ เธอก็เกลียดชังพี่สาวต่างแม่แล้ว
ไม่สิ เฉียวเมียนเมียนไม่ใช่แม้แต่พี่สาวของเธอ
เธอเคยสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่สามารถสนิทกับพี่สาวคนนี้ได้
หลังจากที่หลินฮุ่ยเซินบอกความจริงกับเธอ ในที่สุดเธอก็เข้าใจ
เฉียวเมียนเมียนไม่ใช่แม้แต่พี่สาวต่างแม่ของเธอ
พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
แต่เธอไม่เข้าใจ ทำไมพี่เฉียวถึงปฏิบัติต่อลูกสาวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดดีกว่าเธอเสียอีก
มันทำให้เฉียวเมียนเมียนดูเหมืนอเธอเป็นลูกสาวจริง ๆ ของเขา
เธอรู้สึกไม่ยุติธรรม
ต่อมาเฉียวเมียนเมียนก็สวยขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากเรียนเก่ง ครูก็ยกย่องเธอ พ่อเฉียวก็รักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลูกสาวแท้ ๆ ของเขากลับถูกทอดทิ้ง
สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการที่เฉียวเมียนเมียนแย่งความรักครั้งแรกของเธอไป
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอหลงรักเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
แต่เมื่อเธอรวบรวมความกล้าที่จะสารภาพรักกับเขา เขากลับบอกว่าคนที่ชอบคือเฉียวเมียนเมียน
เขายังฝากเธอส่งจดหมายรักให้เธอ นำไปมอบให้กับเฉียวเมียนเมียนอีกด้วย
นั่นคือความอัปยศอย่างมากสำหรับเธอ!
จะไม่ให้เธอเกลียดเฉียวเมียนเมียนได้อย่างไร
ดังนั้นต่อจากนี้ไป เธอจะยกเอาทุกอย่างจากเฉียวเมียนเมียนไป
เมื่อเห็นว่าเธอเงียบ เซินโย่วก็ยิ้มอีกครั้ง “ตราบใดที่คุณเต็มใจ ฉันสามารถช่วยคุณได้ คุณไม่อยากจะดีกว่าเฉียวเมียนเมียนทุกด้านหรอกเหรอ?”
“ตราบใดที่คุณร่วมมือกับฉันและเชื่อฟังฉัน ทุกยอ่างจะเป็นไปตามที่ฉันสั่ง ฉันรับปากว่าอีกไม่นาน ชีวิตของคุณจะดีกว่าที่เป็นอยู่ร้อยเท่า สถานะและตัวตนของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างมาก”
ดวงตาของเฉียวอันซินกะพริบ เห็นได้ชัดว่าเธอหวั่นไหวไปตามคำพูดของอีกฝ่าย เธอจับขอบโต๊ะแน่นและระงับความตื่นเต้นของเธอเองไว้
“คุณเซินต้องการให้ฉันทำอะไรคะ”
“ตอบฉันมาก่อนสิ” เซินโย่วมองไปที่เธอ ดวงตาของเธอกะพริบ “เฉียวเมียนเมียนไม่ใช่คนตระกูลเฉียวใช่ไหม? พ่อแม่แตกต่างไปคุณใช่ไหม?”
เฉียวอันซินเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ
เซินโย่วมองไปที่ปฏิกิริยาของเธอและรู้ว่าเธอพูดถูก
สีหน้าของเธอมืดลง เธอกำหมัดแน่น
เธอเดาถูกแล้ว
เฉียวเมียนเมียน...ไม่ใช่คนจากตระกูลเฉียวจริง ๆ
“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่คนของตระกูลเฉียวจริง ๆ สินะ” เซินโย่วนึกถึงปานที่คุณผู้หญิงไป่พูดถึงขึ้นมาทันที เธอเอนไปทางเฉียวอันซินด้วยท่าทางกังวลและตื่นเต้น
“ไม่ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับเฉียวเมียนเมียนจะแย่แค่ไหน คุณสองคนก็โตมาด้วยกัน คุณรู้ไหมว่าบนตัวของเธอมีไฝ”
“ไฝเหรอคะ?” เฉียวอันซินตกตะลึง
“ใช่แล้ว ไฝ” เซินโย่วหายใจเข้าลึก ๆ “ไฝสีแดง คุณเคยเห็นที่ส่วนใดของร่างกายของเธอฝีไฝแบบนั้นหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวล ค่อย ๆ คิดให้รอบคอบ”
เฉียวอันซินมองไปที่การแสดงออกอย่างกังวลใจของเซินโย่วและลังเลก่อนที่จะถามว่า “คุณเซิน คุณ... รู้เหรอคะว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของพี่สาวฉัน?”
เซินโย่วรู้ได้อย่างไรว่าเฉียวเมียนเมียนไม่ได้มาจากตระกูลเฉียว? แม้ว่าเฉียวอันซินจะงงงวย แต่เธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก