ตอนที่ 37 อักขระกำกับทั้ง 3 แขนง
"ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าก็สามารถสร้างอาวุธอักขระได้แล้วล่ะสิ"
เฟรย่ามีน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เล้งซานก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
"สำหรับอาวุธอักขระนั้น คงยังไม่อาจทำได้ เพราะจำเป็นต้องใช้แร่โลหะคงกระพันเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างอาวุธอักขระที่สมบูรณ์แบบและถาวรขึ้นมาได้
หากเราใช้แร่ชนิดอื่นอย่างเช่นเหล็กกล้าธรรมดา แม้จะสามารถลงอักขระกำกับลงไปได้แต่ผลของพลังอักขระจะอยู่ได้เพียงแค่ 1 ชั่วยามเท่านั้น จากนั้นอาวุธก็จะแตกสลายและพลังอักขระก็จะสูญหายไป ซึ่งเท่ากับว่าเราจะสูญเสียลูกแก้วดวงจิตอสูรไปตลอดกาล โดยแลกกับพลังแค่ 1 ชั่วยาม"
"โธ่เอ้ย!! งั้นสรุปว่าถึงเจ้าจะมีลูกแก้วดวงจิตอสูรสีเขียว แต่ก็ยังไม่สามารถใช้วิชานี้ได้ล่ะสิ"
"ใครบอกท่านล่ะ ว่าเราไม่มีแร่โลหะคงกระพัน" เล้งซานแสยะยิ้มเล็กน้อย
"เจ้ามี??"
"ก็ขวานทลายสวรรค์นี่ไง!!" เล้งซานกล่าวพลางยกขวานขึ้นมา
"แต่มันเป็นอาวุธอักขระอยู่แล้วนี่"
"จริงอยู่ที่มันเป็นอาวุธอักขระ แต่ด้วยชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นสูง ข้าว่ามันยังอ่อนเกินไปสำหรับข้า ข้าจะเปลี่ยนมันให้เป็นอาวุธอักขระชั้นสีเขียวขั้นต้น ด้วยลูกแก้วดวงจิตอสูรนี่"
เล้งซานหยิบลูกแก้วดวงจิตอสูรออกมาจากแหวนมิติ 1 ลูกจากนั้นโคจรลมปราณที่แหลมคมกรีดฝ่ามือตนเองจนเลือดไหลออกมา มันได้ใช้ลมปราณควบคุมเลือดและลูกแก้วดวงจิตอสูรให้ลอยขึ้น และค่อยหมุนวนอยู่กลางอากาศ
จากนั้นไม่นานเลือดและลูกแก้วดวงจิต ก็ค่อยๆหล่อหลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน มีลักษณะที่ดูเข้มข้นกว่าเลือดปรกติ และเป็นสีเขียวเรืองรองออกมา
เล้งซาน ใช้ปลายนิ้วแตะที่เนื้อสีเขียวนั่นจากนั้นก็เขียนอักขระในรูปแบบเดิม โดนเขียนทับลงบนอักขระสีน้ำเงินก่อนหน้านี้ เวลาผ่านไปไม่นานอักขระสีน้ำเงินก็ถูกเติมเต็มไปด้วยสีเขียวแทนที่ เล้งซานยิ้มอย่างพอใจแล้วชูขวานทลายสวรรค์ขึ้น แสงสีเขียวเปล่งประกายไปทั่วพื้นที่ในทันที
"โอ้โห!! มันช่างดูง่ายดาย แต่พลังที่แผ่ออกมาจากขวานนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด" น้ำเสียงของเฟรย่าตื่นเต้นอย่างมาก
"ก็แน่นอนสิ มันเปลี่ยนจากชั้นสีน้ำเงินมาเป็นชั้นสีเขียวนี่นา หากมันพลังมันอ่อนลงสิถึงจะแปลก"
"ชิ!! พอทำสำเร็จเข้าหน่อยก็ทำปากดีเชียวนะเจ้าเด็กนี่"
"เอาล่ะ ตั้งแต่คืนนี้ข้าจะรีบใช้เคล็ดวิชาเส้นลมปราณมังกรเพื่อจะได้ขึ้นสู่ขั้นที่ 3 ของลมปราณสีน้ำเงิน จากนั้น เราจะเข้าไปสู่ชั้นที่ 3 ของหุบเขานี้กัน"
"เจ้าต้องการไปชั้นที่ 3!!"
"ก็ใช่น่ะสิ ข้าอยากรวบรวมสมุนไพร และลูกแก้วดวงจิตอสูรชั้นสูง ให้มากๆข้าย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากมายในอนาคต"
"เจ้าคงไม่ลืมนะ ว่าในชั้นที่ 3 ถูกปกครองโดยสัตว์อสูรชั้นลมปราณสีเหลือง??"
"ข้าก็แค่คอยระวังมันตัวเดียวเท่านั้นเอง ข้ามั่นใจว่าสามารถเอาตัวรอดได้แน่นอน"
"เหอะ!! ใครบอกกันว่ามันมีตัวเดียว"
"!!!!!!!" เล้งซานเบิกตากว้าง
"มันมีด้วยกัน 2 ตัว จากสัมผัสของข้า ตัวหนึ่งมีพลังเต็มเปี่ยมอย่างมากและเป็นถึงชั้นสีเหลืองขั้นสูงอีกเพียงไม่กี่ปีก็คงจะขึ้นสู่ชั้นสีส้ม ส่วนอีกตัวร่างกายอ่อนแอมากจนเราแทบจับสัมผัสมันไม่ได้ แต่แทนที่ตัวแข็งแกร่งจะกำจัดตัวอ่อนแอ มันกลับกระทำคล้ายว่าปกป้องตัวที่อ่อนแออยู่"
เล้งซานลูบคางตัวเองเล็กน้อย เหมือนใช้ความคิดบางอย่าง
"ข้าคิดว่า มันสองตัวอาจเป็นคู่กัน ตัวที่อ่อนแอจึงได้รับการปกป้อง แบบนี้ยิ่งทำให้ข้าสนใจเข้าไปอีก ว่าพวกมันซ่อนความลับอันใดอยู่กันแน่!!"
เล้งซานให้เวลา 3 วัน 2 คืน ในการบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาเส้นลมปราณมังกร จนบรรลุขั้นที่ 3 ของชั้นลมปราณสีน้ำเงิน จากนั้นก็เข้าสู่ชั้นที่ 3 ของหุบเขาหมื่นพฤกษาทันที
"จากนี้ไปเจ้าต้องระวังให้ดี สัตว์อสูรลมปราณชั้นสีเหลืองจะมีสัมผัสที่น่ากลัวมาก ไม่แน่ว่าทันทีที่เข้ามาในชั้นที่ 3 นี่ มันอาจจะสัมผัสถึงกลิ่นอายของมนุษย์แล้วก็เป็นได้"
เสียงเฟรย่ากล่าวตักเตือนทันทีที่เล้งซานก้าวเข้าสู่ชั้นที่ 3 ของหุบเขา
ระหว่างทางเล้งซานจดจ่อไปที่สมุนไพรหายากที่ไม่มีใน 2 ชั้นแรกที่ผ่านมา ร่วมถึงคอยสังหารสัตว์อสูร ชั้นลมปราณสีน้ำเงิน และสีเขียวที่เข้ามาจู่โจมมันเพื่อรวบรวมลูกแก้วดวงจิตอสูรไว้ในแหวนมิติ
จนเวลาร่วงเลยมาถึง 13 วันมันก็มาถึงด้านในสุดของหุบเขาหมื่นพฤกษา ที่ปลายทางเป็นหน้าผาสูงชันลงไปนับหลายพันเมตร ด้านล่างของหน้าผาเป็นมหาสมุทรที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา
"เฟรย่า สัตว์อสูรชั้นสีเหลือง อยู่ที่ใดกันนี่ก็มาจนสุดปลายทางหุบเขาแล้วเหตุใดจึงยังมิอาจพบเจอ"
"อืม...มันอยู่ใต้หน้าผาแห่งนี้แหละ คาดว่าน่าจะเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างความสูงของหน้าผาและมหาสมุทร มันคงเป็นสายพันธุ์ที่สามารถบินได้ จึงอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนั้น เจ้าโชคดีมากที่ตอนนี้มันมีเพียงตัวที่อ่อนแออยู่ในถ้ำตัวเดียว คาดว่าตัวที่แข็งแกร่งคงจะออกไปหาอาหาร เจ้าจะกล้าปีนลงไปหรือไม่??"
"มาถึงขั้นนี้แล้ว เหตุใดข้าจะไม่กล้า แต่สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดคือหากข้าปีนลงไป ข้าจะไร้หนทางหนีโดยสิ้นเชิง ดังนั้นข้าจำต้องหาวิธีหลบหนีเสียก่อน จึงจะลงไป"
เล้งซานนำเถาวัลย์จำนวนมาก มามัดต่อกันจนยาวหลายร้อยเมตร มันได้มัดเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่บนหน้าผา และมองหาซอกหินที่กว้างพอจะซ่อนตัวเข้าไปได้ จากนั้นหยิบลูกแก้วดวงจิตสีเขียวออกมา 1 ลูก หลอมผสมกับเลือดของตนเอง เล้งซานได้เขียนอักษรอักขระไว้บริเวณซอกหินนั้น
"เจ้าทำอะไร??" เสียงของเฟรย่าดังขึ้น
"นี่คือการสร้างพื้นที่อักขระ อักขระที่ข้าเขียนลงไปมีพลังในการบิดเบือนมิติ หากเข้าไปอยู่ภายในซอกหินนี่ตัวตนของข้าจะถูกลบโดยสมบูรณ์ ต่อให้สัตว์อสูรตัวนี้มีตา 10 คู่ 20 จมูกก็ไม่อาจหาตัวข้าพบได้ แต่พลังของอักขระจะคงอยู่แค่ 1 ชั่วยามเท่านั้น"
จากนั้นเล้งซานหยิบลูกแก้วดวงจิตสีน้ำเงินออกมาอีก 5 ลูก มาหลอมผสมกับเลือดของตนเองอีกครั้ง และเขียนอักขระลงที่ แขน 2 ข้าง ขา 2 ข้าง และที่กลางลำตัวของตนเอง จากการเสียเลือดไปจำนวนมากในการใช้วิชาอักขระกำกับ เล้งซานจึงตบเม็ดยา เสริมโลหิต เข้าปากตามในทันที
"เฟรย่าท่านทราบหรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงไม่ได้ให้ท่านปู่เผยแพร่วิชาอักขระบนร่างกายออกไป เหมือนกับวิชาอีก 2 แขนงที่เหลือ"
"เราไม่รู้"
"เพราะวิชานี้มันทรงพลังและอันตรายเกินไปยังไงล่ะ ในวิชาอักขระกำกับ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธอักขระหรือพื้นที่อักขระหากผิดพลาดอย่างมากก็เสียลูกแก้วดวงจิตไปและไม่มีผลของพลังอักขระ แต่ในวิชาอักขระบนร่างกาย หากผิดพลาดก็จะหมายถึงความตายของผู้ใช้วิชา แต่ความเสี่ยงนี้ก็แลกมาด้วยพลังมหาศาลของอักขระด้วยเช่นกัน!!"
"และอักขระที่เจ้าเขียนตอนนี้มีพลังอะไร"
"แขนขา ของข้าเขียนด้วยอักขระเสริมพลัง ส่วนลำตัวเขียนด้วยอักขระลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 1 ใน 10 ส่วน หากรวมกับพลังของกล้ามเนื้อแห่งมังกร ความเร็วและพลังของข้าในตอนนี้นั้น เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดานับร้อยเท่า!! แต่ผลของอักขระมีแค่ 1 ชั่วยามเท่านั้น ดังนั้นข้าต้องรีบแล้ว"
เล้งซาน จับเถาวัลย์ไว้ และกระโดดลงหน้าผาในทันที มือของมันค่อยๆรูดไปกับเถาวัลย์เพื่อชะลอความเร็วในการตก เมื่อลงมาได้ราวๆ ห้าร้อยเมตร เล้งซานก็สังเกตเห็นปากถ้ำขนาดใหญ่
มันทำการลบจิตและพลังของตนเองจนถึงขีดสุด และค่อยๆโรยตัวเข้าไปที่ปากถ้ำ เมื่อมองเข้าไปในถ้ำ มันพบว่ามีสัตว์อสูรลมปราณขนาดใหญ่ 1 ตัวอยู่ภายใน ตัวของมันสีแดงฉาน ลำตัวนับจากหัวถึงปลายหางยาวกว่า ร้อยเมตร ปีกขนาดใหญ่ที่ถูกพับอยู่ด้านหลัง คาดว่าหากกางออกมาย่อมมีความกว้างเกินร้อยเมตรเป็นแน่
มันกำลังหลบตาอย่างสงบอยู่ แต่การหายใจเข้าออกของมันเชื่องช้าอย่างมาก คล้ายกำลังอ่อนแรงถึงขีดสุด แต่สิ่งที่ทำให้เล้งซานเบิกตากว้างจนแถบถลนออกจากเบ้า คือสิ่งที่อยู่ด้านหลังของมัน....
'เหมืองแร่โลหะคงกระพัน!!"
แร่โลหะคงกระพันจำนวนมาก เกาะเต็มผนังถ้ำด้านในเต็มไปหมด!!
....................................................................