ตอนที่แล้วตอนที่ 35 ความทรมานอันไร้ที่สิ้นสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37 อักขระกำกับทั้ง 3 แขนง

ตอนที่ 36 กล้ามเนื้อแห่งมังกร


"เจ้าเด็กน้อย ตื่น!! เจ้าต้องตื่นเดี๋ยวนี้!!"

"หากเจ้าไม่ตื่น อย่าหวังจะรอดไปจากที่นี่!!"

เสียงของเฟรย่าดังขึ้นภายในจิตสำนึก ฉุดดึงเล้งซาน ออกจากภวังค์ เล้งซานค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น อย่างอ่อนแรง ด้วยท่าทีงัวเงีย

"มีเรื่องอันใด เฟรย่า ตอนนี้ข้าอ่อนล้าเต็มที ต้องการพักผ่อนอีกสักหน่อย"

"มีสัตว์อสูรลมปราณชั้นสีเขียว 3 ตัว ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ หากเจ้ามิกลัวมันเข้ามากินเจ้า ก็จงนอนต่อไปเถอะ!!"

"อะไรนะ!!" เล้งซานเบิกตากว้าง หลุดจากอาการงัวเงียในทันที

"ไหนท่านบอกว่า ในชั้นที่ 2 นี้ มีเพียงสัตว์อสูรลมปราณชั้นสีคราม และสีน้ำเงิน เหตุใดตอนนี้กลับบอกว่า มีชั้นลมปราณสีเขียว ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้!!"

"อืม..ในตอนแรกก็ไม่มีหรอก แต่ในช่วงที่เจ้าหมดสติไปร่วม 5 วัน มีการเปลี่ยนแปลงภายในหุบเขาเกิดขึ้น!!"

"นี่ข้าหมดสติไปนานขนาดนั้นเชียวหรือนี่ และมีสิ่งใดเกิดขึ้นในหุบเขา??"

"เราสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรชั้นลมปราณชั้นสีเหลือง ที่อยู่ภายในชั้นที่ 3 คาดว่ามันน่าจะออกจากการจำศีลแล้ว เลยมีสัตว์อสูรชั้นลมปราณชั้นสีเขียวบางส่วน หลบหนีมายังชั้นที่ 2 นี้ ถ้ำที่เราอยู่ในตอนนี้ใกล้กับทางเข้าชั้นที่ 3 เป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้พบเจอมันได้โดยง่าย"

เล้งซานพยักหน้าเล็กน้อย พลางตอบ

"แต่ที่สำคัญกว่าคือเราจะจัดการยังไงกับเจ้าสัตว์อสูรตรงปากทางเข้าทั้ง 3 ตัวนี้ ข้าในตอนนี้นั้นเหลือพลังกายไม่ถึง 2 ใน 10 ส่วน"

"เหอะ!! เจ้าลืมแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้ทำสิ่งใดอยู่ตั้งครึ่งปี"

เล้งซานใช้ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ที่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ ในช่วงครึ่งปีที่มันเรียนวิชาปรุงยา มันได้ปรุงยาไว้หลายชนิดเก็บไว้ในแหวนมิติ จากนั่นแหวนมิติของมันก็สว่างวาบขึ้น มันหยิบยาออกมา 2 เม็ด

มันคือยาฟื้นฟูพลังกายฉับพลัน และยาฟื้นฟูพลังลมปราณ มันตบยาทั้งสองเม็ดเข้าปากทันที ในเวลาไม่เกินสิบลมหายใจพลังกายและพลังลมปราณของมัน ฟื้นฟูมาเกือบ 5 ใน 10 ส่วน

จากนั้นเล้งซานรีบลบจิต และพลังของตน เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ทันที สัตว์อสูรลมปราณทั้ง 3 ตัวในตอนแรกก็ไม่ได้สนใจถ้ำนี้แต่อย่างใด แต่เมื่อเข้าในระยะมันก็ได้กลิ่นคาวของโลหิตอสูร ที่มาจากบ่อโลหิต และซากร่างของสัตว์อสูรที่เล้งซานเหลือทิ้งไว้

หนึ่งในพวกมัน เดินเข้ามาในถ้ำทันที สัตว์อสูรลมปราณชั้นสีเขียวตัวนี้ สูงกว่า 3 เมตรร่างกายกำยำ มีเขี้ยวขนาดใหญ่ ขนสีขาวปกคลุมทั่วร่างยกเว้นหน้าอกและช่วงท้อง ลักษณะโดยรวมบอกได้ทันทีว่าคล้ายกับวานรยักษ์ เล้งซานค่อยๆโคจรลมปราณอย่างช้าๆพลางคิดในใจ

'โจมตีก่อน ย่อมได้เปรียบ ต้องอาศัยช่วงเวลาชั่วพริบตาที่มันตกใจกับการจู่โจม หลบหนีออกไปให้ได้'

เล้งซานหลบตัวอยู่ข้างซอกผนังถ้ำ ทำให้มิอาจสังเกตเห็นได้โดยง่าย เจ้าวานรยักษ์ เห็นซากสัตว์อสูรก็ทำการซีกเป็นชิ้นๆและกัดกินทันที

เล้งซานจึงอาศัยจังหวะที่วานรยักษ์กำลังสนใจอาหาร เร่งลมปราณสิบส่วนเข้าไปที่หมัดขวา และซัดเข้าจังๆที่ชายโครงของวานรยักษ์ทันที โดยหวังให้มันหยุดชะงักเพียงชั่วพริบตาและจะทะยานร่างหนีไป แต่...

ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับสร้างความตกตะลึงให้เล้งซานอย่างมาก!! ร่างของวานรยักษ์ ที่ดูกำยำและสูงกว่า 3 เมตร น้ำหนักของมันย่อมไม่ต่ำกว่า 3,000 กิโล อย่างแน่นอน อีกทั้งมันยังเป็นถึงสัตว์อสูรชั้นลมปราณสีเขียว กลับถูกหมัดของเล้งซานที่มีเพียงพลังขั้นแรกสุดของชั้นลมปราณสีน้ำเงิน ส่งร่างของวานรยักษ์ปลิวตามแรงของหมัดกระเด็นไปร่วม 3 เมตรพร้อมกระแทกเข้ากับผนังถ้ำอย่างจัง!!

ตรึมมม

"เฮ้ย!! ทำไมร่างมันปวกเปียกเช่นนี้!!"

เล้งซานเบิกตากว้าง จนดวงตาทั้งสองแทบถลนออกจากเบ้า จากคราแรกที่ตั้งใจอาศัยการก่อกวนหลบหนีไป กลับกลายเป็นว่าภายในหมัดเดียว มันทำให้สัตว์อสูรชั้นลมปราณสีเขียวบาดเจ็บสาหัส!!

"ฮิฮิ เจ้าคิดว่าร่างมันปวกเปียกจริงๆหรอ"  เสียงเฟรย่าขบขันเล็กน้อย

"เฟรย่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!" เล้งซานกำหมัดแน่นพลางจ้องมองที่หมัดของตน

"เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าเมื่อเข้าสู่ชั้นลมปราณสีน้ำเงิน เจ้าจะได้รับพรกล้ามเนื้อแห่งมังกร"

"กล้ามเนื้อแห่งมังกร??"

"ใช่แล้ว กำลังกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างของเจ้าตอนนี้แข็งแกร่งเทียบเท่ามังกร ไม่ต้องเปรียบเทียบกับมนุษย์หรอก แม้จะเปรียบเทียบกับสัตว์อสูรก็ยังนับว่าแข็งแกร่งกว่ามากนัก!!"

"ให้ตายเถอะ!! ข้าเริ่มรู้สึกว่าข้าจะเริ่มห่างเหินจากคำว่ามนุษย์ธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ"

"เจ้ากังวล??"

"ดีใจแทบคลั่งตังหาก!!" เล้งซานแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว พลางกำหมัดไว้แน่น

ไม่ถึง สามลมหายใจ วานรยักษ์อีกสองตัวที่หน้าถ้ำก็วิ่งเข้ามาทันที แต่คราวนี้เล้งซานมิหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย มันดึงขวานทลายสวรรค์ออกมาจากแหวนมิติ แสงสีน้ำเงินของอักขระสาดส่องสว่างไปทั่วภายในถ้ำ

"ขวานทลายสวรรค์!!"

เล้งซานเกร็งพลังไว้ที่แขนและขว้างขวานไปสุดแรง

ขวานทลายสวรรค์หมุนด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าใส่วานรยักษ์ 1 ใน 2 ตัวนั้นด้วยความเร็วที่ตาเปล่ามองเห็นเป็นเพียงแค่แสงสีน้ำเงินที่วูบผ่านไปเท่านั้น!!

ตูบบบบบบบบบบบบ

ทันทีที่แสงสีน้ำเงินกระแทกเข้าที่ร่างของวานรยักษ์มันระเบิดพลังมหาศาลของอักขระออกมาทันที!!

ในความจริงพลังของขวานทลายสวรรค์เพียงพอให้วานรยักษ์ที่มีปราณขั้นสีเขียวในร่างบาดเจ็บสาหัสได้เท่านั้น แต่ด้วยกำลังแขนของกล้ามเนื้อแห่งมังกรของเล้งซาน ส่งผลให้ร่างของวานรยักษ์ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ตกตายภายใต้กระบวนท่าเดียว!!

แต่วานรยักษ์สุดท้ายก็เข้ามาประชิดระยะห่างจากเล้งซานเพียง สามก้าว หมัดขวาชั้นลมปราณสีเขียวของวานรยักษ์ตัวสุดท้ายถูกปล่อยออกมาเข้าใส่ร่างของเล้งซาน แม้เล้งซานสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับเลือกที่จะลองรับพลังนี้ไว้!! เล้งซานโคจรปราณมังกรบรรพตทันที

ตูบบบบบบบ

เสียงหมัดวานรยักษ์ที่กระแทกร่างของเล้งซานดังสนั่นไปทั่วภายในถ้ำ แต่..เล้งซานกลับมิได้ขยับแม้แต่ครึ่งก้าว

"ยอดเยี่ยม!!" เล้งซานแสยะยิ้มอย่างพอใจ

จากนั้นเล้งซานใช้มือขวาของมัน จับไปที่แขนของวานรยักษ์พร้อมเหวี่ยงออกไปนอกถ้ำ ด้วยกำลังแขนล้วนๆ กลับสามารถเหวี่ยงสัตว์ยักษ์ที่หนักหลายพันกิโลไปได้หลายสิบเมตร!!

"ฮ่าๆๆ กล้ามเนื้อแห่งมังกรช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!!"

เล้งซานกระโดดตามออกไปที่นอกถ้ำ ซัดหมัดขวาที ซ้ายทีใส่วานรยักษ์ไม่ยั้ง!! วานรยักษ์ที่ถูกต่อยตัวแรก อยู่ในถ้ำก็ได้สติขึ้นมา และพยายามพุ่งออกจากถ้ำเข้าหาเล้งซานทันที เล้งซานแสยะยิ้ม พลางโคจรปราณอัคคีแห่งมังกร ไว้ที่ฝ่ามือ

"วายุเพลิงมังกร!!"

ด้วยพลังลมปราณชั้นสีน้ำเงิน ทำให้วายุเปลวเพลิงสีฟ้าในครั้งนี้ ใหญ่โตและรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆมา ภายในถ้ำถูกอัดเข้าไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าในทุกตารางนิ้ว ครอบคลุมร่างของวานรยักษ์ จนสูญสลายไปภายในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ

เล้งซานหันมาหาวานรยักษ์ตัวสุดท้ายอีกครั้ง มือขวาที่คลุมด้วยเพลิงสีฟ้าอันคบกริบ ทะลวงเข้าที่หน้าอกของวานรยักษ์ในทันที และค่อยๆหยิบลูกแก้วขนาดเท่าปลายนิ้วหัวแม่มือ แต่ส่องประกายเปล่งไปด้วยแสงสีเขียวเรืองรอง ออกมาจากร่างของมัน วานรยักษ์ตัวสั่นสะท้านเล็กน้อยจากนั้นก็สิ้นลมทันที

"นั่นมัน ลูกแก้วดวงจิตอสูร" เสียงของเฟรย่าดังขึ้น

เล้งซานเก็บลูกแก้วดวงจิตอสูร ไว้ในแหวนมิติทันที จากนั้นก็ไปเก็บ อีก 2 ลูกที่ศพของวานรยักษ์ก่อนหน้านี้

"เจ้าเด็กน้อย เจ้าจะเก็บลูกแก้วดวงจิตอสูร ไปขายหรือ??"

"สำหรับท่านมันอาจเป็นเพียง อัญมณีเครื่องประดับที่มีราคา แต่สำหรับข้ามันไม่ใช่แค่นั้น" เล้งซานตอบพลางยิ้มเล็กน้อย

"เช่นนั้นมันมีประโยชน์ อะไรกับเจ้า??" น้ำเสียงของเฟรย่ายังคงดูสงสัย

"มันเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในวิชาอักขระกำกับ ลูกแก้วดวงจิตอสูรเกิดจากพลังที่ไหลเวียนในร่างของสัตว์อสูรลมปราณชั้นสูงตั้งแต่ชั้นสีน้ำเงินขึ้นไปเท่านั้น มันเป็นส่วนประกอบหลักของวิชาอักขระกำกับ และยังเป็นตัวกำหนดระดับของอาวุธอักขระอีกด้วย อย่างขวานทลายสวรรค์อันนี้ก็ใช้ลูกแก้วดวงจิตอสูรชั้นสีน้ำเงินขั้นสูง มาเป็นพลังของมัน"

"ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สนใจมันเพราะข้ายังไม่บรรลุชั้นลมปราณสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นเงื่อนไขแรกสุดที่จะใช้วิชาอักขระกำกับได้....."

.....................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด