ตอนที่ 35 ความทรมานอันไร้ที่สิ้นสุด
ณ หุบเขาหมื่นพฤกษา ภายในถ้ำขนาดใหญ่ แห่งหนึ่งภายในหุบเขา เล้งซาน กำลังนั่งกระทำการบางอย่าง ด้านหน้าของมันมีเศษซากสมุนไพรกว่า 47 ชนิดที่มีร่องรอยการเผาไหม้ จากการสกัดส่วนสำคัญในการปรุงโอสถ มือทั้งสองข้างของมันเปล่งประกายสีฟ้าจากปราณอัคคีแห่งมังกรออกมาอย่างต่อเนื่อง
ยางไม้ ใบไม้ รากไม้จำนวนมากลอยหมุนวนอยู่กลางอากาศด้วยการควบคุมของลมปราณ เปลวเพลิงสีฟ้าลุกไหม้ขึ้นเบาๆจากฝ่ามือ การหมุนวนของสมุนไพรค่อยๆถูกบีบอัด จนตอนนี้ส่วนสำคัญของสมุนไพรจำนวนมากถูกบีบอัดจนหลอมรวมกันเป็นเม็ดยา 4 เม็ดและถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีฟ้า
"อย่าเสียสมาธิ สังเกตสีของสมุนไพรให้ดี อย่าเผาสกัดจนไหม้มิเช่นนั้นคุณภาพของตัวยาจะลดลงเกินไป "
เสียงของเฟรย่า ดังขึ้นเพื่อแนะนำตลอดเวลา
จากนั้นไม่นานการเผาไหม้ของเปลวเพลิงก็หยุดลง เม็ดยาโอสถสีเขียวอมฟ้า ก็ปรากฏตรงหน้าของเล้งซาน กลิ่นของสมุนไพรลอยฟุ้งหอมอบอวล ไปทั่วบริเวณถ้ำ เล้งซานแสยะยิ้มอย่างพอใจ
"เป็นอย่างไรบ้าง เฟรย่า"
"อืม...ดีมาก เม็ดยาจันทราครามทั้ง 4 เม็ด ถูกสกัดคุณภาพเต็มสิบส่วน หากมีหมอเทวดาของมนุษย์เห็นยาทั้ง 4 เม็ดนี้ ย่อมกราบเจ้าเป็นอาจารย์อย่างแน่นอน!!"
"ยอดเยี่ยม!! อย่างน้อย 6 เดือนมานี้ ก็ไม่ทำให้ข้าสูญเปล่า เม็ดยา 4 เม็ดนี้เพียงพอให้ข้าขึ้นสู่ชั้นลมปราณสีน้ำเงิน ยิ่งหากรวมเข้ากับการบ่มเพาะของบ่อโลหิตอสูรด้วยแล้ว ย่อมมิอาจคาดเดาว่าจะสามารถบรรลุได้ถึงขั้นใดในลมปราณชั้นสีน้ำเงินเป็นแน่!!"
"อืม...แต่อย่าลืมว่า เจ้าสามารถกลืนกินมันได้เพียงเดือนละ 1 เม็ดเท่านั้น มิเช่นนั้นร่างกายและเส้นลมปราณของเจ้าจะทนรับการเปลี่ยนแปลงของลมปราณที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว"
ตอนนี้เวลาร่วงเลยมากว่า 6 เดือนแล้ว ความรู้วิชาการแพทย์และปรุงยากว่า 5 ใน 10 ส่วนของเฟรย่าถูกถ่ายทอดมายังเล้งซานโดยสมบูรณ์ แต่ด้วยสมุนไพรที่มีจำกัดในหุบเขาหมื่นพฤกษานี้ จึงทำให้เล้งซานไม่สามารถบรรลุความรู้ที่เหลือของเฟรย่า อีก 5 ส่วนที่เหลือต่อไปได้
เล้งซานยังคงอยู่ในชั้นลมปราณสีครามขั้นที่ 3 เฉกเช่นเดิม เพราะใช้เวลาทั้งหมด ครึ่งปีไปกับการศึกษาวิชาการแพทย์และปรุงยา ส่วนวิชาแปลงโฉมนั้นเล้งซานบรรลุตั้งแต่ 7 วันแรกของการฝึกฝนแล้ว
"เจ้าเด็กน้อย เจ้าพร้อมที่จะรับความทรมานจากบ่อโลหิตอสูรหรือยัง??"
คำถามนี้ทำให้เล้งซานกลืนน้ำลายตัวเองเล็กน้อย พลางมีเหงื่อที่ผุดออกจากหน้าผาก
"โธ่~ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกสักร้อยปีข้าก็ไม่พร้อมหรอก แต่ข้าจำเป็นต้องลง!!"
"ฮิฮิ..อย่างไรซะด้วยสมุนไพรในป่า เราไม่สามารถสอนวิชาปรุงยาให้เจ้าได้มากกว่านี่แล้ว นอกเสียจากจะเดินทางไปยังที่ๆมีสมุนไพรมากมายกว่านี้ หากเจ้าพร้อม เราก็เริ่มการบ่มเพาะกันเลย"
เฟรย่าขบขันเล็กน้อย
เล้งซาน ได้เตรียมการสร้างบ่อโลหิตอสูรในทันที ตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องให้เฟรย่าแนะนำใดๆ มันใช่เวลาตระเวนหาสมุนไพรกว่า 20 ชนิดใน 2 วันและจับสัตว์อสูรชั้นลมปราณสีครามขั้นกลางมา 1 ตัว ขั้นสูง อีก 1 ตัว จากนั้นก็เริ่มทำการขุดบ่อทันที ขั้นตอนทั้งหมดถูกสรรค์สร้างเป็นที่เรียบร้อย สิ่งเดียวที่ยังขาดอยู่คือ ความกล้าเท่านั้น!!
เล้งซาน ยืนจ้องมองบ่อโลหิตอสูรพลางหัวเราะอย่างขมขื่น
"เฟรย่า คงไม่มีเคยมีใครตายจากการลงบ่อโลหิตอสูรสีคราม ใช่หรือไม่??"
"เพียง 1 ใน 10 คน" เฟรย่าตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
เล้งซานถอนหายใจเล็กน้อย
"อย่างน้อยข้าก็มีโอกาสรอด ถึง 9 ส่วน"
"เพียง 1 ใน 10 ที่รอดตังหากเล่าเจ้าโง่ ฮ่าๆๆ"
"มารดามันเถอะ!!"
ยิ่งยื้อเวลา ความกล้ายิ่งหดหาย เล้งซาน กัดฟันและโดดลงบ่อโลหิตอสูร ทันที จนกระทั่งเวลาผ่านไป สิบลมหายใจ การกัดกินที่เปรียบดังแมลงนับล้านตัวก็บังเกิดขึ้น!!
"อ๊ากกกก!!"
ใบหน้าที่แดงก่ำของเล้งซาน และเส้นโลหิตที่ปูดบวมทั่วร่าง บ่งบอกถึงความอดทนได้อย่างไม่ต้องการคำอธิบาย ความทรมานนั้นมากมายกว่าคราวก่อนอย่างมิต้องสงสัย ขนาดเล้งซานที่ร่างกายแข็งแกร่งจากพลังลมปราณที่เพิ่มขึ้นกว่าคราวก่อน ยังมิอาจหยุดยั้งความทรมานที่ได้รับลงแม้แต่น้อย
"โคจรปราณมังกรบรรพตสิ เจ้าโง่!!" เสียงเฟรย่าร้องตะโกนขึ้น
แต่เสียงนั้นมิได้เข้าหูของเล้งซาน แม้แต่นิด มันนั้นมิได้หลงลืมว่าปราณมังกรบรรพตจะช่วยให้มันลดการทรมานลงกึ่งนึง เพียงแต่มันในตอนนี้อย่าว่าแต่โคจรปราณมังกรบรรพตเลย แม้แต่จะหายใจเข้ายังเต็มไปด้วยความยากลำบาก!!
เวลาที่ผ่านไปเพียงสิบลมหายใจนั้นสำหรับเล้งซานยาวนานนับแรมปี แต่มันก็มิได้ขยับร่างออกจากบ่อโลหิตแม้แต่น้อย กลับยิ่งกัดฟันมุดหัวลงไปในบ่อเพื่อเพิ่มระดับความทรมานมากขึ้น โดยหวังจะให้เคยชินกับความทรมานให้เร็วที่สุด
จนเวลาผ่านไปราว 1 ก้านธูป มันจึงค่อยโผล่ศีรษะขึ้นมาด้วยร่างที่สั่นเทา แต่กระนั้นมันก็ยังคงมิได้โคจรปราณมังกรบรรพต
"เหตุใดเจ้าไม่โคจรปราณมังกรบรรพต??"
"หะ..หาก ข้ามิอาจ ทะ...ทนความเจ็บปวดระดับนี้ นะ..ในอนาคตข้าย่อมมิอาจทนบ่อโลหิตอสูรชั้นสีน้ำเงิน ละ...และชั้นสีเหลือง ฉะ...ฉะนั้นแล้ว ข้าจะไม่โคจรปราณมังกรบรรพต หากไม่ถึงที่สุด"
ริมฝีปากของเล้งซานสั่นไปมา จากนั้นแสงประกายจากแหวนมิติก็สว่างวาบขึ้น เล้งซานดึงเม็ดยาจันทราคราม ออกมา 1 เม็ด
"อย่าทำเช่นนั้น!!" เสียงตื่นตระหนกของเฟรย่าร้องดังขึ้น
เล้งซานมิได้สนใจฟังแต่อย่างใด มันตบเข้าปากในทันที เม็ดยาหลอมละลายเป็นน้ำภายในปาก และค่อยๆไหลลงสู่ลำคอ อย่างรวดเร็ว
"อ๊ากกกก!! "
ความเจ็บปวดทวีคูณขึ้นอีกหลายเท่า การดูดซับพลังจากเม็ดยาเพื่อเพิ่มระดับชั้นลมปราณ ย่อมมีความทรมานมิแตกต่างจากบ่อโลหิตอสูร แม้เฟรย่ายังไม่คาดคิดว่าเล้งซานจะกระทำการทั้งสองอย่างโดยพร้อมกัน!!
ยังมิจบแค่นั้น...เล้งซาน ในตอนนี้ที่ดวงตาแดงก่ำด้วยเส้นเลือดที่ขึ้นมาแดงฉานจนแทบมองไม่เห็นสีขาวของลูกตา ตวัดมือโดยใช้ลมปราณเชือดเฉือนเนื้อของสัตว์อสูรและนำมากินในทันที!!
ภาพที่เฟรย่าเห็นนั้น สะท้านถึงความมุ่งมั่นที่ทะยานสูงเทียบฟ้าของเล้งซาน นางมิอาจหาคำพูดใดบรรยายสิ่งที่ผู้เยาว์อายุ 16 นี้กระทำลงไปได้
'เจ้าเด็กน้อย ความมุ่งมั่นของเจ้านี้ เหนือกว่าบุรุษทั้งปวงที่เราเคยพบเจอตลอดอายุ ช่างเป็นความมุ่งมั่นที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก'
จวบจนเวลาผ่านไป 7 วัน เล้งซานยังคงมิได้ขยับร่างออกจากบ่อโลหิตแม้แต่ครั้งเดียว อาจพูดไว้ว่าประสาทรับรู้ความเจ็บปวดของมันนั้นด้านชาไปแล้ว แม้ในอดีตมีผู้รอดจากการบ่มเพาะพลังในบ่อโลหิตอสูรนี้มากมาย แต่ไม่เคยมีผู้ใดที่แช่ในบ่อเป็นเวลาเนิ่นนานหลายวัน โดยมิได้ขยับออกจากบ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ร่างของเล้งซาน สงบนิ่ง มิได้สั่นเทาแม้แต่น้อยมันยังคงบ่มเพาะพลังชั้นสีครามจนทะยานขึ้นอย่างมิอาจคาดเดา แต่แล้วมันก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น แสงสว่างวาบขึ้นที่แหวนมิติของมันอีกครั้ง มันหยิบเอาเม็ดยาจันทราครามมาถือไว้ในมืออีก 1 เม็ด
"อย่าแม้แต่จะคิด!! เจ้าลืมคำเตือนของเราไปแล้วหรือ ว่าเม็ดยาจันทราครามนั้น ต้องเว้นระยะการดูดซับอย่างน้อย 1 เดือน!! มิเช่นนั้นเส้นลมปราณของเจ้าจะฉีกขาด จากพลังของเม็ดยา"
"ข้ารู้จักร่างกายของข้าเองมากกว่าผู้ใด!! เส้นลมปราณของข้านั้นผิดปรกติ มันมีความหนาและยืดหยุ่นกว่าคนปรกติหลายเท่า ข้ามั่นใจว่ามันสามารถรองรับพลังของเม็ดยาได้อย่างแน่นอน ขอเพียงข้าทนความเจ็บปวดได้ ย่อมไม่มีสิ่งใดที่ข้าทำไม่ได้!!"
เล้งซานตบเม็ดยาจันทราครามเข้าปากทันที!! เมื่อเม็ดยาละลายไหลเข้าสู่ลำคอ เล้งซานรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนของเส้นลมปราณในทันที การขยายตัวอย่างฉับพลันของเส้นลมปราณ ย่อมหมายถึงความทรมานของอวัยวะภายใน ความเจ็บปวดภายนอกย่อมมิอาจเทียบได้แม้แต่ 1 ใน 10 ส่วน!!
เล้งซานดิ้นพร่านภายในบ่อโลหิตอสูร อย่างบ้าคลั่ง แต่มิได้ร้องออกมาเลยแม้แต่น้อย ความอดทนของมันมิอาจสรรหาหรือบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!! แม้เส้นลมปราณจะขยายตัวมากขึ้นอีกหลายเท่า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะระเบิดออก ความทรมานจากการซึมซับตัวยายาวนานต่อเนื่องหลายวัน
จนเวลาบัดนี้เวลาร่วงเลยไปอีก ครึ่งเดือน ประกายแสงสีน้ำเงินค่อยๆกระจายออกจากร่างของเล้งซาน และสาดส่องไปทั่วภายในถ้ำ
'บรรลุชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นที่ 1'
เล้งซานยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ จากนั้นก็หอบเอาร่างขึ้นมาจากบ่อโลหิตอสูรด้วยท่าทีอิดโรยอย่างมาก และค่อยๆทรุดตัวลง หมดสติอยู่ที่ข้างบ่อ...
............................................................