ตอนที่แล้วตอนที่ 33 อตีดเมื่อสี่ปีก่อนของคอนเนอร์(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 การถกเถียงของเหล่าหัวหน้า(อ่านฟรี)

ตอนที่ 34 ทีมของเบรนเดอร์(อ่านฟรี)


ตอนที่ 34 ทีมของเบรนเดอร์

ขณะที่คอนเนอร์ออกไปไม่นาน เรย์ โบเวนและฟาริสก็ตรวจเช็คอุปกรณ์ทุกอย่างตามระเบียบจนเสร็จและกำลังจะขึ้นไปชั้นบนที่ห้องพักทีม

แต่ในตอนนั้นประตูทางเข้าออกชั้นใต้ดินก็เปิดขึ้น และมีรถหุ้มเกราะหกล้อคันหนึ่งขับเข้ามาด้านใน รถหุ้มเกราะเลี้ยวเข้ามาจอดยังลานจอด

รถหุ้มเกราะที่ทุกทีในหน่วยงานนักล่าความตายใช้จะเป็นรูปแบบเดียวกันหมด เพื่อให้ง่อยต่อการบำรุงรักษาและการใช้งาน แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีการปรับเปลี่ยนไปตามความชอบเช่นสีของรถหุ้มเกราะที่เข้ามานี้เป็นสีดำด้านทั้งคัน ให้ความรู้สึกดุดันและเท่ไปพร้อมกันในตัว

เมื่อรถหุ้มเกราะจอดสนิทประตูรถทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับก็เปิดออก ผู้ที่ก้าวเดินลงมามิใช่ใครอื่น ๆ แต่เป็นเบรนเดอร์

เบรนเดอร์ก้าวออกจากรถ ก่อนจะปรายตามองเรย์และอีกสองคนด้วยใบหน้านิ่งเฉย

“สวัสดีครับหัวหน้าเบรนเดอร์” ฟาริสหยุดมือหันมาทักทายเบรนเดอร์

“สวัสดีครับหัวหน้าเบรนเดอร์” โบเวนเองก็ทักทายตามหน้าที่เช่นกัน

“สวัสดีครับหัวหน้าเบรนเดอร์” เรย์ยิ้มทักทาย ก่อนจะมองไปยังเบรนเดอร์ชายผู้ที่แข็งแกร่งสุด ๆ ตรงหน้า แต่เขาก็ไม่จ้องไปที่เบรนเดอร์ตรง ๆ เพราะอย่างไรเบรนเดอร์ก็มีสถานะเป็นหัวหน้าทีมที่สูงกว่าพวกเขาขั้นหนึ่ง ถึงอย่างนั้นเรย์ก็สังเกตเบรนเดอร์ได้อย่างละเอียด

ชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูงที่ปรับแต่งมาให้เหมาะสมกับตัวเอง

คู่กายคือมีดกางเขนที่มีคมมีดยาว 10 นิ้วจำนวน 12 เล่มที่ด้ามจับของมีดกางเขนแต่ละเล่มมีโซ่เส้นเท่านิ้วก้อยซึ่งขอบโซ่คมเหมือนใบเลื่อยยาวเส้นละสิบเมตรติดอยู่ทุกเล่ม ด้านหลังมีซองเก็บมีดแบบพิเศษด้านหลังชุดเกราะ ซองมีดแบ่งออกเป็นสองฝั่ง เก็บมีดกางเขนได้ฝั่งละ 6 เล่ม ส่วนสายโซ่นั้นม้วนเก็บไว้ด้านหลังด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้นที่เอวยังมีปืนพกกึ่งอัตโนมัติ โตกาเรฟ หรือ TT-33 อีกกระบอก

นอกจากเบรนเดอร์แล้ว ยังมีสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ อีกที่ลงมาจากรถ

คนแรกเป็นชายผมสีน้ำตาลทรงผมแบบเซิร์ฟ คัท ดวงตาสีเขียว ร่างสูงผอมบาง ใส่ชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูง ที่เอวด้านหนึ่งมีดาบคาตานะสองเล่มติดอยู่ ส่วนอีกข้างมีปืนพกกึ่งอัตโนมัติ โตกาเรฟ หรือ TT-33 อีกกระบอก นอกจากนั้นยังมีอาวุธคู่กายอีกกระบอกคือ ปืนเล็กยาว Karabiner Mauser Kar98K หรือเรียกง่ายว่า ๆ คาราไบน์เนอร์ เค 98 ท่าทีของชายคนนี้ดูสงบนิ่ง แต่ภายในกลับซ่อนความบ้าคลั่งเอาไว้อย่างชัดเจน

คนต่อมามีรูปร่างสูงใหญ่คล้ายกับหมียักษ์ หัวโล้น หนวดเครายาวรุงรัง ปากคาบซิการ์ สวมชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูง มีระเบิดมีติดอยู่รอบตัว ที่ไหล่มีสายกระสุนปืนขนาด 50 นัด เป็นกระสุน 7.92 มม.พลาดอยู่ ในมือของเขาถือปืนกล MG 42 เดินออกมาจากหลังรถ

คนสุดท้ายทำให้เรย์ถึงกับเผยสีหน้าแปลกใจออกมาพอสมควร เพราะกลับเป็นเพียงหญิงสาวที่อายุพอ ๆ กับเรย์ ทรงผมสั้นกุดที่ให้ลุคดูทอมบอยหน่อย แต่สีผมของเธอนั้นดูโดดเด่นมากเป็นพิเศษ เส้นผมเป็นสีแดงคล้ายกับเปลวเพลิง ตัวของหญิงสาวไม่สูงมากนักประมาณ 165 เธอมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นที่สูงลิบ จนแม้แต่เขาก็ยังต้องเงยหน้ามอง

ชุดเกราะที่สวมก็เหมือนกับคนอื่นในทีม แต่ที่เอวของเธอมีกระเป๋าของผู้ใช้เวทมนตร์ ซึ่งหมายความว่าเธอเป็นผู้ใช้พลังเวทมนตร์เช่นเดียวกับเรย์

ข้างเอวมีปืนพก M1911A1 แบบที่เขาใช้อยู่ด้วย เรย์เริ่มจะคิดว่าผู้ใช้เวทมนตร์อาจจะชอบใช้ปืนรุ่นนี้กัน

รูปแบบทีมของหัวหน้าเบรนเดอร์คล้ายกับของทีมคอนราดเป็นอย่างมาก แต่เรย์ก็ไม่รู้ชื่อสมาชิกในทีมของเบรนเดอร์ เพราะเขาไม่เคยเจอคนในทีมของเบรนเดอร์มาก่อน

คนทางฝั่งเบรนเดอร์ก็สังเกตเรย์เช่นกัน แต่ทางฝั่งนั้นแสดงออกอย่างเหนือกว่าอย่างชัดเจน และไม่คิดจะแนะนำตัวแต่อย่างใด เพราะดาวที่ติดบนชุดตรงไหลขวาของพวกเขา

ทีมของเบรนเดอร์เป็นทีมระดับ ทองแดง 2 ดาว เหนือกว่าของหัวหน้าคอนราดสองระดับที่เป็นทีมระดับเหล็กสามดาวเท่านั้นและของหัวหน้าไดร่าหนึ่งระดับที่เป็นทีมทองแดงหนึ่งดาว

แสดงให้เห็นว่าสมาชิกในทีมของเบรนเดอร์นั้นอาจจะทรงพลังกว่าหัวหน้าหน่วยซะอีก และนี่คือความแตกต่างของการจัดอันดับดาวของทีมในหน่วยงานนักล่าความตาย แต่ถึงแบบนั้นเพียงแค่ความแข็งแกร่งก็ไม่อาจจะเป็นหัวหน้าทีมในหน่วยงานนักล่าความตายได้

เพราะหน่วยงานนักล่าความตายมีสิ่งที่ให้ความสำคัญมากกว่าความแข็งแกร่งคือ ผลงาน และความเหมาะสม

บรรยากาศรอบตัวน่าอึดอัดเกินบรรยาย

ในตอนนั้นเสียงของโทรศัพท์ที่โต๊ะของคอนเนอร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกสายตาไปหยุดอยู่ที่โทรศัพท์เครื่องนั้น เบรนเดอร์ไม่รอช้าเดินเข้าไปรับสาย ก่อนที่จะวางลงและกล่าว

“จัดการให้เสร็จแล้วไปเจอกันข้างบน” เบรนเดอร์กล่าวจบก็เดินขึ้นลิฟต์ไปในทันที

ลูกทีมทั้งส่ามของเบรนเดอร์จัดการเรื่องของคนเองและยุทโธปกรณ์จนเสร็จก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไป แน่นอนว่าทั้งสามพยักหน้าทักทายตามมารยาทให้กับเรย์และพวก

หลังจากทั้งสามไปในห้องก็ไม่น่าอึดอัดอีก

“คนจากสำนักงานใหญ่แข็งแกร่งจริง ๆ” ฟาริสกล่าว

“นายสองคนเห็นเปล่า คนในทีมหัวหน้าเบรนเดอร์คล้ายกับของเราเลย โดยเฉพาะนาย ฟาริส ฮ่า ๆ” โบเวนหัวเราะใส่ฟาริส

“อืม” เรย์พยักหน้าสนับสนุน

“แต่ของนายก็มีไม่ใช่หรือไง” ฟาริสหมายถึงชายรูปร่างหมียักษ์หัวล้านคนนั้น

โบเวนรูปหัวของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาดัง ๆ และกล่าว “แต่ฉันยังหนุ่มดังนั้นไม่มีทางเหมือนอยู่แล้ว แต่ฉันเคารพเขานะ เพราะชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก”

“ไม่แน่ ถ้าอายุมากขึ้นอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้” เรย์พูดออกมา

“คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกมั้ง” โบเวนพูดอย่างไม่แน่ใจ

“มีใครในครอบครัวที่หัวล้านไหม” เรย์ถามอีกครั้งขณะที่เดินไปที่ลิฟต์พร้อมกับทั้งสอง

“เออ...ที่บ้านมีคนหนึ่ง ตาของฉัน”

ทั้งเรย์และฟาริสมองหน้ากัน ฟาริสตบไปที่ไหล่ของโบเวนด้วยแววตาสงสาร

โบเวนงงกับการกระทำของฟาริส

เรย์เองก็ยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะมองไปที่โบเวนแบบเดียวกับฟาริส

“ไอ้แววตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงวะ มันไม่ใช่ว่าตาของฉันจะหัวล้านแล้วฉันจะต้องหัวล้านสักหน่อย ตอนนั้นพ่อของฉันอายุ 50 กว่าแล้วผมยังไม่ล้วงเลย” โบเวนพูดเสียงดังรีบเดินตามเข้าลิฟต์ไป

...

ชั้น 4

ห้องผู้จัดการหน่วยงานนักล่าความตาย ประจำสาขาเมืองเรซี ผู้จัดการซีน่อน

“สัญลักษณ์กลับมาแล้ว และดูเหมือนพวกมันจะมีแผนการบางอย่าง” คอนราดกล่าว ขณะที่เขี่ยขี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่

“คุณแน่ใจนะว่านั้นคือรอยสักของลัทธิมืด” ไดร่าถาม

“แน่นอน แถมพวกมันยังพูดถึงใครบางคนที่เรียกว่า นายท่าน และพลัง หลังจากที่โดนซอมบี้กัด” คอนราดกล่าวเสริม พยายามนึกถึงคำพูดของคนเร่ร่อนคนนั้นที่เขาปลิดชีพไป

“ลุงคอนเนอร์ คุณคิดว่าพวกนั้นคิดจะทำอะไร” เสียงของหนีขาวแหลมเล็กดังขึ้นมา

“พวกลัทธิมืดเป็นกลุ่มที่เชื่อว่า โลกกำลังจะถึงจุดจบ ทุกชีวิตต้องตาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการการเป็นส่วนหนึ่งของมัน เพื่อทำให้มนุษย์รอดต่อไปในโลกนี้ ตอนนั้นผมเคยเห็นคนในชุดดำที่ถูกเรียกว่า นายท่าน เป็นพวกที่สามารถอยู่ร่วมกับซอมบี้ได้ โดยที่พวกซอมบี้ไม่ทำการโจมตีพวกเขา คนพวกนี้ยังมีแข็งแกร่งมากเหมือนกับผู้มีพลัง แต่การมีพลังและการเป็นส่วนหนึ่งของซอมบี้กลับทำให้พวกเขาไม่ใช้มนุษย์อีกต่อไป พวกเขาต้องกินเนื้อมนุษย์เพื่อคงสติและจิตใจ ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นซอมบี้ บางทีพวกเขาอาจจะยากเปลี่ยนคนอื่น ๆ ให้เป็นแบบเดียวกับตนก็ได้” คอนเนอร์กล่าว

“พวกเขาอันตรายเกินไป” คอนเนอร์กล่าว

“อันตรายแล้วอย่างไร ลัทธิมืดก็แค่พวกพ่ายแพ้ เราเคยฆ่าพวกมันที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่งก็สามารถฆ่าได้อีก” เสียงดังขึ้นในห้อง พร้อมกับเบรนเดอร์ที่เปิดประตูเข้ามา

“ถ้าคุณผู้จัดการอนุญาต ผมยินดีจะไปตามล่าพวกลัทธิมืดให้เลยในตอนนี้”

“ไม่ได้ ถ้าเกิดการปะทะกันนั้นจะทำให้ทั้งเมืองโกลาหล จะมีคนตายจำนวนมาก” เสียงของหนูสีขาวดังขึ้น

“ผู้จัดการผมเข้าใจนะว่าหน่วยงานนักล่าความตายทำงานแบบปกปิดตัวตน แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีการ ถ้าสำนักงานใหญ่รู้เรื่องนี้พวกเขาก็จะใช้วิธีนี้เช่นกัน”

“เสียสละบางส่วนเพื่อปกป้องผู้คนส่วนใหญ่นะเหรอ” คอนเนอร์กล่าวด้วยคำพุดแดกดัน

“หึ! นายแค่หัวหน้าหน่วยตัวเล็ก ๆ อย่าพูดมากดีกว่า ลืมไปแล้วหรือไงว่านายก็คือคนที่รอดตายมาเพราะการเสียสละเช่นกัน” เบรนเดอร์พูดด้วยความเย้ยหยัน

คอนราดมองเบรนเดอร์ด้วยสายตาที่เย็นชา เบรนเดอร์เห็นดังนั้นจึงไม่สบอารมณ์อย่างมาก คลื่นพลังจิตในห้องสั่นไหว

แต่ในตอนนั้นเองพลังจิตก็กระจายออกมาจากหนูสีขาวกวาดซัดคลื่นพลังจิตทั้งหมดในห้องหายไปไม่มีเหลือ เสียงของหนูขาวดังขึ้นอีกครั้ง

“เบรนเดอร์ ตอนนี้คุณไม่ใช่คนของสำนักงานใหญ่อีกแล้ว แต่เป็นหัวหน้าทีม หนึ่งในทีมนักล่าความตาย สาขาเมืองเรซี ดังนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก คุณจะต้องรับผลที่ตามมา”

เบรนเดอร์ที่หยิ่งทรงนงถึงกับรู้สึกกดดันแผ่นหลังชุ่มเหงื่อ เพราะไม่คิดว่าพลังของไอ้หนูที่เขาไม่เจอมานานจะมาถึงขั้นนี้แล้ว

“ลืมอะไรไปอย่างหนึ่งหรือเปล่า”

ในตอนนั้นเสียงของไดร่าก็ดังขึ้นมา ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดในห้องหายไป ทุกคนหันมาสนใจเธอในทันที

“พูด” เบรนเดอร์กล่าวด้วยเสียงที่เหนือกว่า

แต่มันกลับไม่ได้สร้างความกดดันต่อไดร่าแม้แต่น้อย เธอมองไปที่เบรนเดอร์ก่อนจะกล่าวต่อว่า “รอยแยกมิติ?”

ทันทีที่คำว่ารอยแยกมิติออกมา ก็ทำเอาสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ยกเว้นเบรนเดอร์ที่ยังไม่เข้าใจ

“เบรนเดอร์ คุณพึ่งมาที่นี่ไม่กี่วัน ดังนั้นจึงยังไม่คุ้นเคยกับเมืองเรซีมากนักและยังไม่ได้อ่านข้อมูลหรือจุดเกิดรอยแยกของเมืองเรซีดังนั้นจึงอาจจะยังไม่รู้ว่า ช่วงหลังมานี้รอยแยกที่เกิดขึ้นนั้น กว่า 60 % คือสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำที่เดิม และตัวเลขกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

“นี่มัน แทบจะไม่น่าเชื่อ” คิ้วของเบรนเดอร์ขมวดไม่รู้ตัว เขายังพูดต่อ “การเกิดขึ้นของรอยแยกมิติในจุดเดียวกันนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้ มันเป็นเหมือนกับการปล่อยเข็มสองเล่มลงไปพร้อมกันในทะเลที่บ้าคลั่ง แล้วหวังว่าพวกมันทั้งสองจะจมลงไปยังตำแหน่งเดียวกันอย่างแม่นยำไม่มีการคาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียว นั้นแทบเป็นไปไม่ได้”

“แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคนหาวิธีได้แล้ว กุญแจสำคัญคือสิ่งนี้” ไดร่าหยิบกล่องโลหะเล็ก ๆ ออกมา ภายในบรรจุดวงตามิติเข้าไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด