ตอนที่ 33 อตีดเมื่อสี่ปีก่อนของคอนเนอร์(อ่านฟรี)
ตอนที่ 33 อตีดเมื่อสี่ปีก่อนของคอนเนอร์
เมื่อโบเวนได้ยินคำพูดของคอนราด ก็มีสีหน้าลังเลปรากฏขึ้นมาในทันที แต่สุดท้ายโบเวนก็ถอนหายใจท่าทางปลงใจ พยักทำตามคำบอกของหัวหน้าคอนราด
โบเวนอยู่กับคอนราดมานานมากที่สุดในสมาชิกทีมทั้งหมด จึงรู้ว่าหัวหน้าคอนราดเป็นคนอย่างไรมากกว่าคนอื่น ๆ
ที่จริงในใจคอนราดก็ทั้งโกรธและหดหู่กับสิ่งที่เห็น แต่เพราะความเป็นหัวหน้าจึงทำให้เขาต้องตัดสินใจแบบนั้น
โบเวนยื่นมือไปกดวิทยุสื่อสารตรงหน้าอกเหนือราวนมติดต่อไปหาฟาริสที่อยู่บนที่สูง
“นายเห็นใครรอบ ๆ อีกไหม พวกมันอาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพวกนี้ก็ได้” โบเวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ อันที่จริงโบเวนแค่อยากจะตามจับพวกบ้านี่มาอัดสักสองสามหมัดเพื่อระบายความโกรธในใจ
ฟาริสกวาดสายตาไปรอบลานขยะผ่านกล้องเล็งบนปืน M1 GARAND แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรของสิ่งมีชีวิต แม้แต่หนูหรือแมลงสาบสักตัวก็ยังหายากมา เพราะส่วนใหญ่พวกมันต่างตกใจหนีหายกันไปหมดตั้งแต่รอยแยกมิติเปิดขึ้น
“ไม่มีใครแถวนี้ ที่นี่เงียบเกินไปจนน่ากลัวเลยแหละ”
“กระจายกันไปหารอบ ๆ เผื่อจะเจอกับเบาะแสที่พวกนี้ทิ้งไว้สักชิ้น ก่อนที่ฟินตันจะนำกองกำลังมาถึงและเก็บกวาดเราค่อยกลับไปฐานก็แล้วกัน” คอนราดติดต่อกลับไปบอกกับฟาริสด้วยวิทยุของตน ก่อนจะสั่งเรย์และโบเวนที่อยู่ข้าง ๆ ด้วย
“ได้ครับหัวหน้า”
เรย์ โบเวนและฟาริส ทั้งสามตอบรับพร้อมกันก่อนจะทำหน้าที่ของตนในทันที
การมองหาเบาะแสที่ไม่รู้ว่าอะไรนั้นยากมาก พวกเขาจึงต้องตรวจดูแทบจะทุกอย่างที่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ลานขยะ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอเบาะแสที่ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่าด้วยซ้ำ
เรย์เดินถอยออกมาจากถังไม้ ก่อนที่สายตาของเขาเหลือบไปมองที่ข้อมือของศพหนึ่งในคนเร่ร่อนอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็สังเกตเห็นถึงบางสิ่งที่ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่ทันจะฉุกคิด
รอยสักพวกนั้น...??
ศพของพวกเขามีรอยสักที่ข้อมือ แต่เลือดพวกนี้มันเลอะจนแม้แต่เราที่อยู่ใกล้ ๆ ยังยากจะมองออกว่าเป็นรอยสัก...เรย์เดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ ศพ ฉีกดึงเอาเศษชายเสื้อเก่า ๆ ของจากศพ มาเช็ดไปที่แขนของศพคนเร่ร่อน
หลังจากเลือดถูกเช็ดออกไป...เผยให้เห็นรอยสักวงแหวนสีดำขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร มีงูที่ยากจะระบุชนิด สีดำทมิฬลวดลายทรงบรรพกาลเก่าแก่ เลื้อยพันรอบวงแหวนสีดำ
นี่คือความรู้สึกที่เรย์รู้สึกเมื่อเห็นรอยสักนี้เป็นครั้งแรก นอกจากนั้น ลวดลายบนตัวงูรอยสักให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายกับเรย์
คิ้วของเรย์ขมวดชนกันและเริ่มไตร่ตรองลวดลายบนตัวงูรอยสักอย่างสนใจ
มันเหมือนกับอักษรเวทมนตร์...แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว รอยสักพวกนี้เป็นแค่ของธรรมดาเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกนี้สักตามตั้งหากที่ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกโบราณ แปลกจริง ๆ ที่คนเร่ร่อนผู้นี้มีรอยสักที่ดูลึกลับ
ในยุคสมัยนี้แม้จะมีการสักลวดลายบนตัวกันอยู่ แต่รอยสักแทบจะทั้งหมดนั้นจะมีความหมายถึงอะไรสักอย่าง เช่นรอยสักประจำ กลุ่ม องค์กร หรือแม้แต่รอยสักประจำตระกูลตัวเอง
ดังนั้นรอยสักพวกนี้ก็น่าจะมีความหมายเหมือนกัน
เดี๋ยว รอยสักประจำตระกูล ไม่น่าใช่ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นองค์กร
เรย์จมลงสู่ห้วงสมาธิ...จนกระทั่งคอนราดก็เดินเข้าหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเรย์ที่กำลังนั่งจ้องศพมาสักพักแล้ว
“เจออะไรไหม” คอนราดถามพร้อมกับปากที่คาบบุหรี่อยู่
เรย์เงยหน้ามองคอนราด ก่อนจะพยักหน้านิ้วชี้ไปที่รอยสักบนข้อมือของศพ
“ชายคนนี้มีรอยสักแต่ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง แต่อาจจะมีความหมายถึงองค์กรหรือกลุ่มอะไรสักอย่าง”
“รอยสัก? องค์กร!” คอนราดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเดินไปดูศพอื่น ก่อนจะเจอรอยสักแบบเดียวกันกับศพที่เรย์ชี้ให้ดู
“ไปตรวจดูศพที่เหลือว่ามีรอยสักแบบเดียวกันนี้ไหม โบเวนรีบมาตรวจดูศพพวกนี้ด้วย” คอนราดกล่าวด้วยความเคร่งเครียด ก่อนจะรีบไปดูศพชายเร่ร่อนด้านข้างตัวเอง
เรย์ไปตรวจดูศพคนเร่ร่อนทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นศพหญิงสาวเร่ร่อนเนื้อตัวมอมแมม ใบหน้ามีรอยแผลเป็นถูกกรีดอย่างน่ากลัว สภาพร่างผอมแห้งหนังหุ้มกระดูก
หลังจากเปิดดูแขนขาที่อยู่ภายใต้ผ้าเสื้อผ้าเก่าขาดและมีกลิ่นฉุน เรย์ก็เจอกับรอยสักที่ดูเหมือนจะพึ่งสักได้ไม่นาน
เป็นรอยสักแบบเดียวกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
เรย์ค้นศพต่อไปก็เจอ
“หัวหน้าศพพวกนี้มีรอยสักเหมือนกันหมด”
“หัวหน้าศพนี้ก็มี”
“ศพนี้ก็มี”
“มันมีทุกศพเลย”
ทุกคนหยุดยืนมองไปที่รอยสักสีดำพวกนี้โดยไม่ชอบมาพากล
ศพทั้ง 20 ศพถูกตรวจสอบตามร่างกายก็เจอกับรอยสักแบบเดียวกัน บ้างที่หลังคอ บ้างที่หน้าอก บ้างก็ที่แผ่นหลัง แม้จะต่างที่แต่ก็เป็นรอยสักแบบเดียวกัน
หลุมดำและงูสีทมิฬ
“หัวหน้าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณรู้เกี่ยวกับรอยสักพวกนี้อย่างนั้นหรือครับ” เรย์ถามอย่างสงสัย โบเวนและฟาริสเองก็ด้วย
“อืม แต่ตอนนี้ รีบเก็บเลือดสีขาว เราจะกลับไปที่หน่วยงานนักล่าความตาย เพราะตอนนี้พวกเรากำลังจะเจอปัญหาร้ายแรงสุด ๆ เลย” คอนราดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังมากกว่าทุกที
ทุกคนรับรู้ได้ถึงความตึงเครียด กดดัน และหวาดหวั่นที่คอนราดส่งออกมาได้กันทั้งหมด ทำให้เรย์ ฟาริสและโบเวนรู้สึกไม่สบายใจสุด ๆ
...
หลังจากกลับมาถึงโรงแรมนักล่าผ่านทางเข้าออกทางชั้นใต้ดิน รถหุ้มเกราะหกล้อ PWCM2-009 จอดหยุดสนิทที่โรงจอดรถ คอนราดก็เปิดประตูออกจากรถรีบไปกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 4 เพื่อเข้าไปแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและการปรากฏตัวของรอยสักให้ผู้จัดการซีน่อนรับรู้อย่างรีบร้อน
ดูแล้วเรื่องนี้จะร้ายแรงกว่าที่คิด ขออย่าให้เมืองเรซีต้องตกอยู่ในอันตรายเลย
เรย์ภาวนาในใจเบา ๆ จากนั้นก็ไปช่วยโบเวนและฟาริสเก็บของเขาคลังที่ชั้นใต้ดิน โดยชายหนุ่มรับหน้าที่เอาเลือดสีขาวไปส่งให้กับคอนเนอร์ที่ตอนนี้กำลังเช็ดทำความสะอาดปืนและบำรุงรักษาปืนอยู่
“ลุงคอนเนอร์ผมเขาเลือดสีขาว 7 ขวดมาส่ง”
“ได้น้อยกว่าที่คิด” คอนเนอร์มองไปที่เรย์ ก่อนจะยื่นมือไปรับขวดเข้ามาเก็บห้องด้านหลัง หลังจากนั้นก็เดินออกมาเขียนเอกสารและยื่นให้กับเรย์เซ็นรับรองในฐานะผู้ส่งมอบเลือดสีขาวจากภารกิจในครั้งนี้
ระเบียบค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร...เรย์มองไปที่เอกสาร ก่อนจะเซ็นชื่อลงในช่องผู้ส่งมอบและยื่นเอกสารส่งคืน
คอนเนอร์รับเอกสารมาและปั๊มตรายางสองสามจุดสำคัญเพื่อเป็นการยืนยัน
“อืม จุดนี้ จุดนี้ และก็เรียบร้อย”
เรย์มองดูคอนเนอร์ ก่อนจะอาศัยจังหวะนี้ถือโอกาสถามถึงเรื่องรอยสักที่เจอ เพราะดูแล้วคอนเนอร์น่าจะเป็นคนเก่าแก่ของหน่วยงานนักล่าความตาย ประจำสาขาเมืองเรซี
“ลุงคอนเนอร์รู้อะไรเกี่ยวกับรอยสักวงแหวนสีดำและมีงูทมิฬพันรอบวงแหวนไหม” เรย์ใช้นิ้วชี้วาดลงไปที่ฝุ่นบนโต๊ะด้านหน้าเป็นวงกลมและก็วาดงูลงไปที่วงกลมเพื่อให้คอนเนอร์ดู
คอนเนอร์ที่กำลังถือตรายางในมือถึงกับหยุดชะงัก มือสั่นเทา เงยหน้ามองเรย์และถามด้วยความตกใจ
“ไปเห็นสัญลักษณ์นี้มาจากไหน!” คอนเนอร์ที่ปกติมักจะนิ่ง ๆ จู่ ๆ ก็ตะโกนใส่เรย์จนน้ำลายกระเด็น สีหน้าของคอนเนอร์ดูจะตกใจผสมกับจริงจัง จับจ้องรอคำตอบของเรย์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา
“ที่ศพของคนเร่ร่อน”
เรย์ตอบกลับไปตามจริง แต่ดูเหมือนคอนเนอร์จะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบสั้น ๆ ของเด็กหนุ่มตรงหนักเท่าไหร่ “บอกให้ละเอียดหน่อย”
“เออ ได้ครับ วันนี้ที่รอยแยกมิติ มีพวกคนเร่ร่อนเข้ามาวุ่นวาย คนพวกนั้นเหมือนคนบ้า ยื่นแขนให้กับซอมบี้กัด สุดท้ายพวกเราจึงต้องทำการ....ฆ่าทิ้งเพราะพวกเขาติดเชื้อ พอค้นดูก็เจอเข้ากับรอยสัก เลือดสีขาวและยังมีถังไม้ที่ด้านในมีศพเด็กอยู่” เรย์เล่าให้คอนเนอร์ฟังอย่างรวบรัด
แต่พอชายหนุ่มเงยหน้าสังเกตสีหน้าของคอนเนอร์ ก็ต้องสงสัยอีกครั้ง เพราะตอนนี้มือของคอนเนอร์สั่นไม่หยุด จนเจ้าตัวต้องใช้มืออีกข้างจับกันเอามือ แต่แล้วคอนเนอร์ก็ใช้มือข้างที่มาจับอีกมือถลกแขนเสื้อยาว ๆ ของเขาขึ้นมาจนถึงสอง
“เป็นรอยสักแบบนี้ไหม” คอนเนอร์ยื่นแขนออกมาให้กับเรย์ได้ดู
เรย์ก้มไปมองมือที่เหี่ยวย่นของลุงคอนเนอร์ ที่ข้อมือมีรอยสักสีดำจาง ซึ่งเมื่อมองดูดี ๆ มันรอยสักแบบเดียวกับที่เรย์เจอกับศพคนเร่ร่อน
“นี่มัน” เรย์ตกใจเมื่อเห็นรอยสักที่ข้อมือของคอนเนอร์
ชายหนุ่มดีดตัวถอยหลังชักปืนพก M1911A1 ข้างเอวเล็งไปที่คอนเนอร์ในทันที
“ลุงคอนเนอร์ คุณเป็นใคร” เรย์ถามด้วยท่าทีจริงจัง
ฟาริสและโบเวนที่กำลังจัดการของอยู่ก็ตกใจกับการกระทำของเรย์ รีบยกมือห้ามเรย์ ขณะที่มือพากันจับไปที่ซองปืน
“เรย์นายจะทำอะไร?” ฟาริสถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ลองดูที่แขนของลุงคอนเนอร์” เรย์พูดและส่งสายตามไปทางรอยสักที่ข้อมือของคอนเนอร์
ทั้งฟาริสและโบเวนต่างตกใจ ที่เห็นว่าคอนเนอร์ก็มีรอยสักที่ข้อมือ ฟาริสและโบเวนไม่อยากจะเชื่อสายตา เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ลุงคอนเนอร์นั้นคือคนที่อยู่ในหน่วยนักล่า สาขาเรซีมาอย่างยาวนาน อาจจะพอ ๆ กับหัวหน้าคอนราดเลย
ดังนั้นจึงตกใจที่คอนเนอร์มีรอยสักแบบเดียวกับคนเร่ร่อนที่พวกเขาเจอมาวันนี้
“ใจเย็นก่อน ฉันคือคนของหน่วยงานนักล่าความตายและไม่ใช่พวกเดียวกับคนเหล่านั้น” คอนเนอร์ดึงแขนกลับก่อนจะใช้แขนเสื้อลงมาปิดรอยสักไว้อย่างใจเย็น
เรย์มองไปที่คอนเนอร์ ก่อนจะหันไปมองฟาริสและโบเวน ฟาริสพยักหน้าให้กับทั้งสองใจเย็น ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาลุงคอนเนอร์และถาม
“หัวหน้าหรือผู้จัดการรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“รู้ ผู้จัดการซีน่อน คอนราด ไดร่า ทั้งสามคนรู้เรื่องนี้ อีกคนคงเป็นยัยเด็กฮอลลี่นั้นละมั้ง” คอนเนอร์ไม่รีบร้อน
เขานั่งลงกล่าวของใจเย็น ก่อนจะเปิดลิ้นชักออกมาหยิบบุหรี่ที่ไม่ค่อยได้สูบออกมาจากซองเก่า ๆ ขึ้นมาจุดสูบ
“ลุงไม่สูบบุหรี่ไม่ใช่หรือไง” โบเวนถาม
“เคยสูบแต่หยุดไปสี่ปีแล้ว แต่ตอนนี้...” คอนเนอร์สูบไปอีกสองสามครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เธอเก็บปืนก่อนก็ได้”
เรย์พยักหน้าเก็บปืนเข้าซอง แต่ก็ยังระวังตัวอยู่ ชายหนุ่มกล่าว “ผมขอโทษด้วยที่ชี้ปืนไปทางลุงคอนเนอร์ แต่ทำไมลุงถึงมีรอยสักแบบนี้กัน”
“รอยสักนี่นะเหรอ มันเป็นเรื่องในอดีต...ฉันเคยเข้าร่วมกับพวกบ้า ๆ จนเกือบตาย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโศกนาฏกรรมซอมบี้ล่ะนะ พวกคุณก็เคยผ่านมากันใช่ไหม ครั้งแรกในการเจอซอมบี้ ของฉันก็เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะมาทำงานที่หน่วยงานนักล่าความตายได้อย่างไร” คอนเนอร์ตอบเชิงถาม
เรย์ ฟาริสและโบเวนพยักหน้า ทุกคนเคยผ่านมันมาหมด ดังนั้นจึงถูกหน่วยงานนักล่าความตายทาบทามเข้ามา
ลุงคอนเนอร์ยังคงกล่าวต่อ “รอยสักวงแหวนสีดำและงูทมิฬเลื้อยพันรอบนั้น คือสัญลักษณ์ของ”ลัทธิมืด“ลัทธิมืดไม่เคยมีการเผยแผ่ ไม่มีคำสอน ไม่มีแนวทางหรือรูปแบบ พวกมันมีแต่ความเชื่อเท่านั้น”
คอนเนอร์หยุดเงียบไปไม่ได้กล่าวความเชื่อของลัทธิมืดออกมา
“ตอนนั้นฉันเคยเป็นคนเร่ร่อนและเป็นเป้าหมายของพวกมัน สุดท้ายก็เลยเข้าร่วมเพราะคนพวกนั้นมันให้อาหารกินและยังบอกจะใช้ชีวิตใหม่ จากนั้นฉันก็ได้รอยสักมา แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของซอมบี้ ฉันก็ถูกช่วยไว้โดยคอนราด มันผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว ข่าวของลัทธิมืดไม่เคยมีอีกเลย ในตอนแรกคิดว่าทางสำนักงานใหญ่ทำลายพวกลัทธิมืดไปหมดแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าพวกมันยังอยู่จนถึงตอนนี้”
“ความเชื่อของลัทธิมืดอะไร” ฟาริสถามด้วยความสงสัยเพราะคอนเนอร์ไม่กล่าวถึง
“ความตายมีจริง” คอนเนอร์กล่าวด้วยเสียงเบา ๆ ด้วยความพูดที่ยากจะเข้าใจ
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา คอนเนอร์ยื่นมือเหี่ยว ๆ ของตนออกไปรับสาย ก่อนจะพูดออกมาเสียงเหนื่อยอ่อน
“เข้าใจแล้ว ฉันกำลังไปพบผู้จัดการ”
คอนเนอร์วางสายและหันมากล่าวกับพวกเขา “ความโกลาหลกำลังมา ระวังตัวด้วย”
เรย์มองลุงคอนเนอร์ที่เหมือนจะดูแก่ขึ้นมาอีกสิบปี กำลังเดินไปขึ้นลิฟต์พบผู้จัดการซีน่อน
“หัวหน้าคงจะอยู่ที่นั่นด้วยอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ในไม่ช้า” ฟาริสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดออกมาอย่างลอย ๆ
เรย์และโบเวนพยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนี้ริชาร์ดไปที่เมืองหลวงเอลินเมียดังนั้นคงจะปลอดภัยอยู่ที่นั่นไปสักพัก...
บางทีเราคงต้องเตือนพวกเร็กซ์ ควินตัน พอลและนิกโก้ด้วย
เรย์เริ่มคิดหาทางบอกเรื่องอันตรายต่าง ๆ ให้กับคนรอบข้าง แม้จะไม่ได้บอกความจริงเรื่องซอมบี้ แต่ก็ควรเตือนพวกเขาบ้าง
...