ตอนที่ 33 หุบเขาหมื่นพฤกษา
ภูเขาหลายร้อยลูกที่เรียงต่อกันสุดลูกหูลูกตา ปรากฏตรงหน้าเล้งซานอีกครั้ง ที่นี่คือหุบเขาหมื่นพฤกษา กินอาณาเขตกว่า 1 ส่วน 20 ในตอนเหนือของทวีปเต่าทมิฬ สถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ สมุนไพรหลายหมื่นชนิด และสัตว์อสูรลมปราณมากมายที่สุดในตอนเหนือของทวีปแห่งนี้
ครั้งแรกที่เล้งซานเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ มันบรรลุเพียงพลังลมปราณชั้นสีม่วงขั้นที่ 4 ทุกฝีก้าวที่มันเดินเข้าไปย่อมอันตรายถึงที่สุด เพราะสัตว์อสูรบริเวณนี้กว่า 9 ใน 10 ส่วนสามารถบดขยี้มันได้อย่างง่ายดาย
แต่ในคราวนี้มันมาพร้อมพลังลมปราณชั้นสีครามชั้นที่ 3 อีกทั้งยังมีปราณอัคคีแห่งมังกรที่ทรงพลัง จึงทำให้เป็นเรื่องง่ายดายในการบุกเข้าไปในหุบเขาแห่งนี้ ขอเพียงมันไม่เข้าไปลึกจนเกินไปย่อมไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
จากสัมผัสอันทรงพลังของเฟรย่าสามารถบอกได้ว่า หุบเขาแห่งนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับชั้น อาณาเขตทั้งหมดเป็นรูปคล้ายครึ่งวงกลม ด้านในสุดของอาณาเขตหุบเขาหมื่นพฤกษา ติดกับมหาสมุทร ที่ล้อมรอบทวีปเต่าทมิฬ
ในชั้นแรกสุดประกอบด้วยสัตว์อสูรลมปราณชั้นสีม่วงและสีครามจำนวนมหาศาลคาดว่าจะเกินกว่าล้านตัว กินพื้นที่ทั้งหมดกว่า 5 หมื่นตารางกิโลเมตร
ชั้นที่สองประกอบไปด้วยสัตว์อสูรลมปราณชั้นสีครามและสีน้ำเงินจำนวนมาก กินพื้นที่ทั้งหมดกว่า 3 หมื่นตารางกิโลเมตร
และชั้นด้านในสุดที่ติดกับมหาสมุทรกินพื้นที่ราวๆ 2 หมื่นตารางกิโลเมตรแต่ในชั้นนี้ สัตว์อสูรลมปราณทั้งหมดเป็นชั้นลมปราณสีน้ำเงินและสีเขียวจำนวนมาก อีกทั้งยังเฟรย่าสัมผัสจางๆได้ถึงสัตว์อสูรชั้นลมปราณสีเหลือง คาดว่ามันน่าจะยังคงจำศีลอยู่ทำให้สัมผัสที่ได้รับมาค่อนข้างเลือนราง
"เฟรย่า ในคราวนี้ข้าต้องลงบ่อโลหิตอสูรเช่นคราวก่อนอีกหรือไม่??"
เล้งซานกล่าวพลางเกาหัวเล็กน้อย
"โอ้!!...เราไม่ยักรู้ว่าสัตว์ประหลาดเช่นเจ้าก็ยังหวั่นเกรงต่อบ่อโลหิตอสูร"
"ฮ่าๆ หากมีผู้ใดบอกว่าไม่เกรงกลัวความทรมานจากบ่อโลหิตอสูรแม้แต่น้อย มันผู้นั้นย่อมโป้ปดเป็นแน่แท้!!"
เล้งซานหัวเราะเบาๆอย่างขมขื่น เพราะมันเคยสัมผัสกับความน่ากลัวเช่นนั้นมาร่วมครึ่งเดือน
"หากเจ้าไม่ได้รีบร้อนบ่มเพาะพลังลมปราณ ก็ไม่จำเป็นต้องลง!!"
"หุหุ...เฟรย่า ท่านพูดออกมาเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากบังคับข้าลงหรอกนะ"
เล้งซานถอนหายใจเล็กน้อย
"เอาเถอะอย่างไรซะ เราก็มีข่าวดีและข่าวร้ายจะบอกเจ้า"
"ข่าวดี ข่าวร้าย??" เล้งซานเอียงคอเล็กน้อยด้วยท่าทีสงสัย
"ฮิฮิ..ข่าวดีก็คือ จากที่ข้าสัมผัสได้หากเจ้าโคจรปราณมังกรบรรพตเอาไว้อย่างต่อเนื่องขณะแช่ตัวในบ่อ จะสามารถลดความทรมานลงได้กว่าครึ่งเลยทีเดียว"
"จริงหรือ!! แล้วเหตุใดท่านมิบอกข้าตั้งแต่คราวก่อน!!" เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย
"โธ่...เจ้าเด็กน้อย คราวก่อนเจ้ามีพลังลมปราณต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนั้น ต่อให้เราบอกเจ้า เจ้าก็ใช้ปราณมังกรบรรพตได้มิเกิน 30 ลมหายใจอยู่ดี สู้เรามิบอกให้เจ้าต้องเสียสมาธิ ไม่ดีกว่ารึ??"
"ก็จริงของท่าน" เล้งซานลูบคางเล็กน้อย
"แต่ด้วยพลังลมปราณของข้าในตอนนี้ สามารถใช้ปราณมังกรบรรพตได้ต่อเนื่องกว่า 2 ชั่วยามแล้ว ถ้าเช่นนี้ก็สบายล่ะ ฮ่าๆๆ ว่าแต่..ข่าวร้ายคืออะไร??"
"บ่อโลหิตของชั้นลมปรานสีคราม จะมีพิษที่ทรมานกว่าบ่อโลหิตของชั้นสีม่วงอย่างน้อยสิบเท่า"
"บัดซบ!!!!!!!"
.......................
ณ เมืองเมฆคราม ขณะนี้ที่พรรคป้อมอัคคีวุ่นวายเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ฝึกสอนชั้นลมปราณสีน้ำเงิน 5 คนถูกสังหาร 1 ใน 7 ผู้อาวุโสซูจ้าว บาดเจ็บสาหัส เสียแขนและขาอย่างละข้างซึ่งซูจ้าวนั้นมิใช่เพียงผู้อาวุโสธรรมดามันเป็นถึงน้องชายแท้ๆของผู้นำพรรคคนปัจจุบัน และยังเป็นลูกชานแท้ๆของอดีตผู้นำพรรครุ่นก่อน อีกทั้ง 1 ใน 3 อาวุธอักขณะที่พรรคถือครอบครองยังถูกชิงไปอีกด้วย!!
เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงอย่างมาก ถึงขั้นทำให้ ซูป้าหลง อดีตผู้นำพรรครุ่นก่อน ที่วางมือจากเรื่องราวในพรรคไปกว่าสิบปี ยังต้องมาเข้าประชุมด้วย
การประชุมประกอบด้วย ซูป้าหลง อดีตผู้นำพรรครุ่นก่อน ซูซ่งหยู ผู้นำพรรคคนปัจจุบัน และอาวุโสที่เหลืออีก 6 คน การประชุมในครั้งนี้ทุกคนต่างเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
"ท่านจะบอกว่า มันเป็นเพียงผู้เยาว์อายุ 15-16 ปี อีกทั้งยังมีพลังลมปราณเพียงชั้นสีครามขั้นต้น กระทำการทั้งหมดนี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรือ!!"
ซูซ่งหยู กล่าวขึ้นเมื่อได้ฟังรายงานจาก อาวุโสหง และอาวุโสเอี้ย
"เรียนท่านผู้นำ ข้าและอาวุโสหงได้ประมือกับมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงยังมิอาจสรุปได้ว่ามันเป็นคนของพรรคใด แต่ปราณอัคคีสีฟ้าที่มันใช้นั้น สามารถบอกได้เลยว่า วิชาปราณอัคคีของพรรคเรามิอาจเทียบเท่าได้แม้แต่น้อย!!"
ซูซ่งหยู หันไปหาซูป้าหลง เล็กน้อย มันประสานมือ และกล่าวกับบิดาอย่างสุภาพ
"ท่านพ่อ ท่านพอทราบหรือไม่ว่าสำนักใดในทวีปนี้ ใช้ปราณอัคคีสีฟ้า"
ซูป้าหลง นั่งลูบเคราที่ยาวถึงหน้าอกช้าๆ พลางหลับตาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
"ข้านั้นเคยเดินทางมาแล้วทั่วทวีปเต่าทมิฬ อีกทั้งยังเคยเดินทางไปอีก 3 ทวีปที่เหลือมาแล้วเล็กน้อย ข้าพบเจอพรรคที่ใช้ปราณอัคคีมามากมายหลายร้อยพรรค แต่ไม่มีพรรคใดเลยที่ใช้ปราณอัคคีสีฟ้า"
"เพียงแต่ว่า....." ซูป้าหลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เพียงแต่อะไรหรือท่านพ่อ??"
"ข้าเคยอ่านเจอจากบันทึกเล่มหนึ่งในทวีปมังกรฟ้า ว่าสัตว์อสูรลมปราณสายพันธุ์มังกรในอดีต ซึ่งอยู่จุดสูงสุดแห่งความแข็งแกร่งในทวีปมังกรฟ้า ใช้เปลวเพลิงสีฟ้าที่ร้อนแรงบดขยี้ศัตรูโดยไร้ผู้ต่อต้าน ก่อนจะสูญพันไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน"
"มังกร!!"
ซูซ่งหยู และอาวุโสทั้ง 6 เบิกตากว้างทันที เพราะมังกรเป็น 1 ใน 4 สายพันธุ์สัตรอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้!!
ซูป้าหลง เห็นคนในพรรคแตกตื่นจนเกินไป จึงส่ายหน้าเล็กน้อย
"พวกเจ้าอย่าเข้าใจผิด สิ่งที่ข้ากล่าวมานั้นเป็นเพียงเนื้อหาในบันทึกเล่มหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรมายืนยันว่าบันทึกนั้นจะถูกต้องหรือไม่ และถึงแม้มันจะเป็นจริงดังในบันทึก แต่มนุษย์ย่อมไม่มีทางได้รับการถ่ายทอดพลังมาจากสัตว์อสูรได้"
"ข้านั้นคิดว่า เปลวเพลิงสีฟ้าที่เจ้าหนุ่มนั้นใช้ น่าจะเป็นเพียงเปลวเพลิงที่เปลี่ยนสีไปเท่านั้น อาจจะเป็นวิชาของพรรคใดสักแห่งที่เราไม่รู้จักก็เป็นได้"
จากคำพูดของ ซูป้าหลง ทำให้คนอื่นๆถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นหนึ่งในผู้อาวุโสทั้ง 6 ก็ลุกยืนขึ้นรายงาน
"เรียนท่านอดีตผู้นำ อาจเป็นไปได้ดังที่ท่านว่า เพราะเคยมีรายงานจากอาวุโสซู เขียนไว้ว่า เล้งซาน เป็นศิษย์แกนหลักของสำนักเทือกเขาไท่จู ซึ่งเป็นสำนักที่อยู่ตอนใต้ของทวีปเต่าทมิฬแห่งนี้ และผู้อาวุโสซูก็ได้ส่งผู้ฝึกสอนชั้นลมปราณสีน้ำเงินพร้อมศิษย์จำนวนหนึ่ง ไปสืบที่มาของสำนักนี้แล้ว แต่เนื่องด้วยระยะทางที่ไกลนับหมื่นลี้ จึงอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่จะมีข่าวคราวมาถึงพรรค"
"อืม...เป็นเช่นนี้นี่เอง" ซูป้าหลงพยักหน้าเบาๆ
ซูซ่งหยู ลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าว
"ถ้าเช่นนั้น เราก็ยังมิอาจทำอะไรได้ในตอนนี้ กระจายคำสั่งไปยังศิษย์ทุกคนในพรรค ว่าหากผู้ใดพบเห็นเล้งซาน ไม่ว่าจะที่ใดให้รีบรายงานทันที และติดป้ายประกาศจับให้ทั่ว ให้รางวัลนำจับ 5 หมื่นทอง แก่ผู้ที่จับกุมมันได้!!"
"รับทราบ!!"
อาวุโสทุกคนตอบพร้อมกับ พลางยืนขึ้นประสานมือ รับคำสั่ง....
..................................................